ภารกิจ “Common Prosperity” ของเจ้อเจียงกับโอกาสของไทย (1/2)
6 Oct 2022“Common Prosperity” หรือที่เรียกกันว่า “ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน” เป็นประเด็นที่อยู่ในความสนใจมากขึ้นตั้งแต่คณะรัฐมนตรีจีนได้ประกาศ “ข้อเสนอแนะสนับสนุนให้มณฑลเจ้อเจียงเป็นพื้นที่สาธิตการพัฒนาและสร้างความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันอย่างมีคุณภาพสูง” เมื่อ 10 มิถุนายน 2564 ซึ่งนับเป็นภารกิจครั้งใหญ่ของมณฑลเจ้อเจียงในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจีน ฉบับที่ 14 (พ.ศ. 2564 – 2568)
ทำไมจีนจึงเริ่มมุ่งเน้น “Common Prosperity”
ภายใต้บริบทที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ทั้งในแง่ความท้าทายของการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลต่อสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกทั้งในด้านการเงิน การลงทุน และการค้า ตลอดจนความขัดแย้งในหลากหลายประเด็นของแต่ละกลุ่มประเทศ รวมถึงความท้าทายในด้านความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน ระดับความก้าวหน้าในด้านวิทยาศาตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม หรือความเหลื่อมล้ำทางฐานะเศรษฐกิจในสังคมที่มีช่องว่างแตกต่างกันมากขึ้นในแต่ละประเทศทั่วโลก เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ จีนในฐานะหนึ่งในประเทศที่ต้องเผชิญกับความท้าทายดังกล่าวจึงมองว่า แต่ละประเทศทั่วโลกสามารถสร้างความร่วมมือเพื่อเจริญรุ่งเรืองร่วมกันได้ และอำนวยผลประโยชน์ร่วมกันแบบ Win-Win ภายใต้ทฤษฎี “Common Prosperity” โดยเริ่มต้นทดลองดำเนินการภายในประเทศจีนก่อนเป็นลำดับแรก
ภายหลังจากที่จีนประกาศความสำเร็จจากการขจัดปัญหายากจนได้แล้วเมื่อช่วงต้นปี 2564[1] ลำดับต่อไป จีนจึงเตรียมดำเนินนโยบาย Common Prosperity เพื่อสร้างความเท่าเทียมหรือความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันอย่างมีคุณภาพสูง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นยุทธศาสตร์ต่อยอดหลังจากที่จีนได้บรรลุเป้าหมายการเป็น “สังคมมีกินมีใช้” แล้ว โดยช่วงการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน ชุดที่ 13 ครั้งที่ 4 เมื่อเดือนมีนาคม 2564 ได้มติให้ Common Prosperity เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่จะดำเนินในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจีน ฉบับที่ 14 (พ.ศ. 2564 – 2568) และต่อมาในเดือนมิถุนายน 2564 ทางการจีนได้ประกาศ “ข้อเสนอแนะสนับสนุนให้มณฑลเจ้อเจียงเป็นพื้นที่สาธิตการพัฒนาและสร้างความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันอย่างมีคุณภาพสูง”
เจ้อเจียงเด่นตรงไหน.. ทำไมได้เป็นพื้นที่สาธิต Common Prosperity
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2563 เราจะพบว่า เจ้อเจียงเป็นมณฑลที่มี GDP เป็นอันดับที่ 4 ของจีน (รองจากกวางตุ้ง เจียงซู และซานตง) แต่กลับได้รับคัดเลือกจากรัฐบาลกลางจีนให้รับยุทธศาสตร์ระดับชาติอย่าง Common Prosperity จึงเป็นที่กล่าวขานว่า ทำไมกวางตุ้ง เจียงซู และซานตงถึงแพ้ให้กับเจ้อเจียง แต่หากวิเคราะห์จากดัชนีทางเศรษฐกิจหลายรายการในปี 2563 (สถิติทางเศรษฐกิจก่อนได้รับคัดเลือกให้เป็นพื้นที่สาธิต Common Prosperity) แล้วจะพบว่า เจ้อเจียงมีความโดดเด่นกว่าพื้นที่อื่น ๆ อยู่หลายประการ อาทิ
1. พัฒนาการทางเศรษฐกิจที่ดีในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
จากการเปรียบเทียบสถิติของปี 2553 กับปี 2563 พบว่า GDP ของเจ้อเจียงขยายตัวขึ้นถึง 2.36 เท่า รายได้ประชากรเขตเมืองและเขตชนบทขยายตัว 2.29 เท่าและ 2.82 เท่า ตามลำดับ[2] สะท้อนถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ หากเปรียบเทียบจำนวนประชากรในปี 2553 กับปี 2563 จะพบว่า เจ้อเจียงมีอัตราการขยายตัวประชากรในช่วง 10 ปีที่ร้อยละ 18.65 ขณะที่กวางตุ้ง เจียงซู และซานตงมีอัตราการขยายตัวที่ร้อยละ 20.82 ร้อยละ 7.74 และร้อยละ 5.99 ตามลำดับ ทั้งนี้ แม้ว่ากวางตุ้งจะมีอัตราการขยายตัวของประชากรสูงกว่าเจ้อเจียง แต่ยังมี 5 เมืองในกวางตุ้ง (จาก 21 เมือง) ที่จำนวนประชากรลดลง (สูญเสียประชากรไปยังพื้นที่อื่น) ขณะที่เจียงเจ้อเป็นเพียงมณฑลเดียวของจีนที่ประชากรในทุกเมือง (11 เมือง) เพิ่มขึ้นมาโดยตลอด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของเจ้อเจียงในการดึงดูดแรงงานเข้ามาเป็นปัจจัยพื้นฐานสำหรับการสร้างเสถียรภาพของการพัฒนาในมณฑล
2. ความแตกต่างระหว่างเขตเมืองและชนบทค่อนข้างน้อย
รายได้ประชากรเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดด้านคุณภาพชีวิตของประชากร รวมถึงความเหลื่อมล้ำระหว่างพื้นที่เขตเมืองและเขตชนบท ซึ่งเจ้อเจียงมีความโดดเด่น
– รายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรสูง โดยปี 2563 เจ้อเจียงเป็นมณฑลเดียวในจีน (ไม่นับรวม 4 มหานคร ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เทียนจิน และฉงชิ่ง) ที่รายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรทะลุยอด 50,000 หยวน (เท่ากับ 52,397 หยวน) อีกทั้งเป็นเพียงมณฑลเดียวในจีนเท่านั้นที่ทุกเมืองมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรสูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วทั้งจีน[3] โดยเจ้อเจียงมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรสูงเป็นอันดับที่ 1 ของจีนติดต่อกันถึง 30 ปี สะท้อนถึงคุณภาพชีวิตของประชากรเจ้อเจียงที่สูงกว่ามณฑลอื่น ๆ ของจีน
– รายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรในพื้นที่มีความแตกต่างไม่มาก โดยรายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรสูงที่สุดในเจ้อเจียง (นครหางโจว) มากกว่าต่ำที่สุด (เมืองหลีสุ่ย) เพียง 1.64 เท่า[4] ซึ่งเป็นระดับความแตกต่างที่น้อยที่สุดเมื่อเทียบกับพื้นที่อื่นของจีน อีกทั้งรายได้ประชากรเขตเมือง (62,699 หยวน) สูงกว่ารายได้ประชากรเขตชนบท (31,930 หยวน) เพียง 1.96 เท่า[5] สะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำภายในมณฑลที่อยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับพื้นที่อื่นของจีน
3. มีพื้นที่ล้าหลังจำนวนน้อย การกระจายความเจริญไปช่วยเหลือได้ง่าย
หัวใจสำคัญประการหนึ่งของ Common Prosperity คือ การกระจายงบประมาณภาครัฐท้องถิ่นที่มีระดับความเจริญสูงไปช่วยเหลือพื้นที่ที่ด้อยกว่า โดยเมื่อเปรียบเทียบเจ้อเจียงกับเจียงซูแล้วจะพบว่า เจ้อเจียงมีพื้นที่พัฒนาช้าเพียงแค่ 2 เมืองจาก 11 เมือง (เมืองหลีสุ่ยและเมืองฉวีโจว ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของมณฑล ห่างจากชายฝั่งทะเลทางด้านตะวันออก) ซึ่งมีประชากรเพียงกว่า 5 ล้านคน ขณะที่พื้นที่พัฒนาช้าของเจียงซูนั้นส่วนใหญ่เป็นทางตอนเหนือของมณฑล (รวม 5 เมือง ได้แก่ เมืองสวีโจว เมืองเหลียนหยุนกั่ง เมืองซู่เชียน เมืองหวยอาน และเมืองเหยียนเฉิง) ซึ่งมีประชากรถึงกว่า 40 ล้านคน ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เจ้อเจียงสามารถกระจายงบประมาณภาครัฐแต่ละท้องถิ่นเพื่อไปพัฒนาพื้นที่ล้าหลังได้สะดวกกว่า และทำให้เจ้อเจียงมีโอกาสประสบผลสำเร็จเจริญรุ่งเรืองด้วยกันทั้งมณฑลได้เร็วกว่าเมื่อเทียบกับมณฑลอื่น ๆ
“6 ภารกิจ 20 มาตรการ”.. เป้าหมายสู่ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน
หลังจากที่มณฑลเจ้อเจียงได้รับมอบหมายให้เป็นพื้นที่สาธิตความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันแล้ว แต่ละท้องถิ่นในเจ้อเจียงก็พยายามสร้างสรรค์และปฏิรูปการพัฒนาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ว่า เมื่อถึงปี 2568 การผลักดันการสร้างพื้นที่สาธิตของเจ้อเจียงจะมีควาบคืบหน้าที่เป็นรูปแบบอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อถึงปี 2578 การพัฒนาที่มีคุณภาพสูงจะได้รับผลสำเร็จอย่างมาก บรรลุเป้าหมายความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน พร้อมเป็นผู้นำการสร้างสังคมดีงามที่มีความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน
ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ รัฐบาลเจ้อเจียงได้ประกาศ “แผนดำเนินการพัฒนาและสร้างพื้นที่สาธิตความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันอย่างมีคุณภาพสูง ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2564 – 2568)” เมื่อเดือนกรกฎาคม 2564 โดยแบ่งเป็น 6 ภารกิจ 20 มาตรการ ดังนี้
1. ยกระดับคุณภาพและประสิทธิภาพการพัฒนา เสริมสร้างพื้นฐานทางกายภาพเพื่อความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน
– เพิ่มความสามารถการสร้างนวัตกรรมด้วยตนเองอย่างจริงจัง
– สร้างข้อได้เปรียบครั้งใหม่ในการแข่งขันทางอุตสาหกรรม
– ยกระดับประสิทธิภาพของวัฏจักรทางเศรษฐกิจ
– กระตุ้นความคึกคักขององค์ประกอบต่าง ๆ ทางการตลาด
2. ปฏิรูประบบการกระจายรายได้ เพิ่มรายได้ประชากรเขตเมืองและเขตชนบทผ่านหลายช่องทาง
– ผลักดันการสร้างงานที่มีคุณภาพสูงยิ่งขึ้น
– ยกระดับรายได้ของประชาชนอย่างต่อเนื่อง
– ขยายกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางให้มีจำนวนมากขึ้น
– ปรับปรุงระบบการกระจายรายได้ให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น
– สร้างกลไกให้รางวัลจูงใจสำหรับการตอบแทนสังคม
3. ลดช่องว่างการพัฒนาระหว่างเขตเมืองและเขตชนบท บรรลุการแบ่งปันบริการสาธารณะคุณภาพสูง
– สร้างความเท่าเทียมของบริการสาธารณะขั้นพื้นฐาน
– มุ่งการพัฒนาเมืองและชนบทแบบบูรณาการ
– ปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนเมืองและชนบทอย่างต่อเนื่อง
– สร้างเครือข่ายหลักประกันสังคมที่ยั่งยืน
– พัฒนากลไกสร้างความมั่งคั่งแบบห่วงโซ่อย่างมีประสิทธิภาพ
4. สร้างสถานะวัฒนธรรมยุคใหม่ในระดับสูง พัฒนาวิถีชีวิตทางวัฒนธรรมของประชาชนให้มีความหลากหลาย
– ยกระดับอารยธรรมทางสังคม
– สืบทอดวัฒนธรรมดั้งเดิม วัฒนธรรมการปฏิวัติ และวัฒนธรรมสังคมนิยมที่มีอัตลักษณ์แบบจีนยุคใหม่
5. ปฏิบัติตามแนวคิดการสร้างคุณค่าให้ทรัพยากรธรรมชาติ สร้างสภาพแวดล้อมที่สวยงามและน่าอยู่
– พัฒนาให้เจ้อเจียงเป็นมณฑลมีความงดงามและมีคุณภาพสูง
– ส่งเสริมการปรับเปลี่ยนการผลิตและการดำเนินชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรอบด้าน
6. ยืนหยัดพัฒนาตามยุคสมัยใหม่ สร้างสภาพแวดล้อมทางสังคมที่สุขกายสบายใจ
– ใช้การปฏิรูปดิจิทัลเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการบริหารจัดการของภาครัฐ
– สร้างระบบการยึดปฏิบัติตามแนวทางกฎหมายและกลไกควบคุมการทำงานภาครัฐอย่างรอบด้าน
ข้างต้นเป็นข้อมูลโดยสังเขปเกี่ยวกับความเป็นมาและจุดเริ่มต้นของการดำเนินนโยบาย Common Prosperity บทความต่อไปจะกล่าวถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันของมณฑลเจ้อเจียง พร้อมกับโอกาสและประโยชน์ที่ไทยจะเรียนรู้ได้จากนโยบายดังกล่าว
****************
จัดทำโดย นายโอภาส เหลืองดาวเรือง ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้
ข้อมูลอ้างอิง
- www.zyrm.com หัวข้อ全国各省常住人口增量排名(人口普查2020-2010)วันที่ 12 พ.ค. 2564
- https://business.sohu.com หัวข้อ 2020年浙江省11市全体居民人均可支配收入出炉啦!วันที่ 5 ก.พ. 2564
- https://new.qq.com หัวข้อ我国首个“共同富裕”省份名单公布:不是北上广,为何选择浙江?วันที่ 19 มิ.ย. 2564
- https://baijiahao.baidu.com หัวข้อ共同富裕示范区何以选择了浙江,而非人均GDP更高的江苏省呢?วันที่ 22 มิ.ย. 2564
- https://baijiahao.baidu.com หัวข้อ划重点!带你了解浙江高质量发展建设共同富裕示范区วันที่ 10 มิ.ย. 2564
- https://baijiahao.baidu.com หัวข้อ国家发展改革委有关负责同志就《中共中央国务院关于支持浙江高质量发展 建设共同富裕示范区的意见》答记者问(二)วันที่ 10 มิ.ย. 2564
[1] เมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2564 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ประกาศว่า จีนประสบความสำเร็จในการขจัดความยากจนแล้ว โดยประชาชน 98.99 ล้านราย อำเภอ 832 แห่ง และหมู่บ้าน 128,000 แห่ง ได้ถูกปลดออกจากบัญชีพื้นที่ยากไร้
[2] ปี 2553 เจ้อเจียงมี GDP 2.74 ล้านล้านหยวน รายได้ประชากรเขตเมือง 27,359 หยวน รายได้ประชากรเขตชนบท 11,303 หยวน และปี 2563 เจ้อเจียงมี GDP 6.47 ล้านล้านหยวน รายได้ประชากรเขตเมือง 62,699 หยวน รายได้ประชากรเขตชนบท 31,930 หยวน
[3] ปี 2563 จีนมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรที่ 32,189 หยวน ขณะที่นครหางโจวมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรที่ 61,879 หยวน (สูงที่สุดในเจ้อเจียง) และเมืองหลีสุ่ยมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรที่ 37,774 หยวน (ต่ำที่สุดในเจ้อเจียง)
[4] ปี 2563 รายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรสูงที่สุดในกวางตุ้ง (เมืองเซินเจิ้น 64,878 หยวน) มากกว่าต่ำที่สุด (เมืองเจียหยาง 21,822 หยวน) ถึง 2.97 เท่า ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรสูงที่สุดในเจียงซู (เมืองซูโจว 62,582 หยวน) มากกว่าต่ำที่สุด (เมืองซู่เชียน 26,421 หยวน) ที่ 2.37 เท่า
[5] แม้ว่าความแตกต่างระหว่างรายได้ประชากรเขตเมืองและเขตชนบทของมณฑลเจ้อเจียงจะเป็นอันดับที่ 2 รองจากมณฑลเฮยหลงเจียง (1.92 เท่า) แต่เฮยหลงเจียงมีรายได้ประชากรเขตเมือง (31,115 หยวน) และเขตชนบท (16,168 หยวน) ต่ำกว่าเจ้อเจียงค่อนข้างมาก