โอกาสของไทยใน “จูไห่” เมืองที่น่าลงทุนที่สุดในจีนตอนใต้
4 May 2017
สำนักงานพาณิชย์เมืองจูไห่เผย ในระหว่างปี 2544-2559 ตัวเลขการลงทุนสินทรัพย์ถาวรในเมืองจูไห่เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 18.9 จากมูลค่า 6.37 หมื่นล้านหยวนในปี 2544 ไปสู่ 1.43 แสนล้านหยวนในปี 2559 การลงทุนดังกล่าวได้รับแรงดึงดูดจากระบบพื้นฐานสาธารณะ การพัฒนาของอุตสาหกรรมการผลิตและการพัฒนาด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งดึงตัวเลข GDP ของเมืองจูไห่ ให้ทยานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การขยายตัวทางเศรษฐกิจและการพัฒนาอย่างมีประสิทธิผล ส่งผลให้เมืองจูไห่ถูกยกให้เป็นเมืองที่น่าลงทุนมากที่สุดในจีนตอนใต้
ความได้เปรียบด้านการแข่งขัน
หากพูดถึงความได้เปรียบของเมืองจูไห่ มณฑลกวางตุ้ง ดูเหมือนว่าตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ จะเป็นข้อได้เปรียบสำคัญในการแข่งขันด้านต่าง ๆ กับเมืองอื่น ๆ โดยรอบหรือแม้แต่กับต่างประเทศเมืองจูไห่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำจูเจียง (Pearl River Delta) ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจที่สำคัญในระดับโลก ด้วยประชากรกว่า 110 ล้านคน มูลค่า GDP กว่า 5 ล้านล้านหยวน อีกทั้ง มีอาณาเขตติดกับมาเก๊า และในอนาคตอันใกล้ก็จะถูกเชื่อมต่อกันด้วยสะพานจูไห่-ฮ่องกง-มาเก๊า ซึ่งจะยิ่งเป็นการยกระดับประสิทธิภาพด้านการคมนาคมและโลจิสติกส์ของทั้งสามพื้นที่ไปอีกขั้น การเชื่อมโยงด้านคมนาคมเหล่านี้ จะทำให้เมืองจูไห่กลายเป็นฮับเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจที่สำคัญระหว่างผู้บริโภคกับผู้ผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดแห่งหนึ่งของจีน
เมืองจูไห่ยังเป็นส่วนหนึ่งของเขตเศรษฐกิจพิเศษของจีน (Special economic zones : SEZ) นอกจากนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของเขตเศรษฐกิจพิเศษระดับชาติอีก 3 เขตได้แก่ เขตการค้าเสรีเหิงฉิน (Hengqin Pilot Free Trade Zone) เขตพัฒนาอุตสาหกรรมไฮเทคแห่งชาติ (Zhuhai National Hi-Tech Industrial Development Zone) และเขตเศรษฐกิจท่าเรือเกาหลาน (Zhuhai Gaolan Port Economic Zone) ทำให้เมืองจูไห่มีสิ่งแวดล้อมรวมถึงกฏระเบียบที่เป็นมิตรต่อการค้าและการลงทุนมากกว่าพื้นที่อื่นในจีนตอนใต้
รัฐบาลเมืองจูไห่กำหนดกฏระเบียบและมาตรการต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจสำหรับการลงทุนด้านอุตสาหกรรมการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีล้ำหน้า รวมถึงอุตสาหกรรมการบริการด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อให้สอดคล้องกับการเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ต้องรักษาและปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจของพื้นที่ให้พร้อมสำหรับการค้าและการลงทุนในอยู่เสมอ ปัจจุบันเมืองจูไห่มีโครงการสำคัญซึ่งเป็นการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศกว่า 12,000 โครงการ จาก 70 ประเทศทั่วโลก มูลค่ารวมกันกว่า 1,300 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
เมืองจูไห่ยังเป็นเมืองที่รักษาความสมดุลระหว่างการพัฒนาด้านเศรษฐกิจกับสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติไว้เป็นอย่างดี ด้วยคุณภาพของอากาศ พื้นที่ของสวนสาธารณะ รวมถึงกฏระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศวิทยา ทำให้สถาบันสังคมและวิทยาศาสตร์การศึกษาจีน ยกให้จูไห่เป็น "เมืองน่าอยู่ที่สุด"ของจีน เมืองจูไห่ยังมีสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงในระดับอุดมศึกษาและอาชีวศึกษา อาทิ University of International Business and Economic, Fudan University และ Huazhong University of Science & Technology ยิ่งเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ของการเป็นเมืองที่เพรียบพร้อมของจีนตอนใต้ได้ดีมากยิ่งขึ้น
โอกาสของอุตสาหกรรมในเมืองจูไห่
รัฐบาลเมืองจูไห่ มีแนวทางการพัฒนาด้านการค้าและการลงทุนที่ชัดเจน ส่งเสริมอุตสาหกรรมหลัก 3 ด้าน ได้แก่ พลังงานสะอาด เทคโนโนโลยีขั้นสูงและอุตสาหกรรมการบริการในระดับสูง
พลังงานสะอาด
รัฐบาลเมืองจูไห่มีความพยายามที่จะส่งเสริมอุตสาหกรรมประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการส่งเสริมระบบการผลิตพลังงานสะอาด โดยร่วมมือกับบริษัท China Northern Locomotive Group:CNR สนับสนุนการนำพลังงาน ไปผ่านกระบวนการนำกลับมาใช้ใหม่ ด้วยการผสานกระบวนการดังกล่าวเข้ากับอุตสาหกรรมเครื่องพิมพ์ ร่วมกับบริษัท Lenovo และ Print-Rite นอกจากนี้ยังมีโครงการยานยนต์พลังงานไฟฟ้าซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบริษัท Yintong New Energy ในเดือนมิถุนายน 2559 รัฐบาลจูไห่ประกาศร้อยละ 30 ของยานพาหนะที่รัฐบาลจัดซื้อจะเป็นยานพาหนะพลังงานสะอาด ซึ่งรวมถึงรถบัสโดยสารสาธารณะ แท็กซี่และรถที่ใช้สำหรับสำนักงาน
อุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานทดแทนในเมืองจูไห่ส่วนใหญ่ อยู่ภายใต้การบริหารโดยบริษัทสัญชาติอเมริกันอย่าง Dupont อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทท้องถิ่นของเมืองจูไห่อย่าง Yuhua Polyester ก็มีศักยภาพในการผลิตโพลิเมอร์ Sorona® (ลิขสิทธิ์ของบริษัท Dupont) ซึ่งเป็นเส้นใยโพลีเมอร์ที่ผลิตจากวัสดุทดแทนที่เหลือจากการเก็บเกี่ยว เช่น ต้นและเปลือกข้าวโพด ผ่านกระบวนการผลิตจนเกิดเส้นใยโพลิเมอร์ที่สามารถนำไปผลิตเป็นเสื้อผ้าหรือพรม[1] เป็นนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถลดการใช้พลังงานในกระบวนการผลิตได้ถึงร้อยละ 40 ลดก๊าซที่เป็นต้นเหตุของภาวะโลกร้อนได้ถึงร้อยละ 56
เทคโนโลยีขั้นสูง
รัฐบาลเมืองจูไห่มีแผนที่จะลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) ครั้งใหญ่ และได้กำหนดบริษัทร่วมลงทุนเพื่อการวิจัยและการพัฒนาด้านเทคโนโลยีขั้นสูง ประกอบด้วย บริษัท Kingsoft บริษัท Actions Semiconductor และบริษัท Allwinner Technology สนับสนุนการพัฒนาด้านซอฟแวร์และ ICT (เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) บริษัท United Laboratories และบริษัท Livzon ส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมเภสัชไปสู่อุตสาหกรรมชีวะการแพทย์ บริษัท Xuji Electric บริษัท Changyuan Electric และ บริษัท Unitech ทำหน้าที่ส่งเสริมการออกแบบและผลิตพลังงานอัจฉริยะ (Smart Power Grid) ในขณะที่บริษัท Zhuhai Aviation Industrial Park ทำหน้าที่วิจัยการพัฒนาและผลิตวัสดุสำหรับอุตสหกรรมการบินและยานอวกาศ
ในเขตพัฒนาอุตสาหกรรมขั้นสูงจูไห่ ปัจจุบันมีมูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) แล้วกว่า 1.4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการลงทุนหลักมาจากบริษัท Panasonic บริษัท Phillips และบริษัท Zhuhai Wanlinda โดยลงทุนด้านข้อมูลสารสนเทศ ชิ้นส่วนเครื่องจักร และอุตสาหกรรมเวชศาสตร์
อุตสาหกรรมบริการระดับสูง
ปัจจุบันเมืองจูไห่เป็นมีการบริการด้านการท่องเที่ยวขนาดใหญ่หลายโครงการ อาทิ Ocean Spring Resort และ Chimelong Ocean Kingdom Park ในขณะเดียวกันรัฐบาลท้องถิ่นยังสนับสนุนโครงการด้านการบริการอื่น ๆ ด้วย เช่น การบริการด้านนวัตกรรมทางการเงิน อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ อุตสาหกรรมอนิเมชั่น อุตสาหกรรมโทรทัศน์ ภาพยนต์และกีฬา นอกจากนี้ รัฐบาลเมืองจูไห่ก็มีความพยายามที่จะนำ Soft Power เข้ามาดึงดูดและสร้างสรรค์การมีส่วนร่วมเพื่อเปลี่ยนแปลงและสร้างทัศนคติที่ดีต่อเมืองจูไห่ โดยเจ้าภาพการจัดโครงการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ WTA Elite Tennis Trophy และ Pan Delta Motor Racing Festival เป็นต้น ยิ่งไปกว่านั้น รัฐบาลยังใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติของจูไห่ มาเป็นจุดแข็งในการสร้าง Soft Power ที่สำคัญ อาทิ การส่งเสริมการท่องเที่ยวทางทะเลและการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ รวมถึงการพัฒนาศูนย์เรือท่องเที่ยวเมืองจูไห่ รีสอร์ทประมงน้ำเค็มนานาชาติและหมู่บ้านประมงน้ำเค็ม Wanshan.
ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีนเห็นว่า ระดับการพัฒนาของเมืองจูไห่กำลังไต่ระดับไปสู่แนวหน้าของจีนอย่างรวดเร็ว ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าทำเลที่ตั้งของเมืองจูไห่มีส่วนในการเร่งอัตราการพัฒนาการเกิดขึ้น แต่ทว่าความสามารถและการผลักดันของรัฐบาล ก็ยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการพัฒนารอบด้านอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเมืองจูไห่กำลังจะเชื่อมต่อกับฮ่องกงและมาเก๊า ผ่านโครงการสะพานฮ่องกง-มาเก๊า-จูไห่ ซึ่งกำหนดแล้วเสร็จในปี 2560 และโครงการแนวความคิดอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า ยิ่งทำให้เมืองจูไห่เป็นพื้นที่ดาวเด่นในการยกระดับเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมการบริการมากยิ่งขึ้น และยังมีโครงการพัฒนาด้านการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ สมาคมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ มณฑลกวางตุ้ง โดยใช้ท่าเรือจูไห่เป็นฮับ เชื่อมต่อกับไปยังโครงการ “ท่าเรือบก (Dry Port) นานาชาติ มณฑลกุ้ยโจว ผ่านระบบขนส่งทางราง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “โครงการเส้นทางขนส่งต่อเนื่องหลากหลายรูปแบบ” รองรับการขนส่งสินค้าจากเอเชียใต้ รวมถึงประเทศไทยไปยังท่าเรือจูไห่โดยทางเรือและขนส่งทางรางเข้าสู่พื้นที่ชั้นใน เช่นเมืองกุ้ยโจว และกระจายไปยังมณฑลโดยรอบ ครอบคลุม 4 พื้นที่หลักคือ ยูนนาน กว่างซี เสฉวนและหูหนาน ซึ่งเป็นผลตามนโยบาย One Belt, One Road ของจีน
โอกาสของไทย
โครงการพัฒนาด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะการมุ่งเน้นด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จะทำให้เมืองจูไห่เป็นเมืองแห่งโอกาสของผู้ประกอบการไทยในอนาคตอย่างแน่นอน เพราะนอกเหนือจากความเหมาะสมด้านการลงทุนในธุรกิจบริการแล้ว เมืองจูไห่ยังเป็นประตูเศรษฐกิจที่เชื่อมต่อกับฮ่องกงและมาเก๊า รวมถึงมณฑลอื่น ๆ ของจีน ผ่านระบบคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพและทันสมัย จึงยิ่งจะเป็นการเปิดช่องทางการกระจายสินค้าและบริการของไทยให้ขยายตัวออกไปกว้างยิ่งขึ้น
ธุรกิจสุขภาพและความงาม
เมื่อจูไห่ถูกยกให้เป็น "เมืองน่าอยู่ที่สุดของจีน" ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองที่น่าอยู่ที่สุดก็ควรมีสุขภาพที่ดีที่สุดเช่นกัน "สุขภาพและความงาม" จึงเป็นอีกเรื่องที่คนจีนให้ความสำคัญ ซึ่งจะเป็นโอกาสของธุรกิจสถานพยาบาล ศูนย์สุขภาพและศูนย์ความงามของไทย ที่จะสามารถเข้าไปยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในเมืองจูไห่ได้ด้วยจุดเด่นด้านการบริการและเทคนิคทางการแพทย์
สินค้าสปาและสินค้าตกแต่งภายใน
คุณภาพของสินค้าสำหรับอุตสาหกรรมบริการของไทยเป็นที่ยอมรับในจีนมาอย่างยาวนาน ปัจจุบันเมืองจูไห่มีการลงทุนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการของสินค้าสปาและสินค้าตกแต่งภายในเพิ่มสูงขึ้นเป็นเงาตามตัวจากการเปิดตัวธุรกิจการท่องเที่ยว อาทิ โรงแรม รีสอร์ทรวมถึงศูนย์รวมความบันเทิงต่าง ๆ โดยผู้ประกอบการไทยสามารถนำสินค้าคุณภาพสูงเข้าไปบุกตลาดดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการควรพัฒนารูปแบบและคุณภาพของผลิตภัณฑ์อยู่เสมอ เพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มและสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องในอนาคต
สินค้าอาหารเพื่อสุขภาพ
เมื่อคุณภาพชีวิตของคนดีขึ้น ความต้องการด้านการบริโภคก็จะถูกยกระดับขึ้นไปด้วย "อาหาร" ถือเป็นสิ่งบ่งชี้คุณภาพชีวิตในสังคมมณฑลกวางตุ้งอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งคนส่วนใหญ่เชื่อว่าการบริโภคอาหารที่ดีหมายถึงการมีคุณภาพชีวิตที่ดี ปัจจุบันรูปแบบการบริโภคสินค้าอาหารของชาวจีนเริ่มเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเผ็ด รสจัด อาหารที่ผ่านการทอดด้วยน้ำมัน ไขมันสูง น้ำตาลสูง เน้นบริโภคสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพ อาทิ สินค้าเกษตรออแกนิกส์ สินค้าอาหารที่มีไขมันต่ำ หวานน้อย และแคลอรี่ต่ำ ดังนั้นผู้ประกอบการไทยจึงควรปรับปรุงรูปแบบสินค้าให้เข้ากับวิถีการบริโภคของชาวจีน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสของความสำเร็จในตลาดจีนอีกทางหนึ่ง
ข้อมูลเพิ่มเติม
เมืองจูไห่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของมณฑลกวางตุ้ง ได้รับจัดตั้งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษตั้งแต่ปี 2523 เป็นเมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญในบริเวณพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำจูเจียง (Pearl River Delta: PRD) ซึ่งมีพื้นที่ติดกับเขตบริหารพิเศษมาเก๊า และมีการสร้างเขตสาธิตความร่วมมือรูปแบบใหม่ระหว่างมณฑลกวางตุ้งและมาเก๊าในเขตใหม่เหิงฉิน ที่เน้นอุตสาหกรรมภาคการบริการขั้นสูง มีเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมกว่างโจว-จูไห่ ผ่านเมืองฝอซานและเจียงเหมิน ใช้เวลาเดินทางเพียง 45 นาที ภายใน สิ้นปี 2560 จะเชื่อมกับมาเก๊าและฮ่องกงได้ด้วยสะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า ทำให้การเดินทางจากเมืองจูไห่ไปฮ่องกงจาก 3 ชั่วโมง ลดเหลือเพียงประมาณครึ่งชั่วโมง ปัจจุบันมีบริษัทไทยเข้าไปลงทุนในเมืองจูไห่ จำนวน 2 บริษัทได้แก่ บริษัท Chia Tai Aquaculture (Zhuhai) และ Sino–Siamgas and Petrochemical (Zhuhai)
[1] The Manufacturing Process of Bio-PDO™ and Bio-Based Fibers http://www.dupont.com/products-and-services/fabrics-fibers-nonwovens/fibers/brands/dupont-sorona/articles/how-dupont-sorona-is-made.html
[2] A Breakthrough, Versatile, High-Performance Biopolymer http://www.dupont.com/products-and-services/fabrics-fibers-nonwovens/fibers/brands/dupont-sorona.html