ท่าอากาศยานไป๋หยุน นครกว่างโจว เป็นท่าอากาศยานที่ติดตั้งสถานีปล่อยสัญญาณ 5G แห่งแรกในจีน

18 Feb 2019

เมื่อเดือนมกราคม บริษัท China Unicom ร่วมกับบริษัท Huawei ติดตั้งสถานีปล่อยสัญญาณ 5G ในท่าอากาศยานนานาชาติไป๋หยุน นครกว่างโจว ซึ่งเป็นการติดตั้งสถานีปล่อยสัญญาณ 5G ในท่าอากาศยานแห่งแรกในจีน การติดตั้งดังกล่าวใช้อุปกรณ์ปล่อยสัญญาณ 5G ในอาคาร (lampsite) ของบริษัท Huawei ที่สามารถรับส่งข้อมูลได้สูงสุด 1.14 Gbps (กิกะไบต์ต่อวินาที) เร็วกว่าการรับส่งข้อมูลด้วยสัญญาณ 4G ประมาณ 50 เท่า

สัญญาณ 5G เป็นสัญญาณโทรคมนาคมล่าสุดที่มีประสิทธิภาพต่อการรับส่งข้อมูลปริมาณสูงสุดประมาณ 1 Gbps (กิกะไบต์ต่อวินาที) เร็วว่าสัญญาน 4G ประมาณ 50 เท่า และสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์จำนวนมากในเวลาเดียวกัน ซึ่งจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการสำคัญของจีนหลายโครงการ ได้แก่ เมืองอัจฉริยะ โครงข่ายของสรรพสิ่ง (internet of things: IoT) รถยนต์อัจฉริยะ และการแพทย์อัจฉริยะ (eHealth) ซึ่งเป็นโครงการล่าสุดที่แพทย์สามารถรักษาคนไข้ในพื้นที่ทุรกันดานผ่านวีดีโอคอล หรือการฉายภาพเสมือนจริงสามมิติ (hologram) โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปรักษาด้วยตัวเอง

ปัจจุบัน จีนมีบริษัทที่ดำเนินการทดสอบสัญญาณ 5G จำนวน 3 ราย ได้แก่ (1) China Mobile ทดสอบสัญญาณใน 12 เมืองสำคัญ เช่น กรุงปักกิ่ง นครกว่างโจว เมืองเซินเจิ้น นครเซี่ยงไฮ้ เมืองหางโจว เมืองซูโจว นครอู่ฮั่น (2) China Unicom ทดสอบสัญญาณใน 16 เมืองสำคัญ เช่น กรุงปักกิ่ง เมืองเซินเจิ้น เมืองเทียนจิน เมืองชิงต่าว เมืองหางโจว เมืองหนานจิง นครหนานหนิง นครอู่ฮั่น เมืองเฉิงตู และ (3) China Telecom ทดสอบสัญญาณ ใน 6 เมืองสำคัญ เช่น เมืองสงอัน เมืองเซินเจิ้น นครเซี่ยงไฮ้ เมืองซูโจว เมืองเฉิงตู นครหลานโจว โดยบริษัททั้ง 3 แห่งล้วนเป็นรัฐวิสาหกิจที่มีสํานักงานคณะกรรมการดูแลและจัดการทรัพยสินของภาครัฐ จีน (State-owned Assets Supervision and Administration Commission of the State Council – SASAC) เป็นผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นหน่วยงานที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะรัฐมนตรีจีน

มณฑลกวางตุ้งมีเทคโนโลยีเป็นพื้นฐานสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งในภาคอุตสาหกรรมการผลิต ภาคการเกษตร และภาคการบริการ ทำให้ปัจจุบันมณฑลกวางตุ้งเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีของจีน และประชาชนในพื้นที่มีเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ส่งผลให้รูปแบบการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันหันมาพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น เพื่อตอบรับกับนโยบายของภาครัฐ และรูปแบบการอุปโภคบริโภคของประชาชนที่เปลี่ยนไป ดังนั้น ผู้ประกอบไทยที่ต้องการเข้ามาดำเนินธุรกิจในพื้นที่จึงควรพิจารณาใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของท่าน เพื่อให้ธุรกิจของท่านเติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจของมณฑลกวางตุ้งได้ โดยศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครกว่างโจว จะรายงานพัฒนาการที่เป็นประโยชน์อย่างต่อเนื่องต่อไป