ส่องอุตสาหกรรมเซรามิกของอำเภอเต๋อฮั่วและเมืองจิ่งเต๋อเจิ้น และโอกาสความร่วมมือกับไทย (ตอนที่ 1)
15 Dec 2023จีนมีประวัติศาสตร์ของเครื่องปั้นดินเผาอันยาวนานกว่า 10,000 ปี ตั้งแต่สมัยวัฒนธรรมหย่างเฉาของยุคหินใหม่ โดยในสมัยราชวงศ์ซาง (ประมาณ 1600 – 1046 ก่อนคริสต์ศักราช) เริ่มปรากฏการก่อสร้างเตาเผาเครื่องปั้นดินเผาในหลายมณฑลของจีน เช่น เหอหนาน เหอเป่ย ซานซี ซานตง เจียงซี กวางตุ้ง รวมถึงฝูเจี้ยน ในแต่ละพื้นที่จะมีการหลอมเครื่องปั้นดินเผาหรือเครื่องสังคโลกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ โดยหนึ่งในเครื่องสังคโลกที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากที่สุดคือ การแกะสลักบนเซรามิกสีขาวอย่างปราณีตงดงามและโปร่งแสงของอำเภอเต๋อฮั่ว มณฑลฝูเจี้ยน และเครื่องสังคโลกเคลือบสีครามจาก ตำบล “ชางหนัน” ซึ่งกลายเป็นที่ตั้งของเมืองจิ่งเต๋อเจิ้น มณฑลเจียงซีในปัจจุบัน
เครื่องปั้นดินเผาตกแต่งเป็นสีแดงของวัฒนธรรมหย่างเฉาของยุคหินใหม่
เครื่องเคลือบสีน้ำเงินของเมืองจิ่งเต๋อเจิ้น
เซรามิกสีขาวของเต๋อฮั่ว
ปัจจุบัน จีนเป็นศูนย์กลางแห่งการผลิตเซรามิกและเป็นผู้ผลิตเซรามิกรายใหญ่สูงเป็นอันดับแรกของโลก โดยส่วนใหญ่มีการผลิตเซรามิกที่ใช้ในชีวิตประจำวันคิดเป็นร้อยละ 70 ของปริมาณการผลิตทั้งหมดทั่วโลก เครื่องลายคราม ศิลปะเพื่อการตกแต่งคิดเป็นร้อยละ 65 สุขภัณฑ์เซรามิกคิดเป็นร้อยละ 50 และเซรามิกเพื่อการก่อสร้างคิดเป็นร้อยละ 64 โดยปริมาณการส่งออกเซรามิกของจีนอยู่เป็นอันดับแรกของโลก ล่าสุดในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 จีนส่งออกผลิตภัณฑ์เซรามิกกว่า 1.93 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปริมาณกว่า 13.9 ล้านตัน และประเทศที่จีนส่งออกเซรามิกเป็นหลัก ได้แก่ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย แคนาดา ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ไทย มาเลเซีย กัมพูชา เวียดนาม เมียนมา เปรู สิงคโปร์ แคเมอรูน และชิลี
แหล่งการผลิตเซรามิกหลักของจีนแบ่งออกเป็น 4 แห่ง ได้แก่ เมืองจิ่งเต๋อเจิ้น (มณฑลเจียงซี) เมืองฝอซาน (มณฑลกวางตุ้ง) เมืองจูโจว (มณฑลหูหนาน) และอำเภอเต๋อฮั่ว (มณฑลฝูเจี้ยน) นอกจากนี้ จีนยังมีการจัดตั้งฐานการผลิตเซรามิกเพื่อการก่อสร้างที่เมืองฝอซาน และจัดตั้งฐานการผลิตเซรามิกที่ใช้ในชีวิตประจำวันและฐานการผลิตสุขภัณฑ์เซรามิกที่อำเภอเต๋อฮั่ว (มณฑลฝูเจี้ยน) เมืองแต้จิ๋ว เมืองถังซาน (มณฑลเหอเป่ย) เมืองจือโบ่ (มณฑลซานตง) เมืองหลีหลิ่น (มณฑลหูหนาน) และเมืองเป่ยหลิว (มณฑลกว่างซี) และจัดตั้งฐานการผลิตศิลปะเซรามิกในเมืองจิ่งเต๋อเจิ้น (มณฑลเจียงซี) ปัจจุบัน อุตสาหกรรมเซรามิกของจีนขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่มีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีแหล่งวัตถุดิบสำคัญสำหรับการผลิตเซรามิกอยู่อย่างมหาศาล มีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน โดยคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีนมีโครงการมูลค่ากว่า 3 พันล้านหยวน เพื่อสร้างเขตอุตสาหกรรมภายในเขตเมืองที่ยังไม่พัฒนาทางภาคตะวันตกของจีน ซึ่งโครงการนี้จะเป็นปัจจัยที่ทำให้อัตราการเจริญเติบโตของตลาดเซรามิกและพอร์ซเลนในจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลาดเซรามิกและพอร์ซเลนในจีนจะเติบโตมากกว่าร้อยละ 15 ต่อปี ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้ซัพพลายเออร์ทั้งในและต่างประเทศและผู้กระจายสินค้าแสวงหาสินค้าและตลาดใหม่ในจีน
มณฑลฝูเจี้ยนและมณฑลเจียงซีเป็นที่ตั้งของแหล่งผลิตเซรามิกชั้นนำของจีน โดยอำเภอเต๋อฮั่วเป็นอำเภอในเมืองเฉวียนโจว มณฑลฝูเจี้ยน และมณฑลเจียงซีมีเมืองจิ่งเต๋อเจิ้นเป็นแหล่งการผลิตที่มีชื่อเสียง ซึ่งบทความในตอนที่ 1 ศูนย์ BIC จะกล่าวถึงศักยภาพอุตสาหกรรมเซรามิกของอำเภอเต๋อฮั่ว และนโยบายของภาครัฐในการส่งเสริมความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมเซรามิกของอำเภอเต๋อฮั่ว
ศักยภาพอุตสาหกรรมเซรามิกของอำเภอเต๋อฮั่ว
อำเภอเต๋อฮั่ว เมืองเฉวียนโจว เป็น 1 ใน 3 เมืองโบราณที่เป็นแหล่งกำเนิดของวัฒนธรรมเซรามิกของจีน นอกเหนือจากเมืองจิ่นเต๋อเจิ้นและเมืองหลีหลิ่น เซรามิกของอำเภอเต๋อฮั่วมีเอกลักษณ์ที่สำคัญคือ การแกะสลักบนเซรามิกสีขาวอย่างปราณีต งดงาม และโปร่งแสง ทำให้เครื่องเซรามิกของเต๋อฮั่วกลายเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของจีนตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ่ง (ค.ศ. 960 – 1279) อำเภอเต๋อฮั่วยังคงเป็นแหล่งผลิตเซรามิกที่สำคัญของจีน โดยผลิตภัณฑ์เซรามิกกว่าร้อยละ 80 ส่งออกไปยังกว่า 190 ประเทศทั่วโลก จนได้รับการขนานนามว่า “เมืองแห่งเซรามิกของโลก” โดยสภาหัตถศิลป์โลก (World Crafts Council) ตั้งแต่ปี 2558
ปัจจุบัน รัฐบาลอำเภอเต๋อฮั่วได้จัดตั้งฐานความร่วมมือด้านเซรามิกแบบครบวงจร ซึ่งรวมถึงเขตทดสอบคุณภาพ การฝึกอบรมช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญด้านเซรามิก การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เซรามิก สำหรับการใช้งานต่าง ๆ โดยได้นำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการรังสรรค์งานปั้นที่มีความละเอียดและพลิ้วไหวที่เป็นเอกลักษณ์ของอำเภอเต๋อฮั่ว ทำให้ผลิตภัณฑ์เซรามิกสีขาวของอำเภอเต๋อฮั่วได้รับความนิยมจากทั้งในและต่างประเทศ โดยเซรามิกสีขาวล้วนที่ผลิตที่อำเภอเต๋อฮั่วได้รับการเรียกขานจากชาวฝรั่งเศสว่า “Blanc de Chine” หรือสีขาวจากจีน
เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2566 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจีน ร่วมกับกรมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวมณฑลฝูเจี้ยน และรัฐบาลเต๋อฮั่วจัดงานนิทรรศการเซรามิกขาวของอำเภอเต๋อฮั่ว ณ กรุงปักกิ่ง โดยมีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์เซรามิกขาวที่มีคุณภาพสูง แสดงให้เห็นถึงมรดกทางวัฒนธรรมอันร่ำรวยและความประณีตของงานเซรามิกจากอำเภอเต๋อฮั่ว
ภาพรวมนโยบายของอำเภอเต๋อฮั่ว
อุตสาหกรรมเซรามิกเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่การส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของอำเภอเต๋อฮั่วตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยอำเภอเต๋อฮั่วเป็นแหล่งการผลิตเซรามิกที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศจีน มีห่วงโซ่การผลิตที่มีความสมบูรณ์ และมีวิสาหกิจในสาขาเซรามิกกว่า 4,000 แห่ง โดยเฉพาะบริษัทเซรามิกรายใหญ่ของอำเภอเต๋อฮั่ว อาทิ Dehua Tongxin Ceramic และ Fujian Quanzhou Shunmei Group โดยในปี 2565 อุตสาหกรรมเซรามิกของอำเภอเต๋อฮั่วมีมูลค่าการผลิตกว่า 5.02 หมื่นล้านหยวน มูลค่าการส่งออกกว่า 3.01 หมื่นล้านหยวน หรือคิดเป็นร้อยละ 60 ของมูลค่าการผลิตเซรามิกทั้งอำเภอ
รัฐบาลเต๋อฮั่วให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมเซรามิกอย่างต่อเนื่อง โดยมีการออกแผนปฏิบัติการพัฒนาอุตสาหกรรมเซรามิกคุณภาพสูงระยะ 5 ปี (ปี 2566 – 2570) ภายใต้ยุทธศาสตร์ Blanc de Chine เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมเซรามิกให้มีมูลค่าการผลิตสูงกว่า 1 แสนล้านหยวน ภายในปี 2570 โดยมีมาตรการสำคัญ ได้แก่
(1) การพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง การพัฒนานวัตกรรมการผลิตเซรามิกด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลแบบครบวงจร เพื่อยกระดับการผลิตสู่อุตสาหกรรมเซรามิกสมัยใหม่[1] รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีเซรามิกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตของอุตสาหกรรมเซรามิกเต๋อฮั่ว และส่งเสริมห่วงโซ่อุตสาหกรรมเซรามิกของอำเภอเต๋อฮั่วที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ การใช้เตาเผาไฟฟ้า เพื่อช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อม พร้อมกับการสร้างยี่ห้อเซรามิกที่มีเอกลักษณ์เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันในตลาด รวมถึงเพิ่มชื่อเสียงและอิทธิพลในระดับโลก
(2) การประชาสัมพันธ์ การสนับสนุนการจัดงานนิทรรศการแสดงผลิตภัณฑ์เซรามิก การส่งเสริมการแข่งขันด้านการออกแบบและเทคนิคการปั้นเซรามิก รวมถึงการพัฒนาวัฒนธรรมเซรามิกและผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ อาทิ การจัดงานจับคู่ธุรกิจและเปิดตัวผลิตภัณฑ์เซรามิกใหม่ ๆ ของอำเภอเต๋อฮั่วซึ่งได้รับการพัฒนารูปแบบและนวัตกรรมโดยผู้เชี่ยวชาญ โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มมูลค่าให้กับแบรนด์เซรามิกของอำเภอเต๋อฮั่ว
(3) อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน การส่งเสริมการส่งออกเซรามิกผ่านอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน โดยใช้ประโยชน์จากความตกลง RCEP ในการส่งออกเซรามิกเต๋อฮั่วไปยังประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะอาเซียน และในปี 2565 อำเภอเต๋อฮั่ว ส่งออกผลิตภัณฑ์เซรามิกไปยังไทยคิดเป็นมูลค่า 113 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 96.2
(4) การสร้างบุคลากรด้านเซรามิก โดยจัดตั้งสถาบันวิจัยเซรามิกกว่า 300 แห่ง เพื่อฝึกฝนและพัฒนาบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านเซรามิกผ่านหลักสูตรของวิทยาลัยอาชีวศึกษาชั้นนำ อาทิ วิทยาลัยอาชีวศึกษาศิลปะและหัตถกรรมเฉวียนโจว และวิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคนิคเต๋อฮั่ว และดำเนินการสร้างและปรับปรุงแพลตฟอร์มบริการด้านการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เซรามิก รวมถึงเชื่อมโยงระหว่างช่างฝีมือกับบริษัทต่าง ๆ
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่า อำเภอเต๋อฮั่วได้วางแผนผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมเซรามิกอย่างสร้างสรรค์ โดยเน้นการพัฒนานวัตกรรมการผลิตเซรามิกด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลแบบครบวงจร การส่งเสริมการค้าผ่านอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน รวมถึงการสร้างบุคลากรด้านเซรามิก นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติ (3D Printing) สำหรับการออกแบบผลิตภัณฑ์เซรามิก ซึ่งช่วยลดขั้นตอน ต้นทุน ระยะเวลา และวัสดุสิ้นเปลืองได้มากกว่ากระบวนการผลิตแบบดั้งเดิม อาทิ เทคโนโลยีใหม่อย่าง 3D Clay Printing หรือ 3D Potter เครื่องพิมพ์ดินเหนียว 3 มิติ สำหรับทำเซรามิกโดยเฉพาะ ซึ่งสามารถพิมพ์ดินเหนียวขึ้นเป็นรูปทรงได้ตามความต้องการ ทั้งนี้ ในบทความตอนที่ 2 ศูนย์ BIC จะแนะนำศักยภาพอุตสาหกรรมเซรามิของเมืองจิ่งเต๋อเจิ้น มณฑลเจียงซี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเมืองแห่งเซรามิกที่แข็งแกร่งอันดับต้น ๆ ของจีน และลู่ทางที่ผู้ประกอบการไทยจะสามารถใช้ประโยชน์จากความโดดเด่นของทั้งสองเมืองเซรามิกนี้ได้อย่างไรบ้าง
แหล่งที่มา https://www.yidaiyilu.gov.cn/p/0JOOGTBR.html
http://www.chanyeguihua.com/2171.html
http://art.china.cn/txt/2023-08/26/content_42497327.htm
http://www.cbminfo.com/BMI/zx/_465637/7217127/index.html
http://www.ciedata.com/IndustryResearch/MainProduct/ztk3jsns7ldlo.html
[1] เซรามิกสมัยใหม่ (New Ceramics/Advanced Ceramics) คือ เซรามิกที่ต้องใช้วัตถุดิบที่ผ่านกระบวนการมาแล้วเพื่อให้มีความบริสุทธิ์สูงได้รับการควบคุมองค์ประกอบทางเคมีและโครงสร้างจุลภาค (Microstructure) อย่างแม่นยำ โดยเซรามิกสมัยใหม่แบ่งได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่ เซรามิกสำหรับงานโครงสร้างอิเล็กโทรเซรามิก และเซรามิกสำหรับงานทางด้านการแพทย์ เซรามิกสำหรับงานโครงสร้าง (Structural Ceramics) เป็นกลุ่มเซรามิกที่ใช้งานในเครื่องกลที่มีสภาวะความดันและทนต่ออุณภูมิทนต่อการสึกหรอและการกัดกร่อนได้ดี ทนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างฉับพลันได้ดี