ยุคของปัญญาประดิษฐ์โรงงานทุเรียนในไทยเข้าร่วมการประชุม ณ นครจี่หนานพร้อมแชร์เทคโนโลยีสุดล้ำ “AI คัดเลือกทุเรียน”

17 Jan 2024

เมื่อไม่นานมานี้ นายเฉิง เหมิง ประธานบริษัท ONEFAMILY (THAI) CO.,LTD ผู้ดำเนินธุรกิจสวนทุเรียน บนพื้นที่ 900,000 ตรม. ในประเทศไทย ได้เข้าร่วมการประชุม Enterprise Innovation and Development Conference ภายใต้หัวข้อ “Innovation Driving High – Quality Development” ณ นครจี่หนาน มณฑลซานตง จัดโดยรัฐบาลมณฑลซานตง และสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจีนประจำมณฑลซานตง ซึ่งนายเฉิงฯ ได้ร่วมแชร์เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) คัดเลือกทุเรียนจากโรงงานอัจฉริยะของตนด้วย

“ปัญญาประดิษฐ์” ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการการคัดเลือกทุเรียนของโรงงานอัจฉริยะดังกล่าว โดยสามารถลดอัตราการเกิดข้อพลาดจากการเลือกทุเรียนเหลือเพียงแค่ 3 ใน 1,000 ลูก ถือเป็นเพียง 1 ใน 10 ของแรงงานมนุษย์เท่านั้น และคาดว่าด้วยการพัฒนาของ AI อีก 3 ปีข้างหน้า จะสามารถช่วยลดความผิดพลาดจากการคัดเลือกทุเรียนได้เพิ่มขึ้นให้เหลือเพียง 1 ใน 10,000 ลูก ในส่วนของประสิทธิภาพการทำงาน ระบบปัญญาประดิษฐ์สามารถลดระยะเวลาในการทำงานตั้งแต่ขั้นตอนการเก็บไปจนถึงการจัดส่งเหลือเพียง 2 ชั่วโมง จากเดิมต้องใช้เวลาถึง 3 วัน ซึ่งเทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิตและรับประกันความสดใหม่ของสินค้า แต่ยังช่วยลดต้นทุนในด้านของแรงงานและย่นวงจรการผลิตได้อีกด้วย

ปัจจุบันโรงงานแห่งนี้มีกำลังการผลิต 100 – 120 ตู้คอนเทนเนอร์/วัน หากสายการผลิตนี้ทำงานเต็มกำลังการผลิต จะสามารถผลิตทุเรียนได้ถึง 300 ตู้คอนเทนเนอร์/วัน เมื่อโรงงานอัจฉริยะแห่งนี้เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการประมาณเดือนมีนาคมศกนี้ กำลังผลิตของโรงงานจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งนี้ โรงงานอัจฉริยะแห่งนี้สามารถวิเคราะห์การกระจายตัวภายในและรูปร่างของเนื้อทุเรียน และวัดเวลาสุกได้อย่างแม่นยำ จึงสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคว่าจะได้รับสินค้าที่สดใหม่ สม่ำเสมอ

คงปฏิเสธไม่ได้แล้วว่า เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตของเราไม่น้อย แม้กระทั่งในด้านการเกษตรเอง ที่ได้นำเอาปัญญาประดิษฐ์มาบูรณาการใช้ เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของการเกษตรแบบดั้งเดิม ซึ่งเกษตรกรไทยหรือผู้ที่เกี่ยวข้องควรปรับตัวให้ทัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยี AI ในการคัดเลือกทุเรียนข้างต้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อตลาดส่งออกทุเรียนและห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้องอย่างแน่นอน ดังนั้น ผู้ประกอบไทยอาจจำเป็นต้องปรับตัวในระยะยาว และจับตาดูสถานการณ์ต่อไป เพื่อพัฒนาและรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

ที่มา:
https://www.ql1d.com/general/22645497.html

BICQingdao_editor

ข่าวที่เกี่ยวข้อง


ข่าวยอดนิยม

อ่านข่าวอื่น

BACK TO TOP

กลับขึ้นด้านบน