หนิงเซี่ยตั้งเป้าเป็นฐานผลิตไวน์ครบวงจรของจีน เตรียมสร้าง “ไวน์บูติก” เพิ่มมูลค่าสินค้า
10 Sep 2015ปัจจุบันไวน์ที่ผลิตจากเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยล้วนแต่ได้รับการยอมรับว่าเป็นไวน์ชั้นเยี่ยมไม่แพ้ไวน์ราคาแพงจากต่างประเทศ1ดังคำของนักปรุงไวน์ชาวฝรั่งเศส Denis Saverot ที่เคยกล่าวไว้ว่า “ไวน์องุ่นจากเขตฯหนิงเซี่ยมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นไม่เหมือนใคร โดยชาวไร่องุ่นมีวิธีการผลิตและดูแลองุ่นเฉพาะทางที่แตกต่างจากในฝรั่งเศส” ปัจจุบันเขตฯหนิงเซี่ยจึงไม่ได้เป็นพื้นที่ห่างไกลที่ล้าหลังในสายตาชาวต่างชาติอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นทำเลทองในการผลิตสินค้าการเกษตรที่สำคัญโดยเฉพาะการเป็นพื้นที่ปลูกองุ่นผลิตไวน์เพื่อการส่งออกและบริโภคทั้งภายในและต่างประเทศ
ปัจจุบันมีผู้ผลิตไวน์ชั้นนำของโลกหลายแห่งอาทิ Moet Hennessey Grand Moueys เข้ามาลงทุนในเขตฯหนิงเซี่ยเพื่อสร้างฐานการปลูกและผลิตไวน์มากขึ้น เนื่องจากพบว่าเขตฯหนิงเซี่ยมีภูมิอากาศและสภาพดินที่เหมาะแก่การปลูกองุ่นเพื่อทำไวน์ รวมไปถึงตลาดการบริโภคไวน์ในประเทศจีนยังเป็นอีกหนึ่งตลาดที่เปิดกว้างแก่วิสาหกิจที่สนใจเข้าลงทุนในด้านดังกล่าว นับตั้งแต่ปี 1997 อัตราการบริโภคไวน์องุ่นที่ผลิตในประเทศมีมากขึ้นโดยมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นถึง 8 เท่า แต่เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับอัตราการบริโภคไวน์ในต่างประเทศแล้วถือได้ว่าประเทศจีนยังคงมีช่องทางและโอกาสในการทำตลาดในสินค้าประเภทดังกล่าวได้อีกมาก (สัดส่วนการบริโภคไวน์ต่อหัวในประชากรยุโรปและประชากรจีนอยู่ที่ 60:0.5)2
รัฐบาลเขตฯหนิงเซี่ยเล็งเห็นถึงจุดแข็งของสภาพอากาศและสภาพดินที่เหมาะสมแก่การปลูกองุ่นและเริ่มพัฒนาอุตสาหกรรมไวน์อย่างจริงจังในปี 1982 ด้วยการสร้างฐานการปลูกองุ่นขนาดใหญ่แห่งแรกขนาด 1,000 หมู่ (409.8 ไร่) ต่อมาในปี 1984 ได้เริ่มพัฒนาก่อตั้งโรงงานผลิตไวน์จิ่วเฉวียนและบ.กว่างเซี่ยเฮ่อหลาน จำกัด โดยอุตสาหกรรมการผลิตไวน์ของเขตฯหนิงเซี่ยได้ถูกบรรจุให้เป็น 1 ใน 9 อุตสาหกรรมหลักของเขตฯหนิงเซี่ยในเวลาต่อมา รวมไปถึงการออกมาตรการส่งเสริมอื่นๆอาทิ
1) เร่งผลักดันมาตรการและนโยบายส่งเสริมอาชีพการเพาะปลูกและพัฒนาสายพันธุ์องุ่นเพื่อการทำไวน์
2) การสนับสนุนและพัฒนาการวิจัย ซึ่งที่ผ่านมาเขตฯหนิงเซี่ยตั้งศูนย์การวิจัยองุ่นและไวน์ขึ้นเพื่อทำการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์องุ่นและการร่วมมือกับหน่วยงานผู้เชี่ยวชาญทางด้านไวน์จากประเทศที่มีชื่อเสียง อาทิ ฝรั่งเศส อิตาลี
โดยในปี 2007 อุตสาหกรรมไวน์ของเขตฯหนิงเซี่ยสามารถทำรายได้ได้มากถึง 2,000 ล้านหยวน ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลเขตฯหนิงเซี่ยเร่งผลักดัน “แผนยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมและวัฒนธรรมองุ่นตงลู่เขาเฮ่อหลาน (เป็นเทือกเขาที่มีชื่อด้านการเพาะปลูกไวน์ของเขตฯหนิงเซี่ย)” เพื่อเป็นฐานหลักในการผลิตไวน์ของเขตฯหนิงเซี่ยให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายและรวดเร็วและจากแผนฯดังกล่าว อุตสาหกรรมไวน์ของเขตฯหนิงเซี่ยจึงได้รับการพัฒนาจนสามารถสร้างรายได้มากกว่า 6,500 ล้านหยวนเมื่อปี 2014
เตรียมผลักดันไวน์บูติก สร้างมูลค่าเพิ่มแก่สินค้า
“ไวน์บูติก” มีความพิเศษกว่าไวน์ทั่วๆไปด้วยขั้นตอนการผลิตที่พิถีพิถันกว่า ตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกสายพันธุ์องุ่น การตรวจวัดคุณภาพดินที่เพาะปลูก ตลอดไปจนถึงขั้นตอนการผลิตไวน์โดยเขตฯหนิงเซี่ยได้ตั้งเป้าให้ไวน์บูติกที่ผลิตจากในพื้นที่เป็นไวน์ออร์แกนิกส์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดระดับบน โดยการผลิตไวน์บูติกจะให้ความสำคัญตั้งแต่การเพาะปลูกและดูแลผลผลิตตลอดไปจนถึงขั้นตอนการเก็บเกี่ยว การบ่มและขั้นตอนการบรรจุไวน์ ซึ่งรัฐบาลเขตฯหนิงเซี่ยยังได้ทุ่มงบประมาณสนับสนุนกว่า 3,000 ล้านหยวนสร้างโรงงานผลิตไวน์บูติก(精品酒庄) เพื่อเพิ่มมูลค่า(Value Added) ให้แก่สินค้า ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าว่าจะสามารถสร้างรายได้มากกว่า 1,000 ล้านหยวนและสร้างงานในพื้นที่ได้กว่า 100,000 ตำแหน่ง 3
บทสรุป
การพัฒนาตลาดไวน์ที่ผลิตจากเขตฯหนิงเซี่ยให้เป็นที่รู้จักทั่วโลกถือเป็นแผนงานสร้างมูลค่าให้แก่สินค้า made in Ningxia ให้เป็นที่ยอมรับจากทั่วโลกรวมถึงการขานรับกระแสสินค้าหรูหรา (Luxury Products) ที่กำลังเป็นที่นิยมในประเทศจีนเนื่องจากประชากรมีกำลังซื้อมากยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของwww.thedrinksbusiness.com ที่ระบุว่าในปัจจุบันเศรษฐีจีนนิยมเข้าลงทุนในกิจการผลิตไวน์โดยการเช่าพื้นที่จากรัฐบาลเนื่องจากเป็นตลาดที่กำลังโตและมีแนวโน้มการตอบรับที่ดี4 นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสของนักลงทุนชาวไทยที่สนใจเข้าลงทุนในอุตสาหกรรมดังกล่าวเนื่องจากรัฐบาลให้ความสนับสนุนให้เกิดการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีนักลงทุนไทยเข้ามาลงทุนในธุรกิจองุ่นและไวน์แล้วได้แก่ Ningxia Daylong Winery ภายใต้การดูแลของ Daysun Group ด้วยเงินลงทุนกว่า 2,000 ล้านหยวน บนเนื้อที่กว่า 101,160 ไร่
ข้อมูลเพิ่มเติม
1. ปัจจุบันไวน์ที่ผลิตจากเขตฯหนิงเซี่ยยังคงมีจำนวนจำกัดไม่สามารถตอบสนองอุปสงค์ทั่วประเทศได้ รวมไปถึงยังคงประสบปัญหาการจัดการที่ดินที่เขตฯหนิงเซี่ยให้สิทธิ์ในพื้นที่การปลูกองุ่นแก่นักลงทุนเพียง 20-30 ปีเท่านั้นและระบบภาษีที่รัฐบาลที่จัดเก็บเนื่องจากไวน์ได้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเภทสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งส่งผลต่อราคาต้นทุนที่จะเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 30 ต่อขวด
2. http://www.wine.gov.cn/zxdt/hyfg/201208/t20120824_1078393.html
3. เขตฯหนิงเซี่ยเริ่มผลิตไวน์บูติกโดยกำหนดให้ต้องเป็นไวน์ที่ผลิตจากตงหลู่บนเทือกเขาเฮ่อหลานและได้รับการรับรองจากมาตรฐานพื้นที่ผลิตไวน์จากเมือง Bordeaux ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งปัจจุบันไวน์ที่ผลิตจากเขตฯดังกล่าวได้แก่แบรนด์ซีเซี่ยหวัง, เจียเป้ยหลาน, ปาเก๋อซือ, ลี่หลาน, หยินเซ่อเก่าตี้ โดยตั้งเป้าให้ถึง 100 แบรนด์ภายใน 5 ปีข้างหน้า
4. http://www.thedrinksbusiness.com/2015/08/chinas-rich-want-to-build-own-wineries/
5. ปัจจุบันเขตฯหนิงเซี่ยมี 72 โรงงานผลิตไวน์และอีก 58 แห่งที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง
ข้อมูลอ้างอิง
1. http://www.yctjj.gov.cn/tjfx/dcyjbg/288964.shtml
2. http://www.people.com.cn/GB/paper1172/1667/270776.html
3. http://yc.nxgs.gov.cn/info/1093/3189.htm
4. http://www.thedrinksbusiness.com/2015/06/chinas-ningxia-region-launches-wine-contest/
5. http://usa.chinadaily.com.cn/epaper/2015-09/01/content_21770735.html