สำรวจเขตโลจิสติกส์นานาชาตินครหลานโจว จาก landlocked สู่ landlink สำคัญอีกแห่งของภูมิภาคจีนตะวันตกเฉียงเหนือ
7 Jun 2021ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า กระแสการเปิดตัวขบวนขนส่งสินค้านานาชาติในหลายพื้นที่ของจีนกลายมาเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ และยิ่งเด่นชัดขึ้นเมื่อวิกฤต COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อรูปแบบการขนส่งสินค้าต่าง ๆ การขนส่งสินค้าด้วยระบบรางจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาความเจริญ โดยเฉพาะดินแดนไร้ทางออกสู่ทะเล (Landlocked) ทำให้ยังสามารถส่งออกสินค้าไปจำหน่ายยังต่างประเทศได้
วันนี้ ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยจีน ณ นครซีอาน จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับเขตโลจิสติกส์นานาชาตินครหลานโจว (International Land Port of Lanzhou: ชื่อเดิม 兰州国际港务区 หรือชื่อใหม่甘肃(兰州)国际陆港) มณฑลกานซู ท่าเรือบกที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2555 โดยในปี 2564 นี้มีความพิเศษเพิ่มเติมขึ้นมาคือ เขตฯ ได้เร่งยกระดับศักยภาพและรูปแบบการให้บริการแบบ “Smart Inland Port” เพื่อรองรับเป้าหมายสู่การเป็นศูนย์กลาง landlink ที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของภูมิภาคจีนตะวันตกเฉียงเหนือ
- ภูมิหลังการก่อตั้งเขตโลจิสติกส์นานาชาตินครหลานโจว
เขตโลจิสติกส์นานาชาตินครหลานโจว (International Land Port of Lanzhou) เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมาธิการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (NDRC) เมื่อปี 2555 ให้เป็นศูนย์ขนส่งสินค้านานาชาติและเป็นจุดเชื่อมโยงที่สำคัญระหว่างประเทศจีนกับกลุ่มประเทศเอเชียกลาง เอเชียใต้ และยุโรป ผ่านการขนส่งสินค้าด้วยระบบราง
ต่อมาเมื่อเดือน ธ.ค. 2558 รัฐบาลนครหลานโจว (兰州市) และรัฐบาลเขตซีกู่ (西固区) ได้ร่วมก่อตั้งบริษัท International Land Port Investment Co., Ltd. เพื่อเป็นวิสาหกิจพัฒนาที่ดิน ดำเนินการก่อสร้าง และควบคุม
การดำเนินงานในเขตโลจิสติกส์ฯ ทั้งหมดด้วยทุนจดทะเบียนในระยะแรก 100 ล้านหยวน
เขตโลจิสติกส์ฯ ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านซีกู่ เขตตงชวน (Dongchuan District) นครหลานโจว ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่มีความสำคัญของเส้นทางสายไหมในอดีต โดยเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนการค้าระหว่างประเทศจีนกับกลุ่มประเทศยุโรปและเอเชีย ทำให้รัฐบาลมณฑลกานซูเลือกหมู่บ้านดังกล่าวเป็นที่ตั้งของเขตโลจิสติกส์ฯ เพราะนอกจากจะมีทำเลที่ตั้ง
ที่เหมาะสมแล้ว ยังมีนัยสำคัญทางประวัติศาสตร์อีกด้วย
พื้นที่แสดงเขตโลจิสติกส์นานาชาตินครหลานโจว
- การพัฒนาเขตโลจิกส์ติกฯ ระยะที่ 1 (ปี 2559-2563)
เขตโลจิสติกส์ฯ ได้มีการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน รวมไปถึงการก่อสร้างศูนย์อำนวยการต่างๆ
ที่ประกอบด้วย 3 ส่วนสำคัญ ดังนี้
2.1 ศูนย์คอนเทนเนอร์ที่ขนส่งสินค้าด้วยระบบราง (Lanzhou Railway Container Center)
เป็น 1 ใน 18 ศูนย์คอนเทนเนอร์ที่ขนส่งสินค้าด้วยระบบรางที่มีมาตรฐานระดับประเทศ มีพื้นที่สำหรับการบรรจุและขนถ่ายสินค้าสำหรับการขนส่งระบบรางราว 1,400 หมู่ (574 ไร่) มูลค่าการลงทุน 2,800 ล้านหยวน ปัจจุบันเปิดให้บริการที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางการขนส่งสินค้านานาชาติ “หลานโจวห้าว” มีศักยภาพในการรองรับปริมาณสินค้าได้ราว 30 ล้านตัน/ปี รองรับปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ขนาดมาตรฐานได้มากถึง 4 ล้านตู้ และหากก่อสร้างเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์จะเป็นศูนย์บรรจุและขนถ่ายสินค้าที่ขนส่งด้วยระบบรางที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคจีนตะวันตกเฉียงเหนืออีกด้วย
ภายในศูนย์ฯ ประกอบด้วย 1) เขตคลังสินค้าทัณฑ์บน (ประเภท B) ครอบคลุมพื้นที่ 750 หมู่ (307 ไร่) ให้บริการด้านการตรวจสอบของศุลกากร การตรวจสอบคลังสินค้า และการตรวจสอบสินค้านำเข้าและส่งออก 2) ศูนย์การขนส่งสินค้าแบบบูรณาการ (Multiple Transport Center) ให้บริการการขนส่งทั้งในและระหว่างประเทศ
2.2 ศูนย์คอนเทนเนอร์ที่ขนส่งสินค้าทางถนน (Lanzhou Highway Container Center)
พื้นที่รองรับสินค้าและขนส่งสินค้าทางถนน ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการก่อสร้างด้วยมูลค่าการลงทุนมากถึง 60,000 ล้านหยวน ประกอบด้วย 1) ศูนย์จัดแสดงสินค้าเพื่อการนำเข้าและส่งออก 2) ศูนย์โลจิสติกส์สินค้าแปรรูปเพื่อการส่งออก 3) ศูนย์โลจิสติกส์สำหรับสินค้าที่ต้องการเก็บรักษาด้วยความเย็น (Cold Chain Logistics Center) และ 4) ศูนย์บริการข้อมูลโลจิสติกส์ (Hub Logistics Information Center) โดยมีวิสาหกิจสนใจเข้าลงทุนแล้วจำนวน 34 โครงการ
2.3 ท่าเรือบกหลานโจว (Lanzhou Inland Port)
แม้ว่าการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคและอาคารที่ทำการในเขตโลจิสติกส์ฯ จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ 100% แต่ก็ได้เริ่มการเปิดทำการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าผ่านเส้นทางการขนส่งสินค้านานาชาติ “หลานโจวห้าว” (兰州号) แล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลมณฑลกานซูให้ความสำคัญต่อการพัฒนาเขตโลจิสติกส์ฯ เป็นอย่างมาก
- ปัจจุบัน เขตฯ ให้บริการเส้นทางขนส่งสินค้านานาชาติไปยัง 4 กลุ่มพื้นที่ ดังนี้
เส้นทางการขนส่งสินค้านานาชาติ “หลานโจวห้าว” ในปัจจุบัน
“หลานโจวห้าว” เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างการผลักดันแผนพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจบนเส้นทางสายไหมทางบกที่เป็นรูปธรรมที่รัฐบาลมณฑลกานซู่ให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับเศรษฐกิจในพื้นที่ นอกจากนี้ เส้นทางการขนส่งสินค้านานาชาติ “หลานโจวห้าว” ยังมีความได้เปรียบในการขนส่งเพื่อขยายตลาดและกระจายสินค้าจากเดิมจำกัดเพียงประเทศในเอเชียกลางและเอเชียใต้ แต่ปัจจุบัน “หลานโจวห้าว” ได้เปิดขบวนเดินรถเชื่อมต่อไปยัง 4 ทิศทางหลัก ได้แก่
3.1 เส้นทางขนส่งสินค้านานาชาติหลานโจว-เอเชียกลาง (หลานโจวห้าวเส้นเอเชียกลาง) เป็นเส้นทางฯ ดั้งเดิมที่เปิดให้บริการไปยังเมืองอัลมาตี ของคาซัคสถาน เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2558
3.2 เส้นทางขนส่งสินค้านานาชาติหลานโจว-เอเชียใต้ (หลานโจวห้าวเส้นเอเชียใต้) เป็นเส้นทางฯ ดั้งเดิมที่เปิดให้บริการไปยังกรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล นอกจากบรรทุกสินค้าจากจีนตะวันตกแล้ว ยังมีสินค้าจากเมืองฝั่งตะวันออก เช่น เมืองอี้อูและนครกว่างโจวด้วย ขบวนขนส่งดังกล่าวเปิดให้บริการเต็มรูปแบบภายหลังการทดลองเดินรถครั้งแรกเมื่อเดือน พ.ค. 2559
3.3 เส้นทางขนส่งสินค้านานาชาติหลานโจว-ยุโรป (หลานโจวห้าวเส้นยุโรป) เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2558 รัฐบาลนครหลานโจวได้เปิดเส้นทางขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ “หลานโจวห้าว” (หลานโจว-ฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี) โดยต่อยอดจากหลานโจวห้าวเส้นเอเชียกลาง พาดผ่านกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย – กรุงมินสก์ ประเทศเบลารุสและกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์การขนส่งรอบปฐมฤกษ์เป็นการขนส่งสินค้าประเภทอุปกรณ์เครื่องจักร ล้อยางรถยนต์ อุปกรณ์สร้างความอบอุ่น และอิฐทนไฟ (Burnt Stone) รวม 646.36 ตัน มูลค่า 2,591 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2558 ขบวนขนส่งสินค้านานาชาติหลานโจวห้าวได้ออกจากจุดปล่อยขบวนรถที่เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนีมายังนครหลานโจวเป็นครั้งแรก
3.4 เส้นทางการขนส่งนานาชาติไปยังทิศใต้ของประเทศซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการตามข้อตกลงยุทธศาสตร์ The China-Singapore Demonstration Initiative on Strategic Connectivity ไม่เพียงมุ่งการส่งออกไปยัง กลุ่มประเทศเอเชียกลางและยุโรปเท่านั้น เมื่อเดือน ส.ค. 2560 รัฐบาลมณฑลกานซู ได้ลงนามความร่วมมือในบันทึกความเข้าใจร่วมกับเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง นครฉงชิ่ง และมณฑลกุ้ยโจว ร่วมบูรณาการงานศุลกากรและการตรวจสอบและกักกันโรค เพื่อประโยชน์ในการเชื่อมต่อเส้นทางการขนส่งนานาชาติไปยังทิศใต้ของประเทศซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการตามข้อตกลงยุทธศาสตร์ The China-Singapore Demonstration Initiative on Strategic Connectivity “中国新加坡互联互通项目(渝桂新)เส้นทางการขนส่งดังกล่าวพาดผ่านนครฉงชิ่ง มณฑลกุ้ยโจว และเขตฯ กว่างซีจ้วง ก่อนจะไปสิ้นสุดยังประเทศสิงคโปร์ ระยะทางรวม 4,080 กิโลเมตร
ในส่วนของเส้นทางนี้ฯ ภายหลังการบรรลุข้อตกลงข้างต้น เขตโลจิสติกส์ฯ ได้อานิสงส์จากการใช้ประโยชน์เส้นทางรถไฟหลานโจว – ฉงชิ่ง ซึ่งเปิดให้บริการเต็มรูปแบบครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายน 2560 เป็นเส้นทางหลักของการขนส่งสินค้าจากกานซูไปยังฉงชิ่ง โดยมีฉงชิ่งทำหน้าที่เป็นข้อต่อสำคัญด้วยการเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางการขนส่งนานาชาติไปยังทิศใต้ สามารถกระจายสินค้าไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนได้สะดวกขึ้น จากเดิมที่มุ่งการขนส่งไปยังประเทศในกลุ่มเอเชียกลาง เอเชียใต้และทวีปยุโรป ซึ่งเส้นทางการขนส่งสินค้าระบบรางไปยังทิศใต้นี้จะใช้รูปแบบ
การขนส่ง Multimodal transport (公铁海多式联运) ได้แก่
- รูปแบบการขนส่งระบบราง นครหลานโจว มณฑลกานซู (ผ่านเส้นทางรถไฟหลานโจว – ฉงชิ่ง)เชื่อมต่อกับเส้นทางการขนส่งสินค้าระบบรางไปยังทิศใต้ที่นครฉงชิ่ง – นครกุ้ยหยาง (มณฑลกุ้ยโจว) – นครหนานหนิง (เขตฯ กว่างซีจ้วง)
- รูปแบบการขนส่งทางเรือ ท่าเรือเป่ยปู้ของเขตฯ กว่างซี – ประเทศสิงคโปร์ – กระจายต่อไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน
อย่างไรก็ดี แม้จะเปิดดำเนินการมากว่า 3 ปีแล้ว แต่สถิติการขนส่งสินค้าของมณฑลกานซูผ่านเส้นทางนี้ ยังมีไม่มากเท่าที่ควร ข้อมูลล่าสุดจาก สนง. การ ตปท. มณฑลกานซูระบุว่าในปี 2562 กานซูส่งออกแอปเปิ้ลไปยังไทย เป็นครั้งแรกผ่านเส้นทางดังกล่าว โดยส่งสินค้าผ่านเส้นทางรถไฟหลานโจว-ฉงชิ่ง ต่อไปยังท่าเรือชินโจว (钦州港) ของเขตฯ กว่างซีจ้วง สู่ท่าเรือแหลมฉบัง จ. ชลบุรี นอกจากนี้ เมื่อเดือน พ.ย. 2561 สำนักงานพาณิชย์มณฑลกานซูยังได้ลงนามความร่วมมือกับ PIL Logistics ของสิงคโปร์ เพื่อประโยชน์ในการขนส่งสินค้าแบบ Multimodal Transportation เช่นกันโดย PIL Logistics ได้สร้าง “ศูนย์สินค้าพื้นเมืองมณฑลกานซู“ ที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อเป็นช่องทางการกระจายสินค้าเพิ่มอีกทางหนึ่งด้วย แต่ไม่พบความเคลื่อนไหวมากนักในปัจจุบัน
- ย้อนดูศักยภาพที่เป็นปัจจัยหลักในการก่อตั้งเขตโลจิสติกส์ฯ
4.1 มีจุดเด่นทางด้านภูมิศาสตร์ นครหลานโจวตั้งอยู่บริเวณตอนกลางค่อนไปทางเหนือของประเทศมีระยะทางเชื่อมต่อกับกลุ่มประเทศเอเชียกลางและยุโรปใกล้กว่ามณฑลทางภาคตะวันออก ทำให้ได้รับอานิสงส์จากแผนการพัฒนาเครือข่ายเส้นทางรถไฟของรัฐบาลกลาง ซึ่งรัฐบาลท้องถิ่นก็ได้พยายามพัฒนาข้อด้อยของตนเองที่ไม่มีพื้นที่สู่ทะเล (landlocked) สู่การเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อ (landlink) ระบบขนส่งทางรางที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจีนตะวันตก
4.2 มีบทบาทสำคัญในยุทธศาสตร์การพัฒนาแนวทางเศรษฐกิจเส้นทางสายไหมทางบก โดยเฉพาะด้านการค้า วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว ปัจจุบัน มณฑลกานซูมีแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่บนเส้นทางสายไหมที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้ว (The Silk Road: The Routes Network of Chang’an – TianShan Corridor)[1]
4.3 มีเขตเมืองใหม่นครหลานโจว (Lanzhou New Area) ตั้งขึ้นเมื่อปี 2555 เป็นเขตขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจในพื้นที่และจากต่างประเทศได้โดยเป็นเขตเมืองใหม่ระดับชาติลำดับที่ 5 ของจีนและเป็นเขตแรกในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ (ปัจจุบัน จีนมีเขตเมืองใหม่ระดับชาติทั้งหมด 19 เขต) โดยใน 4 เดือนแรกของปี 2564 ผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของเขตฯ มีการขยายตัวมากถึงร้อยละ 20.2 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 และมีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นถึง 2.3 เท่า การเชื่อมโยงของฐานอุตสาหกรรมของทั้งสองพื้นที่ที่รองรับระบบสาธารณูปโภคและเส้นทางการขนส่งสินค้าสามารถทำได้อย่างไร้รอยต่อ
นอกจาก 3 ปัจจัยสนับสนุนข้างต้นแล้ว เขตโจลิสติกส์ฯ ยังเป็นศูนย์รวมของสำนักงานกักกันและตรวจสอบโรค สำนักงานศุลกากรนครหลานโจว และเขตคลังสินค้าทัณฑ์บนที่ให้บริการแก่วิสาหกิจที่นำเข้าและส่งออกสินค้าผ่านเส้นทางการขนส่งสินค้านานาชาติตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งท่าเรือบกหลานโจวได้รับอนุมัติให้เป็นด่านนำเข้าสินค้าประเภท รถยนต์ เนื้อสัตว์ ข้าว และธัญพืช และสินค้าประเภทไม้ได้โดยตรงจากต่างประเทศแล้ว ในปี 2564 “หลานโจวห้าว” ได้เริ่มรอบขนส่งสินค้าเที่ยวแรกของปี (27 ก.พ. 2564) ไปยังกรุงมอสโก ประเทศรัสเซียบรรทุกสินค้าต่อจากเมืองอี้อู มณฑลเจ้อเจียงจำนวน 48 ตู้ รวม 676 ตัน มูลค่า 20.20 ล้านหยวน โดยมากเป็นอุปกรณ์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน เครื่องนุ่งห่ม ฯลฯ เส้นทางขนส่งฯ นี้เป็น 1 ในยุทธศาสตร์การขนส่งสินค้านานาชาติ “4 ทิศทาง 5 เส้นทาง” (International train operation line of “four directions and five routes”) ที่จะช่วยเสริมความหลากหลายของเป้าหมายการขนส่งสินค้าให้มากขึ้น
- “Smart Inland Port” เขตโลจิสติกส์นานาชาตินครหลานโจวยุคใหม่ มุ่งสู่การเป็นท่าเรือบกอัจฉริยะ
เมื่อเดือน ธ.ค. 2561 เขตโลจิสติกส์ฯ ได้รับอนุมัติให้เป็นโครงการนำร่องสาธิตการขนส่งหลายรูปแบบแห่งแรกของประเทศ (全国首批多式联运示范工程) โดยตั้งเป้าพื้นที่ 5 ฟังก์ชั่น (五大核心功能) รองรับการเป็นพื้นที่ขนส่งสินค้าทางรางครอบคลุมพื้นที่ 3 มณฑลทางภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือ คือ มณฑลกานซู ชิงไห่ และเขตฯ หนิงเซี่ยหุย โครงการนำร่องฯ นี้มีพื้นที่ครอบคลุม 248,000 ตร.ม. แบ่งออกเป็นพื้นที่จัดเก็บสินค้า พื้นที่ให้บริการสาธารณะ พื้นที่การจัดการและการขนส่งอัจฉริยะ และศูนย์ข้อมูลโลจิสติกส์ท่าเรือบกระหว่างประเทศ
เขตโลจิสติกส์ฯ มุ่งพัฒนา สู่การเป็นท่าเรือบกกึ่งอัตโนมัติ (Smart Inland Port) โดยกำหนด 2 พื้นที่คือ
5.1 พื้นที่การจัดการและการขนส่งอัจฉริยะ โดยนำศูนย์คอนเทนเนอร์ที่ขนส่งสินค้าด้วยระบบราง (Lanzhou Railway Container Center) มาพัฒนาให้สามารถรองรับการบริการตู้บรรจุสินค้าด้วยระบบและเครื่องทุ่นแรงที่มีประสิทธิภาพสูง
5.2 เขตโลจิสติกส์ฯ ได้วางเป้าหมายให้ศูนย์ข้อมูลโลจิสติกส์ท่าเรือบกระหว่างประเทศ (国际陆港物流信息中心) เป็นอีกพื้นที่รองรับการพัฒนาสู่ท่าเรือกึ่งอัตโนมัติ ซึ่งจะนำรูปแบบ “IOTs+ อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่งมาให้บริการและพัฒนาระบบบริการโลจิสติกส์ที่ทันสมัย และตั้งเป้าหมายสร้าง “1 ศูนย์กลาง (一中心) 4 แพลตฟอร์ม (四平台)” สร้างแพลตฟอร์มเพื่อเชื่อมโยงฐานข้อมูล ตลอดจนการจัดทำรูปแบบการให้บริการออนไลน์เพื่อลดขั้นตอนและระยะเวลาของผู้ส่งออกอีกด้วย
- พร้อมตั้งเป้าก่อสร้าง 10 สวนอุตสาหกรรมเสริมศักยภาพรองรับการลงทุน
นอกจากเป้าหมายการยกระดับสู่ท่าเรือบกอัจฉริยะแล้ว เขตโลจิสติกส์ฯ ยังได้วางเป้าหมายขยายพื้นที่ก่อสร้าง 10 สวนอุตสาหกรรม เพื่อรองรับการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ชื่อสวนอุตสาหกรรม |
รายละเอียด |
1. China United Logistics Park | ได้เสร็จสิ้นการก่อสร้างโครงการระยะที่ 1 คือคลังสินค้าขนถ่ายสินค้าชนิดข้ามสาย (Cross-line Loading and Unloading Warehouse) โดยการก่อสร้างระยะที่ 2 จะสร้างศูนย์บริการซื้อขายสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับสินค้าขนาดใหญ่ (Bulk Commodity Electronic Trading Service Center) ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติม และในการก่อสร้างระยะที่ 3 มีแผนจะสร้างศูนย์ซื้อขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขนาดใหญ่ (Large-scale Petrochemical Product (Plastic Raw Material) Spot Trading Center) เน้นการซื้อขายวัตถุดิบพลาสติกเป็นหลัก |
2. ศูนย์กลางการขนส่งผู้โดยสาร (Comprehensive Passenger Transport Hub) | ศูนย์ขนส่งผู้โดยสารแบบครบวงจรครอบคลุมพื้นที่ 80 หมู่ (ราว 32.78 ไร่) โดยจะสร้างศูนย์บริการผู้โดยสารทางไกล ศูนย์รถแท็กซี่ ซ่อมรถยนต์ และบริการกระจายสินค้าอื่น ๆ |
3. ศูนย์ขนส่งสินค้าและวัสดุก่อสร้างนานาชาติ(Building Materials International Logistics Park) | ครอบคลุมพื้นที่ 300 หมู่ (ราว 122.95 ไร่) เป็นศูนย์โลจิสติกส์และคลังวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง |
4. ศูนย์ขนส่งสินค้าด้วยระบบบริการห้องเย็น(Cold Chain Logistics Processing Comprehensive Park) | ครอบคลุมพื้นที่ 140 หมู่ (ราว 57.37 ไร่) โดยตั้งเป้าให้เป็นศูนย์กระจายสินค้าที่ทันสมัยขนาดใหญ่ด้วยระบบคลังสินค้าเย็นและอุณหภูมิคงที่ ส่งผลดีต่อคุณภาพสินค้านำเข้า |
5. ศูนย์ขนส่งรถยนต์และชิ้นส่วนอุปกรณ์ (Automobile Integrated Logistics Park) | ครอบคลุมพื้นที่ 70 หมู่ (ราว 28.68 ไร่) ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่จัดเก็บสินค้ารถยนต์เพื่อให้บริการขนถ่ายสินค้า |
6. ศูนย์โลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน (Cross-border E-Commerce Logistics Park) | บูรณาการร่วมกับศุลกากรและสำนักงานตรวจสอบและกักกันโรคของเขตโลจิสติกส์ฯ ในการให้บริการพิธีการทางศุลกากร การประกาศภาษี ค่าธรรมเนียมคลังสินค้า และการจัดจำหน่ายสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ |
7. ศูนย์ปฏิบัติการอีคอมเมิร์ซ (E-commerce Operation Center) | ครอบคลุมพื้นที่ 309 หมู่ (ราว 126.64 ไร่) ตั้งเป้าให้บริการข้อมูลการขนส่งสินค้า ตลอดจนข้อมูลการบริการจัดการคลังสินค้าที่ทันสมัยด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ |
8. ศูนย์โลจิสติกส์ตู้คอนเทนเนอร์ (ระบบราง) (Highway Container Distribution Logistics Park) | ครอบคลุมพื้นที่ 473 หมู่ (ราว 193.85 ไร่) โดยจะเป็นส่วนขยายสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจท่าเรือบกแห่งนี้ ที่เขตโลจิสติกส์ฯ จะเร่งส่งเสริมการนำระบบการจัดการการขนส่งที่ทันสมัยมาใช้สนับสนุนการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal Transportation) |
9. ศูนย์แสดงสินค้าท่าเรือบกนานาชาติ (International Inland Port Expo Center) | ครอบคลุมพื้นที่ 669 หมู่ (ราว 274.18 ไร่) โดยจะจัดให้เป็นพื้นที่จัดแสดงและจำหน่ายสินค้าปลอดภาษี และศูนย์การประชุม |
10. ศูนย์กลางการค้าธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business Trade Center) | ครอบคลุมพื้นที่ 572 หมู่ (ราว 234.43 ไร่) ตั้งเป้าสร้างศูนย์กลางการเงินระหว่างประเทศ ศูนย์นิทรรศการนำเข้าและส่งออก ศูนย์การค้าและโรงแรมห้าดาว |
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นว่า รัฐบาลมณฑลกานซูไม่เพียงเร่งยกระดับศักยภาพเครื่องมือทางเศรษฐกิจนี้เพียงอย่างเดียว แต่ยังพัฒนาและสร้างให้พื้นที่โดยรอบเขตโลจิสติกส์ฯ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยได้จริง เพื่อเป็นแหล่งประกอบอาชีพพร้อมส่งเสริมการมีคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชนได้ รวมไปถึงการสร้างแหล่งประกอบอาชีพเพื่อให้ประชาชนโดยรอบสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ดังกล่าวได้ โดยมีแผนที่จะพัฒนาพื้นที่ 3 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่บ้านเหอโข่ว ต๋าชวน และหลิวเฉวียน ให้เป็น “สวนพืชชุ่มน้ำต๋าชวน” (兰州达川湿地) ขนาด 10,000 หมู่ (ราว 4,098 ไร่) ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวตามแผนการก่อสร้างพื้นที่พักผ่อนสองฝั่งแม่น้ำเหลือง ซึ่งได้เปิดให้เข้าชมแล้วในปี 2563 ซึ่งไทยอาจปรับใช้โมเดลนี้สู่การพัฒนาเขตชุมชนโดยรอบเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ
ภาคตะวันออก (EEC) ต่อไป
ปัจจุบัน แม้โครงการก่อสร้างของเขตโลจิสติกส์ฯ จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ 100% แต่จากข้อมูลและพัฒนาการข้างต้นได้สะท้อนให้เห็นว่า มณฑลกานซูซึ่งเคยเป็นมณฑลยกจน มีลำดับ GDP Per Capita ต่ำเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ ได้พยายามในการยกระดับความก้าวหน้าของเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเร่งพัฒนาเส้นทางการคมนาคมให้สามารถส่งออกได้โดยไม่พึ่งพาเมืองหน้าด่าน ส่งผลดีในระยะยาวต่อเศรษฐกิจและการค้าในพื้นที่ ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครซีอาน จะได้ติดตามพัฒนาการของเขตโลจิสติกส์ฯ เพื่อนำเสนอแก่ท่านผู้อ่านต่อไป
ข้อมูลอ้างอิง
http://lzitlp.lanzhou.gov.cn/col/col7155/index.html
https://www.sohu.com/a/367086497_100205752
http://www.gs.xinhuanet.com/news/2020-11/24/c_1126778295.htm
https://www.163.com/dy/article/FS5HTA1G0530X1P1.html
http://www.gs.chinanews.com/news/2021/01-22/336698.shtml
[1] Silk Roads: the Routes Network of Chang’an-Tianshan Corridor (丝绸之路世界文化遗产) ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO เมื่อ 22 มิ.ย. 2014