ภาพรวมการค้าระหว่างประเทศไทยกับมณฑลยูนนานปี 2562 และแนวโน้มปี 2563
4 Mar 20201. สถิติปี 2562
- ในปี 2562 การค้าระหว่างประเทศไทยกับมณฑลยูนนานมีมูลค่ารวม 1,581 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว เพิ่มขึ้นร้อยละ 53 โดยมีมูลค่าการนำเข้าคิดเป็น 895 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 36.6 มูลค่าการส่งออกคิดเป็น 686 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 81.5 ทั้งนี้ ไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบดุลการค้ามณฑลยูนนาน 209 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ประเทศไทยเป็นคู่ค้าลำดับที่ 5 ของมณฑลยูนนาน รองจากเมียนมา เวียดนาม ซาอุดีอาระเบีย และฮ่องกง โดยมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับมณฑลยูนนานคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 4.7 ของมูลค่าการค้าระหว่างมณฑลยูนนานกับต่างประเทศทั้งหมด
- สินค้านำเข้าสำคัญของไทยจากมณฑลยูนนาน 10 อันดับแรก ได้แก่ องุ่นสด ปุ๋ย ทองแดง พุทรา ลูกพลับ ผักแปรรูป ส้ม ผักกาดและคะน้า บรอกโคลีสดและแช่แข็ง แอปเปิล
- สินค้าส่งออกที่สำสำคัญของไทยไปยังมณฑลยูนนาน 10 อันดับแรก ได้แก่ มังคุดสดและแห้ง ทุเรียนสด ลำไยสด ตัวเรือนนาฬิกาโลหะ ยางคอมพาวด์ กุ้งสดและแช่แข็ง ดอกกล้วยไม้ กล้วยสดและแห้ง ขนุน สับปะรดสดและแห้ง
2. ประเมินภาพรวมปี 2562
2.1 “ขยายตัวสูงสุดรอบ 4 ปี” มูลค่าการค้าระหว่างประเทศไทยกับมณฑลยูนนานในปี 2562 มีอัตราการขยายตัวที่ร้อยละ 53 ซึ่งนับเป็นอัตราการขยายตัวที่สูงที่สุดในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่ปี 2559 นอกจากนี้ มูลค่าการนำเข้าสินค้าจากมณฑลยูนนานของไทยที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 36.6 ยังนับเป็นการเติบโตเป็นบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีเช่นเดียวกัน ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้าไปยังมณฑลยูนนานของไทยที่ 686 ล้านดอลลาร์สหรัฐยังนับเป็นสถิติการส่งออกที่สูงที่สุดนับตั้งแต่การเปิดใช้ทางหลวงสายคุนหมิง-กรุงเทพฯ (ถนนสาย R3A) เมื่อปี 2551
2.2 “สินค้าเกษตรคือหัวใจหลัก” สินค้าหลักในการค้าระหว่างประเทศไทยกับมณฑลยูนนานกว่าร้อยละ 70 เป็นสินค้าเกษตร โดยมีทางหลวงสายคุนหมิง-กรุงเทพฯ หรือเส้นทางสาย R3A เป็นเส้นทางขนส่งหลัก โดยในปี 2562 มูลค่าสินค้าไทยที่ส่งออกมายังมณฑลยูนนานมีสัดส่วนเป็นสินค้าเกษตรถึงร้อยละ 86 ขณะเดียวกัน สินค้าเกษตรมีสัดส่วนร้อยละ 60 ของสินค้าที่ไทยนำเข้าจากมณฑลยูนนาน
2.3 “ผักและผลไม้คือปัจจัยหนุนสำคัญ” อัตราการขยายตัวของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศไทยกับมณฑลยูนนานที่สูงถึงร้อยละ 53 ในปี 2562 เป็นผลมาจากมูลค่าการค้าสินค้าประเภทผักและผลไม้ระหว่างกันที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน กล่าวคือ มูลค่าผลไม้ไทยที่ส่งออกไปยังมณฑลยูนนานคิดเป็น 532 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 140.5 ขณะที่ ไทยนำเข้าสินค้าประเภทผักและผลไม้จากมณฑลยูนนานรวม 536 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.6
2.4 “จุดแข็งเหมือนกันแต่ส่งเสริมกันได้” แม้ทั้งประเทศไทยกับมณฑลยูนนานจะเป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรรายสำคัญเช่นเดียวกัน แต่การที่ทั้งสองฝ่ายมีปริมาณการแลกเปลี่ยนสินค้าในกลุ่มนี้สูงเป็นลำดับต้นเช่นกันนั้น แสดงให้เห็นว่า สินค้าเกษตรของแต่ละฝ่ายมิได้มีลักษณะแข่งขันกันโดยสมบูรณ์ แต่สามารถตอบสนองความต้องการในตลาดของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มผักและผลไม้ รวมถึงดอกไม้
2.5 “ขาขึ้นสับปะรดและกุ้ง ขาลงกล้วยและยางพารา” ในปี 2562 สับปะรดและกุ้งนับเป็นสินค้าที่มีมูลค่าเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในการค้าระหว่างประเทศไทยกับมณฑลยูนนาน โดยในส่วนของสับปะรดนั้น ยูนนานนำเข้าสับปะรดภูแลจากไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากความนิยมของผู้บริโภค โดยจากมูลค่าเพียงหลักหมื่นดอลลาร์สหรัฐในปี 2560 ได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดเป็น 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2562 สำหรับกุ้งก็มีแนวโน้มเติบโตที่ดีเช่นเดียวกัน โดยมูลค่าการนำเข้ากุ้งไทยของยูนนานเพิ่มขึ้นเป็นลำดับจาก 10.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2560 เป็น 12.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2561 และ 15.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2562 ในทางกลับกัน กล้วยและยางพาราเป็นสินค้าที่ยูนนานนำเข้าจากไทยน้อยลงอย่างต่อเนื่อง โดยสำหรับกล้วยนั้น ยูนนานเริ่มหันไปนำเข้าจากเมียนมาแทนเนื่องจากการเข้าไปส่งเสริมการปลูกกล้วยในเมียนมาของนักธุรกิจจีน นอกจากนี้ ยูนนานยังได้เริ่มนำเข้าจากเวียดนามในปี 2562 อีกด้วย ในส่วนของยางพารานั้น แม้ในช่วงก่อนปี 2558 ยูนนานจะนำเข้ายางพาราจากไทยเป็นหลัก แต่หลังจากนักธุรกิจจีนได้เข้าไปส่งเสริมให้ลาวและเมียนมาตอนบนซึ่งมีชายแดนติดกับยูนนานปลูกยางพารา จึงทำให้ยูนนานเริ่มหันไปนำเข้ายางพาราจากลาวและเมียนมาแทน โดยภาพรวมปี 2562 ยูนนานนำเข้ายางพารามูลค่ารวม 474.16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสัดส่วนการนำเข้าจากลาวสูงที่สุดที่ร้อยละ 54 ตามมาด้วยเมียนมาที่ร้อยละ 39 และไทยที่ร้อยละ 6 โดยการนำเข้าจากลาวและเมียนมาส่วนใหญ่เป็นยางธรรมชาติ ขณะที่การนำเข้าจากไทยจะเน้นยางคอมพาวด์เป็นหลัก
3. แนวโน้มปี 2563
3.1 “โควิด-19 ปัจจัยลบตั้งแต่ต้นปี” ในภาพรวม มูลค่าการค้าระหว่างประเทศไทยกับมณฑลยูนนานในปี 2563 มีแนวโน้มชะลอตัวลง อันเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งนับเป็น “ปัจจัยลบ” สำคัญ โดยตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคม 2563 รัฐบาลมณฑลยูนนานได้ออกมาตรการปิดเส้นทางการจราจรระหว่างเมือง ทำให้ผลไม้จากไทยซึ่งเป็นสินค้าประเภทเน่าเสียง่ายได้รับความเสียหายจากความล่าช้าในการขนส่งและประสบอุปสรรคกระบวนการนำเข้าที่ด่านชายแดนมณฑลยูนนานกับลาว (บ่อหาน-บ่อเต็น) นอกจากนี้ การดำเนินมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดโรคฯ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เช่น การลดการออกนอกบ้าน การห้ามรวมกลุ่มพบปะสังสรรค์ การงดเที่ยวบิน การปิดสถานที่ท่องเที่ยวและสถานบันเทิง ก็ได้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการค้าปลีกและการท่องเที่ยว ที่สำคัญ ผู้บริโภคชาวจีนยังระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายมากยิ่งขึ้นจากความวิตกกังวลต่อระยะเวลาของสถานการณ์การแพร่ระบาดฯ ที่อาจยืดเยื้อ
3.2 “ไตรมาสแรกชะลอตัวกระทบต่อผลไม้กับกุ้งไทย” ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2563 สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคฯ เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น สถานประกอบการหลายแห่งเริ่มกลับมาเปิดทำการและดำเนินการผลิตอีกครั้งพร้อมกับการดำเนินมาตรการควบคุมและป้องกันโรคฯ ของภาครัฐอย่างเข้มข้น จนทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดฯ ในมณฑลยูนนานลดระดับความรุนแรงจากระดับ 1 เป็นระดับ 3 ในขณะนี้ ซึ่งแม้จะเป็นสัญญาณที่ดีต่อการค้าระหว่างประเทศไทยกับมณฑลยูนนาน แต่ในภาพรวม การค้าของทั้งสองฝ่ายในไตรมาสแรกน่าจะได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผลไม้สำคัญอย่างทุเรียนและมังคุดที่มีการซื้อขายโดยล้งจีนในลักษณะของการเหมาผลผลิตทั้งสวนล่วงหน้าก่อนฤดูเก็บเกี่ยวในเดือนเมษายน รวมถึงลำไยนอกฤดูที่มีการเก็บเกี่ยวช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ และขนุนที่มีผลผลิตออกมากในเดือนมีนาคม นอกจากนี้ การงดเที่ยวบินระหว่างคุนหมิงกับกรุงเทพฯ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของสายการบินส่วนใหญ่รวมทั้งการบินไทยที่งดเที่ยวบินในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมก็ส่งผลต่อการส่งออกกุ้งไทยมายังมณฑลยูนนานด้วยเช่นกัน
3.3 “โควิด-19 ยิ่งยืดเยื้อยิ่งส่งผลต่อกำลังซื้อ” หากสถานการณ์การแพร่ระบาดฯ ยืดเยื้อต่อไปจนถึงไตรมาสที่สองก็จะยิ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกผลไม้ไทยมายังมณฑลยูนนานมากยิ่งขึ้นจากกำลังซื้อของผู้บริโภคชาวจีนที่ยังอ่อนแอ ที่สำคัญ โดยปกติผลไม้ไทยที่ส่งออกมายังมณฑลยูนนานจะมีมูลค่ามากในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคมซึ่งเป็นฤดูของมังคุด ทุเรียน และมะม่วง รองลงมาคือช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมซึ่งเป็นฤดูของลำไย กล้วยไข่ ส้มโอ และสับปะรด
3.4 “ตลาดผลไม้มีคู่แข่งมากขึ้น” ปัจจุบัน จีนอนุญาตให้นำเข้าผลไม้จากประเทศอื่นมากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลไม้ไทยโดยตรง โดยจีนเปิดตลาดกล้วยหอมให้กับกัมพูชาและเริ่มนำเข้าล็อตแรกเมื่อเดือนพฤษภาคม 2562 ซึ่งจากสติถิปี 2562 กล้วยกัมพูชาได้เข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดในปีแรกด้วยมูลค่าเกือบ 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
3.5 “โอกาสของธุรกิจอีคอมเมิร์ชและธุรกิจด้านสุขภาพ” สถานการณ์การแพร่ระบาดฯ ส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวจีนที่ลดกิจกรรมภายนอกบ้านเกือบทั้งหมดและหันมาใช้ชีวิตโดยพึ่งพาระบบออนไลน์แทนเพื่อลดความเสี่ยงของการติดโรคฯ จึงนับเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะศึกษารูปแบบของธุรกิจอีคอมเมิร์ชจีน ตั้งแต่ช่องทางการกระจายสินค้า รวมถึงบริการต่าง ๆ เช่น การเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์ ระบบแพทย์ทางไกล นอกจากนี้ ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดฯ สิ้นสุด ก็ยังเป็นโอกาสของไทยซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจสุขภาพเข้ามาเจาะตลาดจีนซึ่งผู้บริโภคจะหันมาใส่ใจด้านสุขภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและการบำรุงร่างกาย ธุรกิจเพื่อการฟื้นฟูสุขภาพ รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (medical tourism) ที่ชาวยูนนานก็ให้การตอบรับเป็นอย่างดีอยู่แล้วในช่วงก่อนหน้านี้