ประเทศจีนประสบความสำเร็จในการผลิตหัวปากกาลูกลื่นคุณภาพเทียบเท่าระดับสากล
21 Feb 2017ปัจจุบัน ประเทศจีนเป็นผู้ผลิตปากกาอันดับหนึ่งของโลก โดยมีโรงงานผลิตปากกาลูกลื่นทั่วประเทศมากกว่า 3,000 แห่ง และมีกำลังการผลิตมากกว่า 38,000 ล้านแท่ง/ปี แต่ประเทศจีนยังคงต้องพึ่งพาเครื่องจักร น้ำหมึกโดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวปากกาลูกลื่นซึ่งต้องนำเข้าจากต่างประเทศกว่า 1,000 ตัน/ปี ในราคา 120,000 หยวน/ตัน เนื่องจากหัวใจสำคัญของปากกาอยู่ที่หัวลูกกลิ้งที่คอยปล่อยหมึกออกมาขณะเขียน ซึ่งการผลิตหัวลูกกลิ้งปากกานั้นต้องใช้สเเตนเลสพิเศษที่บางและใช้เครื่องจักรการผลิตที่มีความแม่นยำสูง
รายงานข่าวเมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา บริษัท Tai Yuan Iron Steel Co.,Ltd. (TISCO) นครไท่หยวนมณฑลชานซี ประสบความสำเร็จในการผลิตหัวลูกกลิ้งปากกาลูกลื่นซึ่งใช้เวลาในการวิจัยนานถึง 5 ปี โดยได้ผลิตหัวปากกาลูกลื่นด้วยวัสดุสเเตนเลสขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2.3 มิลลิเมตร และสามารถลากเส้นได้ยาวถึง 800 เมตร โดยเส้นไม่ขาดตอน คุณภาพปลายปากกาทนทานเทียบเท่ากับสินค้าต่างประเทศ ปัจจุบันบริษัท TISCO ได้ผลิตและเริ่มจำหน่ายหัวปากกาดังกล่าวไปยังโรงงานผลิตปากกาในประเทศจีนบ้างแล้ว คาดว่าภายในสองปีจะสามารถทดแทนการนำเข้าหัวปากกาลูกลื่นจากต่างประเทศได้
ปัจจุบัน บริษัท TISCO เป็นบริษัทผลิตวัสดุสแตนเลสอันดับต้น ๆ ของจีน มีศูนย์วิจัยทางเทคนิคและห้องปฏิบัติการทดลองที่ได้มาตรฐานระดับประเทศ มีกำลังการผลิตสเเตนเลสกว่า 4,500,000 ตัน/ปี ดำเนินการผลิตและจำหน่ายแผ่นเหล็กรีดร้อน ท่อไร้ตะเข็บ เหล็กหล่อ ผลิตภัณฑ์สเเตนเลส เป็นต้น บริษัท TISCO ได้รับทุนสนับสนุนจากกระทรวงเทคโนโลยีของจีนเมื่อปี 2554 ในโครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีวัสดุและเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตหัวปากกาลูกลื่น ต่อมาในปี 2558 บริษัท TISCO สามารถวิจัยเทคโนโลยีในการผลิตหัวปากกาได้สำเร็จ
ทั้งนี้ นายเฉิน ซานหยวน วิศวกรวิจัยประจำฝ่ายผลิตของบริษัท TISCO กล่าวว่า “แม้ความต้องการลูกกลิ้งหัวปากกาในตลาดประเทศจีนมีเพียงแค่ 1,000 ตัน/ปี และมีมูลค่าตลาดเพียง 120 ล้านหยวน/ปี ถือเป็นสัดส่วนที่ไม่มากนักในอุตสาหกรรมสเเตนเลส แต่ความสำเร็จครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการต่อยอดผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ต้องใช้ความละเอียดและความแม่นยำในการผลิต การประสบความสำเร็จในการผลิตหัวปากกาครั้งนี้ ยังสะท้อนให้เห็นถึง อุตสาหกรรมการผลิตหลายแขนงที่ยังคงต้องการการส่งเสริมในด้านการวิจัย เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีให้เทียบเท่าระดับสากลและเป็นการเพิ่มศักยภาพสินค้าตามยุทธศาสตร์ “Made in China” ของรัฐบาล เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของสินค้าในตลาดโลก
ข้อมูลอ้างอิง
1. http://news.163.com/17/0111/19/CAH8S0TH000187V5.html
2. http://finance.sina.com.cn/roll/2017-02-13/doc-ifyamkqa5806391.shtml
3. http://www.tisco.com.cn/
