ส่งออกไปจีน
นำเข้าจากจีน
แก้ไขปัญหาทางการค้าในจีน
ธุรกรรมการเงิน ไทย-จีน
การค้า
ส่งออกไปจีน
การค้า
นำเข้าจากจีน
Coming Soon
การค้า
แก้ไขปัญหาทางการค้าในจีน
เมื่อเกิดปัญหาทางการค้าในจีน ทางออกเพื่อแก้ไขปัญหามักจบลงด้วยการระงับข้อพิพาทและฟ้องคดีซึ่งแบ่งเป็นระบบที่สำคัญ 5 ประเภท ดังนี้
1. ระบบการระงับข้อพิพาทโดยวิธีไกล่เกลี่ย
หลักการของระบบการไกล่เกลี่ย หมายถึง บุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเกิดข้อพิพาททางแพ่งซึ่งไม่สามารถที่จะเจรจาหาข้อยุติด้วยกันเองได้ ตกลงมอบหมายให้บุคคลที่ 3 เป็นผู้ทำการไกล่เกลี่ยหาข้อยุติเพื่อระงับข้อพิพาท โดยผู้ไกล่เกลี่ยจะทำหน้าที่เกลี้ยกล่อมและชักจูงให้คู่กรณีตกลงยอมรับข้อเสนอแนะโดยสมัครใจจนถึงขั้นทำข้อตกลงระงับข้อพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย โดยทั่วไปผู้ไกล่เกลี่ยจะมาจากยินยอมร่วมกันของทั้งคู่กรณี เช่น คนกลางที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับทั้งคู่กรณี นักกฏหมาย ฯลฯ
2. ระบบการระงับข้อพิพาทโดยวิธีการอนุญาโตตุลาการ
ระบบอนุญาโตตุลาการ หมายถึง ระบบทางกฎหมายอย่างหนึ่งที่คู่กรณีที่เกิดข้อพิพาททางแพ่ง ได้ตกลงกันว่าจะนำข้อพิพาทนั้นเข้าสู่การพิจารณาของบุคคลที่สามที่ทั้งสองฝ่ายได้แต่งตั้งขึ้นโดยสมัครใจกัน โดยคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามคำชี้ขาดตามระเบียบอนุญาโตตุลาการ โดยทั่วไปแล้ว อนุญาโตตุลาการเป็นกิจกรรมภาคเอกชนที่เกิดขึ้นในวงการธุรกิจ เป็นพฤติการณ์ที่กระทำโดยเอกชน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เป็นพฤติการณ์ที่ทำการตัดสินชี้ขาดโดยเอกชน มิใช่ตัดสินชี้ขาดโดยรัฐ อนุญาโตตุลาการถูกกำหนดให้เป็นรูปแบบการแก้ไขข้อพิพาททางแพ่งที่เทียบเคียงกับการแก้ไขข้อพิพาทโดยการเจรจา ไกล่เกลี่ยและการดำเนินคดีต่อศาล แต่การอนุญาโตตุลาการอยู่ภายใต้การควบคุมแลของรัฐตามกฎหมาย รัฐจะให้ศาลเข้าไปแทรกแซงกิจการของอนุญาโตตุลาการในเรื่องผลการบังคับใช้ของข้อสัญญาอนุญาโตตุลาการ การกำหนดขั้นตอนดำเนินการอนุญาโตตุลาการ การบังคับคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการและในกรณีที่คู่กรณีไม่ปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ กิจกรรมต่างๆ ของอนุญาโตตุลาการจึงมีลักษณะทางยุติธรรมเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งในระบบยุติธรรมของจีน
3. ระบบการระงับข้อพิพาทโดยวิธีการฟ้องร้องคดี
การระงับข้อพิพาทโดยการฟ้องร้องคดีแบ่งเป็น 3 ระบบสำคัญ ได้แก่
3.1 ระบบการสอบสวนสืบสวน
การระงับข้อพิพาทวิธีนี้ คือ การนำปัญหาข้อพิพาทเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดี โดยเริ่มจาก การสืบสวนสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่องค์กรตำรวจเพื่อตรวจสอบตามข้อบัญญัติของกฏหมายจีน ความรับผิดชอบในด้านการสืบสวนสอบสวนจะเกี่ยวข้องกับขั้นตอนการรับเรื่องราวร้องทุกข์กล่าวโทษและตั้งข้อกล่าวหา การเริ่มต้นสอบสวน การรวบรวมพยานและหลักฐาน การควบคุมตัวและการจับกุม และการดำเนินการส่งฟ้อง
3.2 ระบบอัยการ
ระบบอัยการ หมายถึง ลักษณะ หน้าที่ ระบบจัดตั้ง หลักการการจัดตั้งและการจัดทำกิจกรรม รวมทั้งระเบียบการทำงานต่าง ๆ ขององค์กรอัยการของรัฐธรรมนูญและกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งอัยการประชาชนกำหนดว่า สำนักงานอัยการประชาชนเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่กำกับดูแลงานฝ่ายกฎหมายของรัฐ มีอำนาจในการใช้สิทธิทางอัยการของรัฐ สำนักงานอัยการประชาชนจัดตั้งขึ้นโดยความเห็นชอบของการประชุมผู้แทนประชาชนในระดับท้องถิ่นต่างๆ ทำหน้าที่รับผิดชอบและรายงานการดำเนินต่อการประชุมของสภาผู้แทนประชาชน
3.3 ระบบตุลาการ
จีนมีระบบการพิจารณาพิพากษาคดีโดยระบบศาล ซึ่งประกอบด้วยการจัดตั้งศาลประชาชน ผู้พิพากษา และกระบวนการพิจารณาพิพากษา รัฐธรรมนูญและกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลประชาชนกำหนดไว้ว่า ศาลประชาชนเป็นองค์กรพิจารณาคดีของรัฐ ระบบศาลประกอบด้วยศาลประชาชนชั้นต่างๆ ในท้องถิ่นต่างๆ ศาลประชาชนชำนาญพิเศษเฉพาะกิจและศาลประชาชนสูงสุด การพิจารณาพิพากษาคดีของศาลประชาชนทุกชั้นทุกประเภทอยู่ภายใต้อำนาจการกำกับดูแลของศาลประชาชนสูงสุด ศาลประชาชนท้องถิ่นทุกชั้นจัดตั้งขึ้นตามการแบ่งเขตท้องที่ของการปกครอง นอกจากนี้ ยังมีผลการจัดตั้งศาลประชาชนเฉพาะกิจขึ้นตามความจำเป็นแห่งบริหารราชการ ระบบศาลที่สำคัญมีดังนี้ ศาลประชาชนชั้นต้น ศาลประชาชนชั้นกลาง ศาลประชาชนชั้นสูง ศาลทหาร ศาลพาณิชย์นาวี ศาลการขนส่งทางรถไฟ ศาลประชาชนสูงสุด
3.4 ระบบทนายความ
ระบบทนายความ หมายถึง ระบบที่เกี่ยวกับลักษณะ หน้าที่ หลักการของการจัดตั้งองค์กร และการประกอบวิชาชีพของทนายความตามข้อบัญญัติของกฎหมาย และบรรทัดฐานทางกฎหมายที่เกี่ยวกับการให้บริการทางกฎหมายต่อสังคมของทนายความ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ประกาศบังคับใช้ “กฎหมายว่าด้วยทนายความ” เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 1996 “ทนายความ” หมายถึง บุคคลที่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทนายความตามกฎหมายและให้บริการด้านกฎหมายแก่สังคม ทนายความเป็นพลังสำคัญส่วนหนึ่งที่มีส่วนช่วยในการผลักดัน การสร้างระบบกฎหมายให้สมบูรณ์ การประกอบวิชาชีพทนายความนอกจากต้องปฏิบัติตามข้อบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมายแล้ว ยังต้องมีจริยธรรมและมีวินัยในการประกอบวิชาชีพทนายความด้วย อีกทั้งต้องยึดถือหลักความจริงและหลักกฎหมายเป็นบรรทัดฐานในการดำเนินงานวิชาชีพทนายความด้วย ทนายความมีหน้าที่ในการปกป้องและคุ้มครองสิทธิประโยชน์อันชอบธรรมและชอบด้วยกฎหมายของคู่กรณี ดำรงไว้ซึ่งการใช้กฎหมายอย่างถูกต้องเพื่อความยุติธรรม
4. การระงับข้อพิพาทโดยระบบโนตาลีพับบลิค
โนตารีพับบลิค หมายถึง การรับรองเอกสารหรือข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ด้านกฎหมายทางแพ่งโดยบุคคลที่มีคุณสมบัติและได้รับอนุญาตให้กระทำการรับรองได้ตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 2000 กระทรวงยุติธรรมได้ประกาศบังคับใช้ “ข้อกำหนดว่าด้วยการปฏิรูปกิจการของโนตารีพับบลิค” โดยกำหนดให้ผู้ที่จะทำหน้าที่โนตารีพับบลิคนั้นจะต้องผ่านการสอบคุณสมบัติโดยกระทรวงยุติธรรม เมื่อสอบผ่านแล้วจะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโนตารีพับบลิค มีอำนาจหน้าที่ในการรับรองเอกสารหรือข้อเท็จจริงต่างๆ ซึ่งหนังสือรับรองที่ออกโดยโนตารีพับบลิคนั้นสามารถรับฟังได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
5. ระบบการชดใช้ค่าเสียหายอันเนื่องมาจากการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ
ระบบการชดใช้ค่าเสียหายอันเนื่องมาจากการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ หมายถึง ความรับผิดของรัฐในการชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บุคคลที่ได้รับความเสียหายอันเนื่องมาจากการใช้ตำแหน่งหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐในการละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น
ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ตรา “กฎหมายว่าด้วยการชดใช้ค่าเสียหายอันเนื่องมาจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ” เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 1994 มาตรา 2 ของกฎหมายดังกล่าว กำหนดไว้ว่า หากเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานของรัฐใช้อำนาจหน้าที่จนเป็นเหตุละเมิดสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของบุคคล นิติบุคคล หรือองค์กรต่างๆ ผู้ที่ได้รับความเสียหายสามารถฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายจากรัฐได้ ประเภทของความรับผิด มี 2 ลักษณะ คือ 1) ความรับผิดอันเนื่องมาจากการใช้อำนาจทางการปกครอง 2) ความรับผิดอันเนื่องมาจากการใช้อำนาจทางอาญา
ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
- ตัวอย่างกรณีศึกษาข้อพิพาทการค้าระหว่างประเทศน่าสนใจของปัญหาสัญญาการนำเข้าส่งออก โดยความรู้เพื่อการค้าการลงทุนกับจีนhttp://www.chineselawclinic.moc.go.th/info/info_detail.php?idcont=9&idcontsub=512
- เกร็ดน่ารู้ เมื่อสินค้าที่สั่งซื้อไว้ ไม่เป็นอย่างที่ใจคิดhttp://tbc.tan.cloud/thaibizchina/th/articles/detail.php?IBLOCK_ID=70&SECTION_ID=511&ELEMENT_ID=12523
การค้า
ธุรกรรมการเงินไทย-จีน
คู่มือการทำธุรกรรมเงินหยวน เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ
คู่มือการทำธุรกรรมเงินหยวนฉบับนี้ จัดทำขึ้น โดยความร่วมมือระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) โดย มีวัตถุประสงค์ เพื่อเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำธุรกรรม โดยใช้เงินหยวน เพื่อการชำระค่าสินค้าและบริการระหว่างประเทศ
ปัจจุบัน การค้าระหว่างประเทศทั่วโลก มีการใช้เงินสกุลหลักในการชำระเงินค่าสินค้า ได้แก่ เงินดอลลาร์ สรอ. เงินยูโร เงินเยน อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่วิกฤตการเงิน ในสหรัฐอเมริกา ใน ปี 2551 รวมทั้งวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป ตั้งแต่ ปี 2553 ที่ได้ ทวีความรุนแรงมากขึ้นและมีแนวโน้มลุกลาม ต่อไปยังประเทศอื่นในยุโรป ซึ่งทำให้ประเทศต่างๆ มีการดำเนินนโยบายการเงินและการคลังที่ ผ่อนคลายมากขึ้น ส่งผลต่อเสถียรภาพของค่าเงินดอลลาร์สรอ.เงินยูโรและระบบการเงินโดยรวม
วิกฤตการณ์ทางการเงินในสหรัฐฯและยุโรป ส่งผลให้บทบาททางเศรษฐกิจของสหรัฐฯและยุโรป มีความสำคัญลดลง ประกอบกับเศรษฐกิจญี่ปุ่น ที่ยังไม่ฟื้นตัว ในขณะที่ประเทศจีน มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจโลกมากขึ้นตามลำดับในปี 2553 จีนก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกอย่างเป็นทางการ แซงหน้าประเทศญี่ปุ่นซึ่งครองอันดับ 2 มาเป็นทศวรรษ โดยเป็นรองเพียงสหรัฐฯ เท่านั้น นอกจากนี้ จีน ยังเป็นประเทศผู้ส่งออกอันดับ 1 ของ โลก และ เป็นประเทศคู่ค้า ในการส่งออกและนำเข้าที่มีมูลค่าสูงสุด อันดับที่ 2 ของไทย (รองจากญี่ปุ่น) โดยมูลค่า นำเข้าและส่งออกระหว่างไทยกับจีน ในปี 2554 คิดเป็น 58 พัน ล้าน ดอลลาร์ สรอ. หรือ ร้อยละ 12.7 ของ มูลค่านำเข้า ส่งออกทั้งหมด และตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ฉบับ ที่ 12 (ปี 2554-2558) ของจีน ที่ให้ความสำคัญกับอาเซียนในฐานะกลุ่มประเทศคู่ค้าที่สำคัญ จึงทำให้มีการคาดการณ์ว่าปริมาณการค้าระหว่างไทยและจีนจะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
ในปี 2552 จีน เริ่มผลักดันนโยบายสนับสนุนเงินหยวนสู่สากล หรือที่เรียกว่า “RMB Internationalization” และได้มีการดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากการอนุญาตให้ใช้ เงินหยวนชำระค่าสินค้าบริการระหว่างประเทศในระดับ “ภูมิภาค” (Regionalization) และ ขยายไปทั่วโลก (Globalization) นโยบายดังกล่าว ส่งผลให้ เงินหยวน หมุนเวียนนอกประเทศจีน โดยมี ฮ่องกง เป็นศูนย์กลางเงินหยวนนอกประเทศจีน “Offshore Yuan Business” ซึ่งบริษัทต่างชาติ สามารถระดมทุน ลงทุนในตราสารทางการเงินและซื้อขายเงินหยวน เพื่อการชำระค่าสินค้าบริการและการลงทุน ระหว่างประเทศ ได้อย่างคล่องตัวในฮ่องกง
ในการนี้ธนาคารกลางแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (People’s Bank of China-PBC) ได้ร่วมกับธนาคารกลางประเทศต่างๆ จัดทำความตกลงทวิภาคี ในการแลกเปลี่ยนเงินสกุลหยวนและเงินท้องถิ่นของประเทศต่างๆ (Bilateral Currency Swap Arrangement) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ระบบการเงินในการใช้เงินหยวนเพื่อการชำระเงินจากการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ทั้งนี้ สำหรับประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ลงนามความตกลงทวิภาคี เพื่อแลกเปลี่ยนเงินสกุลหยวนและบาท กับ PBC เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2554 ที่ผ่านมา
จากความสำคัญของเศรษฐกิจจีนต่ออาเซียนและประเทศไทย รวมทั้งนโยบายของจีน ที่จะผลักดันเงินหยวน ให้เป็นสกุลหลักของโลก เช่นเดียวกับ เงินสกุล หลักอื่นๆ เช่น ดอลลาร์ สรอ. ยูโร ซึ่งมีความผันผวนมากขึ้น จากปัญหาวิกฤตการเงินโลก นั้นเพื่อให้ผู้ประกอบการไทย ที่มีการทำธุรกิจ การค้า การลงทุน กับประเทศจีน มีทางเลือกมากขึ้น ในการใช้เงินหยวน ซึ่งเป็นสกุลเงินของคู่ค้า ที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกันกับประเทศไทย และค่าเงินมีแนวโน้มเคลื่อนไหว ในทิศทางเดียวกัน รวมทั้ง เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและขยายโอกาสทางธุรกิจในประเทศจีน อันจะช่วยให้ธุรกิจไทย เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศมากขึ้น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
ธนาคารกสิกร ไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) จึงร่วมกัน จัดทำคู่มือการทำธุรกรรมเงินหยวน เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการเล่มนี้ เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นแก่ธุรกิจไทย ให้ทราบถึงประโยชน์ของการใช้เงินหยวน ในการทำธุรกิจกับประเทศจีน ขั้นตอนการชำระเงินหยวน สำหรับธุรกิจนำเข้าและส่งออก บริการธุรกรรม เงินหยวน ของธนาคารพาณิชย์ และธนาคารพาณิชย์ไทย ที่ให้บริการเงินหยวน อันจะช่วยให้ผู้ประกอบการใช้ประกอบการตัดสินใจ เลือกใช้สกุลเงิน ที่เหมาะสมในการทำธุรกิจการค้ากับคู่ค้า ในประเทศจีนทั้งนี้ หากผู้ประกอบการท่านใด สนใจจะค้นคว้าหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ท่านสามารถสอบถามจากธนาคารพาณิชย์ ผู้ให้บริการตามที่ระบุไว้ในคู่มือฉบับนี้
อนึ่ง คณะผู้จัดทำคู่มือการทำธุรกรรมเงินหยวน เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ จะดำเนินการปรับปรุงคู่มือ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบาย ทั้งของทางการจีนและไทยรวม ทั้งข้อเท็จจริงต่างๆ ที่ เปลี่ยนแปลงไป โดยผู้ประกอบการสามารถตรวจสอบคู่มือฉบับล่าสุด ได้ที่ Website ของ ธนาคารประเทศไทย https://www.bot.or.th/Thai/FinancialMarkets/Pages/default.aspx