Insight “คูเวตเมืองจีน” เมืองยวีหลิน มณฑลส่านซี แหล่งผลิตพลังงานที่สำคัญของจีน
2 Mar 2018ท่านผู้อ่านหลายท่านอาจจะเคยได้ยินชื่อ “เมืองยวีหลิน” เขตปกครองระดับจังหวัดของมณฑลส่านซี ที่ได้รับการขนานนามให้เป็น “คูเวตเมืองจีน” ด้วยการเป็นแหล่งทรัพยากรและแร่ธาตุที่สำคัญของจีน โดยเฉพาะทรัพยากรพลังงานที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของมณฑลส่านซี นอกจากนี้ เมืองยวีหลินยังมีศักยภาพและจุดเด่นเปรียบดังอัญมณี 5 สี ได้แก่
สีเหลือง เปรียบเสมือนพื้นที่ราบสูง ดินเหลือง และพื้นที่ทะเลทราย
สีเขียว เปรียบเสมือนโอเอซิสท่ามกลางทะเลทราย
สีดำ เปรียบเสมือนทรัพยากรถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และเกลือหิน
สีแดง เปรียบเสมือนพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ของกองทัพแดง (Chinese red army of workers and peasants) ในปี ค.ศ.1927
สีฟ้า เปรียบเสมือนคุณภาพอากาศที่ปราศจากมลภาวะ
เมืองยวีหลิน เครื่องจักรตัวสำคัญ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจมณฑล
เมืองยวีหลินมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นลำดับ 2 ของมณฑลส่านซี (เป็นรองเพียงนครซีอานเมืองเอกของมณฑล) ในปี 2560 GDP เมืองยวีหลินมีมูลค่า 331,839 ล้านหยวน (ร้อยละ 15.16 ของ GDP มณฑลส่านซี) และมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ร้อยละ 8 (สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศอยู่ร้อยละ 1.1) แบ่งเป็น
– อุตสาหกรรมปฐมภูมิ มูลค่า 16,768 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ร้อยละ 5
– อุตสาหกรรมทุติยภูมิ มูลค่า 208,608 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ร้อยละ 6
– อุตสาหกรรมตติยภูมิ มูลค่า 106,463 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ร้อยละ 11.8
นอกจากจะเป็นเมืองดาวรุ่งทางเศรษฐกิจของมณฑลแล้ว เมืองยวีหลินยังเป็นเมืองที่กำลังซื้อมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2559 รายได้เฉลี่ยต่อหัว (GDP Per Capita) ของประชากรอยู่ที่ 29,781 หยวน/คน ซึ่งน้อยกว่า GDP Per Capita ของนครซีอานเพียง 251 หยวนเท่านั้น
ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เมืองยวีหลินก้าวพ้นความยากจนมาสู่เมือง “เศรษฐีใหม่” ได้นั้น ส่วนสำคัญมาจากการปฏิรูปการใช้ทรัพยากรในพื้นที่ ปฏิรูป/กำจัดวิสาหกิจที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแต่ไม่ส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจและสังคม ภายหลังการปฏิรูป รัฐบาลมณฑลส่านซีและรัฐบาลเมืองยวีหลินได้ประกาศนโยบายต่อยอดผลิตภัณฑ์ทางพลังงานเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า ทดแทนการขายแร่ธาตุหรือพลังงานดิบที่ไม่ผ่านการแปรรูป (Raw Production) กระตุ้นอุตสาหกรรมการเกษตรสมัยใหม่ในพื้นที่ทางตอนใต้ของเมืองยวีหลิน นโยบายดังกล่าวทำให้เมืองยวีหลินมีการเติบโตทางอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครซีอาน จะพาท่านผู้อ่านไปรู้จัก 4 กลุ่มอุตสาหกรรมหลักของเมืองยวีหลิน ดังนี้
1. ทรัพยากรพลังงาน
รู้จักขุมทรัพย์พลังงานของเมืองยวีหลิน
เมืองยวีหลินเป็นแหล่งทรัพยากรและแร่ธาตถึง 1 ใน 3 ของประเทศจีนหรือร้อยละ 95 ของมณฑลส่านซี อาทิ ถ่านหิน (ร้อยละ 54 ของพื้นที่เมืองยวีหลินมีถ่านหินสะสมอยู่) น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ เกลือหิน และอื่นๆ
ทรัพยากร |
ปริมาณทั้งหมด |
ปริมาณการผลิตในปี 2559 |
1. ถ่านหิน |
– 280,000 ล้านตัน – ปริมาณที่สำรวจพบแล้ว 146,000 ล้านตัน |
271,400 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 68.7 ของปริมาณถ่านหินที่ผลิตได้ทั้งมณฑล |
2. น้ำมันดิบ |
– 1,000 ล้านตัน – ปริมาณที่สำรวจพบแล้ว 300 ล้านตัน |
10.92 ล้านตัน |
3. ก๊าซธรรมชาติ (ปริมาณที่ถูกสำรวจพบมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ) |
– 6-8 ล้านล้าน ลบ.ม. – ปริมาณที่สำรวจพบแล้ว 1.18 ล้านล้าน ลบ.ม.โดยในจำนวนนี้สำรวจพบปริมาณก๊าซธรรมชาติชนิด Dried Gas มากถึง 66 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งได้รับการรับรองว่าเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติที่มีคุณภาพเยี่ยมเนื่องจากมีปริมาณก๊าซมีเทนมากถึงร้อยละ 96 |
15,970 ล้าน ลบ.ม. |
นอกเหนือจากเป้าหมายการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานและแร่ธาตุที่สำคัญแล้ว รัฐบาลเมืองยวีหลินยังได้ออกมาตรการปฏิรูปโรงงานผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กที่ไม่มีระบบการจัดการที่ดีและก่อให้เกิดมลภาวะ ซึ่งมาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบกับเหมืองถ่านหินขนาดเล็กจำนวนมากในภาคตะวันตกของจีน จึงทำให้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมารัฐบาลท้องถิ่นต่างหันมาให้ความสำคัญกับกฎระเบียบ โดยเฉพาะในด้านการผลิตและขายปลีกพลังงานไฟฟ้า และการพัฒนากิจการสายส่งให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้รัฐบาลมณฑลส่านซีและรัฐบาลเมืองยวีหลินมีแผนผลักดันอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนในพื้นที่ ดังนี้
1. พลังงานแสงอาทิตย์ เมืองยวีหลินสามารถรับแสงแดดเฉลี่ย 2,600-2,900 ชั่วโมง/ปี ปริมาณความร้อนที่ได้จากแสงอาทิตย์คิดเป็น 5,000-5,2000 เมกะจูลล์/ตารางเมตร รัฐบาลเมืองยวีหลินจึงให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมโซล่าร์เซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้า โดยเมื่อปี 2558 ได้ก่อตั้ง “สวนอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ อ. จิ้งเปียน (靖边光伏产业园区)” ครอบคลุมพื้นที่ 12,300 หมู่ (ราว 5,040.98 ไร่) มูลค่าการลงทุนกว่า 8,400 ล้านหยวน มีกำลังการผลิตไฟฟ้าราว 1,309 ล้านยูนิต/ปี ซึ่งผลจากการส่งเสิรมอย่างจริงจังของภาครัฐ ทำให้ปัจจุบันการใช้ประโยชน์จากพลังงานแสงอาทิตย์เป็นไปอย่างแพร่หลาย
2. พลังงานลม เมืองยวีหลินได้รับอานิสงส์จากลมเหนือของประเทศจีน เฉลี่ยมากกว่า 6,000 ชั่วโมง/ปี ความสูงของระดับแรงลมเฉลี่ย 10 เมตร ระดับความเร็วลมเฉลี่ย 5 เมตร/วินาที และความแรงลมเฉลี่ย 150 วัตต์/ตารางเมตร ดังนั้น เมืองยวีหลินจึงมีศักยภาพในการนำพลังงานลมมาใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า นอกจากนี้ เมืองยวีหลินยังมีโครงการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานลมแบบ Decentralized wind power (分散式风电项目) เป็นแห่งแรกของประเทศจีนอีกด้วย
3. พลังงานน้ำ เมืองยวีหลินเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำ โดยได้บรรจุแผนขยายสถานีผลิตไฟฟ้าพลังน้ำทั้ง 4 แห่งไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 13 ของเมืองยวีหลิน ได้แก่ (1) สถานีผลิตไฟฟ้าพลังน้ำหงสือเสีย (红石峡水电站) (2) สถานีผลิตไฟฟ้าพลังน้ำตงเฟิง อ. ชิงรุ่น (3) สถานีผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำสุยเต๋อ และ (4) สถานีผลิตไฟฟ้าพลังน้ำเซี่ยงสุ่ย อ. เหิงซาน ทั้งหมดคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2563
2. ทรัพยากรแร่ธาตุ
เกลือหิน อีกหนึ่งทรัพย์ในดิน เมืองยวีหลิน
“ว่ากันว่าการขุดเจาะเกลือเพียง 1 ตารางกิโลเมตร สามารถผลิตเกลือได้ถึง 10 ล้านตัน ซึ่งสามารถเลี้ยงประชากรของประเทศจีนและของโลกได้ราว 28 และ 6 ปี ตามลำดับ”
เมืองยวีหลินเป็นเมืองเดียวของมณฑลส่านซีที่สามารถผลิตเกลือได้ โดยเป็น “เกลือหิน (Rock Salt)” ซึ่งเกิดจากการตกตะกอนของน้ำทะเลในสมัยดึกดำบรรพ์ มีปริมาณราว 6 ล้านล้านตัน หรือร้อยละ 26 ของปริมาณเกลือหินทั้งประเทศ ปัจจุบัน สำรวจพบแล้วราว 885,455 ล้านตัน โดยมากอยู่ทางตอนบนของเมืองยวีหลินที่มีทะเลสาบมากถึง 200 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่กว่า 25,000 ตารางกิโลเมตร (ร้อยละ 57.37 ของพื้นที่เมืองยวีหลิน) โดยหนึ่งในนี้มีทะเลสาบ “หงเจี่ยนเน่า (红碱淖)” ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลส่านซี และเป็นทะเลสาบน้ำจืดกลางทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดของจีน เชื่อมต่อไปทางตอนใต้ของ อ. จิ้งเปียน (靖边县) มีพื้นที่ราว 41.8 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเกลือที่สำคัญของประเทศ
ด้วยศักยภาพและความสมบูรณ์ของแหล่งทรัพยากรเกลือทำให้อุตสาหกรรมการผลิตเกลือของเมืองยวีหลินได้รับการสนับสนุนและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมการลงทุนเมืองยวีหลินระบุว่า ชั้นเกลือที่สำรวจได้มีความหนาเฉลี่ยที่ 120 เมตร และมีบางส่วนหนามากถึง 360 เมตร ดังนั้น นอกจากจะเหมาะแก่การแปรรูปเพื่อบริโภคแล้ว ยังเหมาะแก่การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดต่างๆ อาทิ เกลือสำหรับหมัก/ดองอาหาร เกลืออาบน้ำ เกลืออุตสาหกรรมสำหรับทำสบู่ กระจก และฟอกหนัง เป็นต้น
3. การเกษตร
เมืองยวีหลินมีศักยภาพในการเพาะปลูกและแปรรูปพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ น้ำมันละหุ่ง (Castor Oil) พุทรา ข้าวฟ่าง และพืชสมุนไพรจำพวก Astragalus รวมถึงมันฝรั่งและพุทรา ที่มีสัดส่วนผลผลิตมากถึง 1 ใน 4 ของปริมาณที่ผลิตได้ทั้งมณฑล โดยในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 สนง. เกษตรเมืองยวีหลินได้วางแผนยกระดับคุณภาพสินค้าเกษตรท้องถิ่น โดยเฉพาะระเบียบเกี่ยวกับการใช้ยาปราบศัตรูพืชฉบับใหม่ การปรับปรุงข้อมูลรายชื่อสารเคมีอันตรายที่กระทรวงเกษตรแห่งชาติประกาศห้ามใช้ ซึ่ง สนง. เกษตรเมืองยวีหลินได้เพิ่มรายชื่อกลุ่มสารเคมีอันตรายที่ห้ามใช้ในกลุ่มพืชประเภทถั่วดำและข้าวฟ่างเพิ่มเติมด้วย ส่งผลให้ในปี 2560 ผลผลิตทางการเกษตรแปรรูปหลายชนิดของเมืองยวีหลิน อาทิ ผักดองเหล่าเสียนไช่ (榆林老咸菜) เมล็ดแอปริคอทอบแห้ง (杏瓣儿) ได้รับการบรรจุให้เป็นของดี “หนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งผลิตภัณฑ์ (一村一品)” ของมณฑลส่านซี เพิ่มโอกาสในการกระจายสินค้าทั้งในและต่างประเทศ
4. อุตสาหกรรมการผลิตสิ่งทอ
เมืองยวีหลินได้รับการสนับสนุนด้านอุตสาหกรรมสิ่งทอจากรัฐบาลมณฑลส่านซี เนื่องจากต้องการลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาอุตสาหกรรมพลังงานและแร่ธาตุเพียงอย่างเดียว ในปี 2553 รัฐบาลเมืองยวีหลินวางเป้าหมายให้เขตไฮเทคโซนเมืองยวีหลินเป็นศูนย์กลางเมือง “อุตสาหกรรมทันสมัย (现代都市工业)” โดยกำหนดให้เป็นฐานการผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มจากขนสัตว์เป็นหลัก ปัจจุบัน อุตสาหกรรมสิ่งทอของเมืองยวีหลินพัฒนาไปอย่างรุดหน้า ข้อมูลจาก สนง. พาณิชย์เมืองยวีหลินระบุว่า ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา เกษตรกรท้องถิ่นหันมาให้ความสนใจเลี้ยงแกะและแพะเพื่อนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องนุ่งห่มมากขึ้นถึง 10.48 ล้านตัว ซึ่งสามารถนำมาผลิตเป็นผ้าขนสัตว์ได้มากถึงร้อยละ 90 ของปริมาณที่ผลิตได้ทั้งมณฑล และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 10 ของปริมาณที่ผลิตได้ทั้งประเทศ นอกจากนี้ เมืองยวีหลินยังได้รับการยกย่องจากรัฐบาลจีนให้เป็นเมืองที่ไม่ใช่เมืองปศุสัตว์ แต่สามารถผลิตเครื่องนุ่งห่มจากขนสัตว์ได้มากเป็นอันดับ 1 ของประเทศ (全国非牧区羊绒产量第一大市)
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมการผลิตสิ่งทอ สร้างรายได้ให้แก่ประชาชน ด้วยการเป็นฐานการผลิตครบวงจรตั้งแต่การเลี้ยงสัตว์ ปั่นขน ทอเส้น ไปจนถึงการผลิตเครื่องนุ่งห่ม ในปี 2559 เมืองยวีหลินผลิตเครื่องนุ่งห่มจากขนสัตว์มากถึง 16 ล้านชิ้น มูลค่ากว่า 3,000 ล้านหยวน และสร้างงานให้ประชาชนในพื้นที่มากกว่า 30,000 คน
เป้าหมายการพัฒนาอุตสาหกรรมที่สำคัญในอนาคต
1. การส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมเมืองยวีหลินเข้าสู่ยุค “High-end low-carbon modern industry” ผ่านโครงการการลงทุนขนาดใหญ่
รัฐบาลเมืองยวีหลินมีความต้องการที่จะยกระดับอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้เป็นอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 ของเมือง ได้บรรจุแผนโครงการ Mega Project ขนาดใหญ่ 2 กลุ่ม ได้แก่ (1) โครงการลงทุน Mega Project ขนาดแสนล้านหยวน ได้แก่ โครงการก่อสร้างโรงผลิตถ่านหินสะอาด โรงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เป็นต้น (2) โครงการลงทุน Mega Project ขนาดหมื่นล้านหยวน ได้แก่ โครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โครงการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมสิ่งทอ และโครงการก่อสร้างฐานการแปรรูปผลิตภัณฑ์เกษตร
2. ส่งเสริมการต่อยอดผลิตภัณ์ผ่านนโยบายสนับสนุนวิสาหกิจท้องถิ่น
รัฐบาลเมืองยวีหลินใช้แนวคิดการสร้างสรรค์คุณค่าของสินค้า (Value Creation) เพื่อแปรรูปและเพิ่มคุณค่าของผลิตภัณฑ์ โดยนำทรัพยากรธรรมชาติ นวัตกรรม หรือเทคโนโลยี เข้าไปผสมผสานในผลิตภัณฑ์หรือบริการ ทำให้เกิดความนิยมและการยอมรับจากผู้บริโภค และเน้นกระจายการลงทุนไปสู่อุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงมากกว่าการมุ่งลงทุนในการผลิตสินค้าปฐมภูมิ (Raw Production) เหมือนในอดีต ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมารัฐบาลเมืองยวีหลินรณรงค์ให้วิสาหกิจเพิ่มสาขาการผลิตที่ต่อยอดจากการผลิตเดิม ผ่านการสนับสนุนเงินทุนเพื่อแปรรูป อาทิ การแปรรูป ethylene เป็น PE Membrane และการต่อยอด Xylene เป็นพลาสติกเกรดพรีเมี่ยม เช่น PTA PET PBT และ PTT เป็นต้น รวมไปถึงการเพิ่มบทบาทให้ Yulin Institute of High-tech Energy เป็นหน่วยงานวิจัยหลักในการพัฒนาและคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้ตรงต่อยุคสมัยและความต้องการของตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะการวิจัยและต่อยอดผลิตภัณฑ์ประเภทอะลูมิเนียม แมกนีเซียม วัสดุโลหะผสม และแกลเลียม (เหล็กไหลเปียก) ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลเมืองยวีหลินยังคงต้องการการลงทุนจากต่างประเทศโดยเฉพาะการรับเทคโนโลยีการผลิตและแปรรูปแร่ธาตุหายาก
3. พัฒนาระบบจัดการสินค้าและช่องทางการจัดจำหน่าย
เมืองยวีหลินมีแผนจะก่อตั้ง “ศูนย์บูรณาการข้อมูลและโลจิสติกส์เมืองยวีหลิน” กระจายตามพื้นที่ต่างๆและตั้ง “ศูนย์คลังสินค้าทัณฑ์บน” เพื่ออำนวยความสะดวกในศูนย์โลจิสติกส์ จำนวน 4 แห่ง ดังนี้
– “ศูนย์บูรณาการข้อมูลและโลจิสติกส์เมืองยวีหลิน” เป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าด้านพลังงาน ที่ อ. เสินฟู่ และ อ. จิ้งเปียน
– “ศูนย์บูรณาการข้อมูลและโลจิสติกส์ทางอากาศเมืองยวีหลิน” เป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าทางอากาศ ณ พื้นที่เชื่อมต่อเขตยวีหยางและเขตเหิงซาน
– “ศูนย์บูรณาการข้อมูลและโลจิสติกส์เมืองยวีหลิน” ใน 6 อำเภอหลักของเมือง เพื่อเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าของดีเมืองยวีหลิน และสินค้าเกษตรแปรรูปที่รัฐบาลเมืองยวีหลินผลักดันให้เกษตรกรหันมาใช้ประโยชน์จากการค้าออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ www.yicunyipin.org หรือ www.zgncpw.com/yicunyipin และ
– ศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลสินค้าถ่านหินและการก่อตั้งศูนย์ E-Commerce (榆林市煤炭交易中心和榆林市电子商务中心) ที่เมืองยวีหลิน
นอกจากนี้ รัฐบาลเมืองยวีหลินยังได้วางแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญระหว่าง ปี 2559-2563 เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ได้แก่ (1) การขยายพื้นที่และความยาวของรันเวย์สนามบิน Yuyang ระยะที่ 2 เพื่อรองรับเที่ยวบินในประเทศ รวมถึงเที่ยวบินระหว่างประเทศในอนาคต (2) การกำหนดพื้นที่ยุทธศาสตร์ 3 จุด “One Axis, One Belt and Three Centers” ดังนี้ One Axis คือ แผนพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเพื่อรองรับอุตสาหกรรมพลังงานและการผลิตผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง One Belt คือ การพัฒนาฐานสาธิตเกษตรสีเขียวและพัฒนาพื้นที่นิเวศวิทยาบนพื้นที่ลุ่มแม่น้ำอู๋ติ้ง และ Three Centers ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของการพัฒนาเศรษฐกิจเมืองยวีหลินด้วยการกระจายความเจริญสู่เมืองใหญ่ขนาดรองลงมา ซึ่งมีการแบ่งเป้าหมายการพัฒนาไว้อย่างชัดเจนใน 3 ด้าน ได้แก่ (1) อ. ฟู่กู่ อ. เสินมู่ เขตยวี่หยาง และ อ. เหิงซาน เป็นพื้นที่รองรับการลงทุนด้านถ่านหินและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง (2) อ. ติ้งเปียน และ อ. จิ้งเปียน เป็นพื้นที่รองรับการลงทุนด้านปิโตรเคมีและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง และ (3) ให้พื้นที่ทางตอนใต้ของเมืองยวีหลินทั้ง 6 อำเภอ เป็นพื้นที่หลักสำหรับการพัฒนาและลงทุนในอุตสาหกรรมเชิงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว
บทสรุป
เมืองยวีหลินถือเป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งของมณฑลส่านซี รัฐบาลท้องถิ่นมีความพยายามในการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพของเมือง ไม่เพียงแต่ในอุตสาหกรรมหลัก แต่รวมถึงการพัฒนาต่อยอดอุตสาหกรรมขนาดรองลงมาอีกด้วย โดยเฉพาะในสาขาที่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีในการผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการในอุตสาหกรรมจำนวนมาก นอกจากนี้ เมืองยวีหลินยังต่อยอดการพัฒนาอุตสาหกรรมภาคบริการ โดยนำแนวคิดเมืองท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์มาพัฒนาหมู่บ้านเกิดของกวี นักรบ และสถานที่ที่ผู้มีบทบาททางการเมืองเคยใช้ชีวิตอยู่ ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ให้แก่เมือง ซึ่งประเทศไทยอาจพิจารณามีความร่วมมือกับเมืองยวีหลินเพื่อศึกษาประสบการณ์และความสำเร็จของการดำเนินนโยบายต่างๆ ทั้งในด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน และอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยี/นวัตกรรม เพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้า ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายประเทศไทย 4.0 รวมถึงอาจแสวงหาโอกาสในการประชาสัมพันธ์อุตสาหกรรมบริการและการท่องเที่ยวที่ไทยมีศักยภาพที่แข็งแกร่ง มีทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งประชาชนของเมืองยวีหลินมีศักยภาพทางเศรษฐกิจ และมีกำลังทรัพย์ในการจับจ่ายใช้สอย ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครซีอานจะได้ติดตามพัฒนาการและโอกาสทางธุรกิจของเมืองยวีหลิน และรายงานให้ท่านผู้อ่านทราบในโอกาสต่อไป
ข้อมูลอ้างอิง
1. http://szb.ylrb.com/html/2017-10/01/content_69255.htm
2. http://sx.sina.com.cn/yulin/economy/2016-08-29/100333103.html
3. http://sx.sina.com.cn/yulin/focus/2015-09-02/112927914.html
4. http://www.yldrc.gov.cn/info/1083/2635.htm