Huawei และ DJI กระโดดจับเทคโนโลยี LiDAR หวังพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ
17 May 2021หลายปีที่ผ่านมาเทรนของรถยนต์ไร้คนขับเติบโตมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้อ่านทราบหรือไม่ว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ไร้คนขับมีส่วนทำให้เทคโนโลยีเซนเซอร์ตรวจจับวัตถุมีความสำคัญมากขึ้นด้วย ปัจจุบันรถยนต์ไร้คนขับจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัย “เทคโนโลยี LiDAR” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเซนเซอร์ตรวจจับแสงและวัดระยะวัตถุที่ช่วยในการตรวจจับวัตถุบนท้องถนนขณะรถเคลื่อนตัว แล้วนำข้อมูลดังกล่าวมาเป็นข้อมูลดิจิทัลในรูปแบบสามมิติเพื่อป้อนให้กับปัญญาประดิษฐ์แล้วนำไปขับเคลื่อนรถยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น วันนี้ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจวจะมาเล่าถึงพัฒนาการของบริษัท Huawei และบริษัท DJI ที่ได้เข้าสู่อุตสาหกรรมรถยนต์ไร้คนขับ โดยให้ความสำคัญกับ LiDAR ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต รวมถึงทำความเข้าใจความสำคัญของเทคโนโลยี LiDAR ไปพร้อม ๆ กัน
รู้จักเทคโนโลยี LiDAR
ก่อนที่จะตามไปดูพัฒนาการของบริษัท Huawei และบริษัท DJI เรามาทำความรู้จักกันก่อนว่าเทคโนโลยี LiDAR คืออะไร LiDAR ย่อมาจาก “Light Detection and Raging” สรุปง่าย ๆ คือ อุปกรณ์ที่ใช้แสงเพื่อตรวจจับ และคาดคะเนระยะทางของวัตถุเพื่อสร้างแผนที่ 2 มิติ หรือ 3 มิติ นั่นเอง การทำงานของ LiDAR คือเริ่มจากการยิงเลเซอร์ไปยังวัตถุ เมื่อแสงตกกระทบวัตถุและสะท้อนกลับมายังเซนเซอร์แล้ว ระบบจะสามารถคำนวณระยะห่างของวัตถุโดยรอบจากตัวเซนเซอร์ได้ผ่านระยะเวลาที่แสงใช้เดินทาง ยิ่งวัตถุไกลออกไป แสงก็จะใช้เวลาเพิ่มมากขึ้นเท่านั้นในการเดินทางไปยังวัตถุและสะท้อนกลับมายังเซนเซอร์ หลักการจะคล้ายกับ คลื่นเสียง Sonar (Sound Navigation Ranging) และคลื่นวิทยุ Radar (Radio Detection and Ranging)
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี LiDAR
เทคโนโลยี LiDAR ซึ่งเป็นการยิงลำแสงไปที่พื้นผิววัตถุจะช่วยให้ระบบสามารถวัดระยะทางและสร้างแผนที่ เทคโนโลยี LiDAR จึงถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายในวงการภูมิสารสนเทศและการทำแผนที่ โดยเซนเซอร์ดังกล่าว จะติดตั้งอยู่ทั้งบนพื้นโลก เครื่องบิน หรือดาวเทียมสำหรับวัดความสูงของภูมิประเทศ นอกจากนี้ ยังถูกใช้ในอุปกรณ์อัจฉริยะที่ใช้ภายในบ้าน อาทิ เครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติที่มีเซนเซอร์ที่ยิงแสงไปหาวัตถุต่าง ๆ ภายในบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องดูดฝุ่นชนกับวัตถุต่าง ๆ ภายในบ้าน นอกจากนี้ เครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติจะนำข้อมูลที่ได้ไปสร้างแผนที่ในบ้านเพื่อประเมินว่าจะเคลื่อนที่ไปที่จุดใด เป็นต้น
นอกจากนี้ อีกหนึ่งการประยุกต์ใช้ที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้เลย คือ รถยนต์ไร้คนขับ (Autonomous Driving) ซึ่งนำเทคโนโลยี LiDAR มาติดตั้งอยู่บนหลังคารถยนต์หรือบริเวณด้านหน้าของรถ โดยอุปกรณ์ LiDAR จะทำหน้าที่เป็นเหมือนดวงตาของรถยนต์ที่สามารถมองเห็นได้ 360 องศา โดยระบบ LiDAR จะหมุนอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งสัญญาณเลเซอร์ทุกวินาที โดยสัญญาณเหล่านี้จะชนกับวัตถุรอบข้างและสะท้อนกลับมายังอุปกรณ์รับ – ส่งสัญญาณซึ่งบันทึกจุดสะท้อนแสงแต่ละจุดและแปลงข้อมูลที่ได้รับอย่างรวดเร็วให้เป็นภาพ 3 มิติแบบเคลื่อนไหว โดยรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติจะสามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ในการขับเคลื่อนให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะคำสั่งหยุดรถ ชะลอรถ และเร่งความเร็ว
RoboSense ผู้นำเทคโนโลยี LiDAR ของจีน
RoboSense หรือ บริษัท Suteng Innovation Technology จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 โดย RoboSense เป็นผู้ให้บริการระบบเซนเซอร์ Smart LiDAR ชั้นนำของจีน โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองเซินเจิ้น บริษัท RoboSense โดดเด่นด้านฮาร์ดแวร์และปัญญาประดิษฐ์ โดยได้รวมเอาเซ็นเซอร์ LiDAR อัลกอริทึม ปัญญาประดิษฐ์ และแผงวงจรรวม (IC) โดยมีเทคโนโลยีของตนเองที่สามารถเปลี่ยนเซนเซอร์สามมิติ LiDAR ทั่วไป เป็นระบบวิเคราะห์และรวบรวมข้อมูลเต็มรูปแบบ โดยนับตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน RoboSense มีสิทธิบัตรของตนเองมากกว่า 600 นอกจากนี้ เทคโนโลยี LiDAR ของ RoboSense ยังถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางสำหรับนวัตกรรมใหม่ ๆ ในอนาคต เช่น รถยนต์ไร้คนขับ (Autonomous driving) แท็กซี่ไร้คนขับ (Robo Taxi) รถบรรทุกไร้คนขับ (Robo Truck) รถบัสไร้คนขับ (Robo Bus) และถนนอัจฉริยะ เป็นต้น
Huawei และ DJI กับการกระโดดจับเทคโนโลยี LiDAR
บริษัท Huawei ผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายและอุปกรณ์โทรคมนาคมรายใหญ่ของจีนที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเซินเจิ้น ให้ความสนใจเทคโนโลยี LiDAR อย่างมาก โดย Huawei เริ่มพัฒนาเทคโนโลยี LiDAR ในปี 2559 และเมื่อเดือนธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา บริษัท Huawei ได้เปิดตัวเทคโนโลยี LiDAR ของตนเองในงาน Shanghai Auto Show อีกทั้ง บริษัท Huawei ได้เปิดตัวรถครอสโอเวอร์ รุ่น Alpha S ซึ่งผนึกกำลังร่วมกับ ARCFOX (แบรนด์ EV จาก BAIC) ตัวรถติดตั้งมาพร้อมกับเทคโนโลยี HI และ LiDAR ของ Huawei ทั้งนี้ มีรายงานว่า Huawei วางแผนที่จะเพิ่มการผลิต LiDAR จากปีละ 100,000 ชิ้น เพิ่มเป็น 1 ล้านชิ้น เนื่องจากการใช้เซนเซอร์ที่แพร่หลายในตลาดรถยนต์ อนึ่ง นาย Chi Linchun ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและการขายรถยนต์อัจฉริยะของ Huawei กล่าวว่า “ในอนาคตเทคโนโลยี LiDAR จะถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางในหลายประเทศ ซึ่งทางบริษัทต้องปรับการใช้งานเทคโนโลยีนี้ให้เหมาะสมกับการขับขี่บนท้องถนนของคนจีนด้วยเช่นกัน”
บริษัท DJI ผู้ผลิตโดรนยักษ์ใหญ่ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเซินเจิ้นเปิดตัวแบรนด์ใหม่ชื่อ DJI Auto โดยมุ่งเน้นด้านการวิจัยและพัฒนา ผลิตและจำหน่ายเทคโนโลยีการขับเคลื่อนอัจฉริยะ รวมถึงชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องของตนเอง อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ว่า DJI ยังจะไม่ผลิตรถยนต์ภายใต้แบรนด์ของตัวเองในเร็ว ๆ นี้ โดย DJI จะมุ่งมั่นผลิตซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์เพื่อส่งต่อให้กับบริษัทผู้ผลิตยานยนต์ชั้นนำไปใช้ต่อไป
ปัจจุบัน ผู้ผลิตรถไฟฟ้าอัจฉริยะรายอื่นเริ่มติดตั้ง LiDAR ลงในผลิตภัณฑ์ของตนแล้ว อย่างเช่น Xpeng Motors โดย Xpeng ประกาศร่วมมือกับ Livox โดยจะใช้เซนเซอร์ LiDAR ตัวใหม่ของ DJI รุ่น P5
นอกจากนี้ โดยบริษัท Yole Développement ข่าวกรองด้านการตลาดของฝรั่งเศสคาดการณ์ว่า ในปี 2568 ตลาดยานยนต์ไร้คนขับและอุตสาหกรรม LiDAR จะมีมูลค่าสูงถึง 3,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อปี 2563 แอปพลิเคชันด้านยานยนต์คาดว่าจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักสำหรับ LiDAR ในอีก 5 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตเทคโนโลยี LiDAR ในอุตสาหกรรมยานยนต์ยังต้องเผชิญกับข้อจำกัดบางประการ ได้แก่ ราคา และความสามารถในการรองรับการขยายตัวและความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ นาย Elon Musk ผู้บริหารของบริษัท Tesla กลับยังไม่ถูกอกถูกใจกับเทคโนโลยีนี้ เนื่องจากมีราคาที่สูงเกินไปด้วย
เทคโนโลยี LiDAR นับเป็นเทคโนโลยีระบบตรวจจับแสงและวัดระยะที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น การสร้างแผนที่ความละเอียดสูง อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ อุตสาหกรรมรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ และอุตสาหกรรม AR หรือ Augmented reality ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีมาผสานระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงและความเสมือนจริงเข้าด้วยกัน โดยสามารถปรับใช้เข้ากับนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ต้องการการวัดระยะหรือตำแหน่งที่มีความแม่นยำสูง ซึ่งเทคโนโลยี LiDAR จะเป็นพื้นฐานของการพัฒนาอุตสาหกรรมอัจฉริยะที่น่าจับตามองในอนาคต
—————————
วิภูพัฒน์ ธีร์ธนะกาญจน์ เขียน
วันที่ 11 พฤษภาคม 2564
แหล่งที่มาของข้อมูล
www.geospatialworld.net/blogs/why-lidar-is-important-for-autonomous-vehicle/
www.automotiveworld.com/articles/lidars-for-self-driving-vehicles-a-technological-arms-race/
www.americangeosciences.org/critical-issues/faq/what-lidar-and-what-it-used
dronedj.com/2021/04/18/dji-powered-autonomous-ev-to-be-unveiled-at-shanghai-auto-show
www.scmp.com/tech/tech-trends/article/3129315/drone-maker-dji-latest-chinese-tech-giant-get-car-game
www.thestar.com.my/tech/tech-news/2021/04/13/drone-maker-dji-the-latest-chinese-tech-giant
japantoday.com/category/tech/china-tech-stampede-into-electric-cars-sparks-auto-sector-buzz
www.robosense.ai/en/