TIBET
เขตปกครองตนเองทิเบตข้อมูลพื้นฐาน
เมืองสำคัญ/เขตพัฒนาเศรษฐกิจ
การคมนาคมและโลจิสติกส์
เศรษฐกิจ
1. ข้อมูลทั่วไป
ที่ตั้งและพื้นที่
เขตปกครองตนเองทิเบตตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน โดยมีที่ตั้งอยู่ระหว่างเส้นลองติจูด 78 25’ ถึง 99 06’ องศาตะวันออก และละติจูด 26 44’ ถึง 36 32’ องศาเหนือ เขตปกครองตนเองทิเบตมีพื้นที่ติดต่อดังนี้ ทิศเหนือ ติดต่อกับเขตปกครองตนเองชินเจียงอุยกูร์และมณฑลชิงไห่ (ประเทศจีน)
- ทิศใต้ ติดต่อกับ ประเทศเนปาล ประเทศภูฏาน มณฑลยูนนาน (ประเทศจีน) รัฐกะฉิ่น (ประเทศพม่า)
รัฐอัสสัม และรัฐนาคาแลนด์ (ประเทศอินเดีย) - ทิศตะวันออก ติดต่อกับ มณฑลเสฉวน (ประเทศจีน)
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ รัฐชัมมูและแคชเมียร์ (ประเทศอินเดีย) และประเทศปากีสถาน
เขตการปกครองตนเองทิเบตตั้งอยู่บนที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบต ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวได้รับการขนานนามว่าเป็น “หลังคาโลก” โดยมีความสูงของพื้นที่โดยเฉลี่ย 4,572 เมตร พื้นที่ของทิเบตนั้นสามารถแบ่งได้เป็นสามส่วน
- ส่วนที่หนึ่ง คือ พื้นที่ทางตอนเหนือ ซึ่งประกอบไปด้วยภูเขาอาร์เอ๋อไท่ ภูเขาถางกู่ลา ที่ราบแอ่งกะทะจุ่นก๋าเอ๋อ
และทะเลทรายกู่เอ๋อปานทงกู่เท่อ และภูเขาเฟิงตี่ซี โดยพื้นที่ทางตอนเหนือดังกล่าวนั้นคิดเป็นพื้นที่ถึงสองในสามของพื้นที่ทั้งหมด - ส่วนที่สอง คือ พื้นที่แถบหุบเขาทางตอนใต้ ประกอบไปด้วยพื้นที่ระหว่างหุบเขาเฟิงตี่ซีและภูเขาหิมาลัย และมีแม่น้ำหยาหลู่จ้างปู้ไหลระหว่างกลาง ซึ่งแม่น้ำดังกล่าวเป็นแม่น้ำที่มีความลึกที่สุดในโลก ทั้งนี้มีความลึกถึง 5,382 เมตรโดย พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 6,000 เมตรขึ้นไป
- พื้นที่ส่วนที่สาม ประกอบไปด้วยภูเขาและหุบเขาทางตะวันออก โดยมีลักษณะเป็นหุบเขาและภูเขาที่ลดหลั่นสลับกันไปในแนวนอนจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตกตามแนวเทือกเขาคุนหลุน และมีพื้นที่ทางฝั่งตะวันตกนั้นก็เป็น ที่ตั้งของเทือกเขาหิมาลัย และมียอดเขาเอเวอร์เรสซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก โดยมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 8,848.13 เมตร
เขตการปกครองตนเองทิเบตมีพื้นที่ทั้งหมด 1,200,000 ตร.กม. คิดเป็นพื้นที่ 1 ใน 8 ของพื้นที่ทั้งประเทศ รวมทั้งมีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับสองซึ่งรองจากเขตการปกครองตนเองอุยกูร์ซินเจียง มีความยาวตามแนวชายแดน 4,000 กิโลเมตร ประกอบด้วย
ทิเบตนั้นแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 7 จังหวัด โดยมีเมืองลาซ่าเป็นเมืองหลวง และเขตจังหวัดอื่น ๆ อีก ได้แก่
- น่าชูตี้ชู (Nagchu Prefecture)
- ชางตูตี้ชู (Chamdo Prefecture)
- หลินจือตี้ชู (Nyingtri Prefecture)
- ชานหนานตี้ชู (Shannan Prefecture)
- ลื่อคาเสอตี้ชู (Shigatse Prefecture)
- อาหลี่ตี้ชู (Ngari Prefecture)
เมื่อกล่าวถึงเรื่องของสภาพแวดล้อมแล้วนั้น ทิเบตนับป็นเขตพื้นที่ที่มีปัญหาสิ่งแวดล้อมอยู่น้อยมากเมื่อเทียบกับเขตพื้นที่มณฑลอื่นๆของจีน และไม่เคยเกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมขึ้นในพื้นที่ ไม่มีปัญหาฝนกรดเหมือนหลายๆมณฑลของจีน ซึ่งทางรัฐบาลประจำเขตการปกครองตนเองทิเบตได้ใช้นโยบายการเปรียบเทียบผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมกับทุกโครงการการก่อสร้างและการผลิตภาคอุตสาหกรรม และให้ความสำคัญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่จะส่งผลกระทบต่อประชากรอย่างมาก
ทรัพยากรธรรมชาติ
มีการค้นพบทรัพยากรแร่ธาตุกว่า 70 ชนิดในเขตปกครองตนเองทิเบต และมีการทำการสำรวจแล้วกว่า 26 ชนิด
ทั้งนี้มีทรัพยากรแร่ธาตุจำนวน 12 ชนิดที่มีปริมาณมากจัดอยู่ในอันดับต้นๆของประเทศ
โดยมีธาตุโลหะโครเมียม คิดเป็นร้อยละ 40 ของปริมาณทั้งประเทศ และทิเบตยังเป็นแหล่งธาตุลิเธียมที่สำคัญซึ่งมีปริมาณสำรองเป็นอันดับสองของประเทศจีน
- หินแร่ผลึกโบลัม ซึ่งในเขตพื้นที่นี้มีปริมาณแร่มากเป็นอันดับสามของประเทศ
- แร่ Arsenic มีปริมาณมากเป็นอันดับสี่ของประเทศ
- แร่ยิปซั่มมีปริมาณมากเป็นอันดับสองของประเทศ
- ดินสำหรับทำเครื่องเคลือบและเซรามิค (Porcelain Clay) มีมาก เป็นอันดับห้าของประเทศ
- มีการสำรวจพบแร่ทองแดงจำนวน 87 ล้านตันทางภาคตะวันออกของทิเบต โดยรัฐบาลได้จัดสรรกองทุนเพื่อการพัฒนาแหล่งแร่ดังกล่าวแล้ว โดยได้ให้ชื่อว่าเหมืองแร่ยู่หลง (Yulong Copper Mine) และคาดการณ์ว่าจะสามารถสำรองแร่ทองแดงไว้ได้ 6,500,000 ตัน
นอกจากนี้บริเวณที่ราบแอ่งกระทะไฉต๋ามู่ (Qaidam Basin) ยังเป็นแหล่งผลิตน้ำมันที่สำคัญ ซึ่งที่มีการผลิตน้ำมันดิบได้ถึง 20 ล้านตันต่อปี และยังมีทรัพยากรเกลือ ธาตุโพแทสเซี่ยมคาร์บอเนต (Potash) ธาตุตะกั่ว สังกะสี ทองคำ และเยื่อหินทนไฟ ในบริเวณที่ราบดังกล่าวอีกด้วย
เขตปกครองตนเองทิเบตยังมีแหล่งผลิตพลังงานจากธรรมชาติที่สำคัญอีกอย่าง ได้แก่
- พลังงานน้ำ โดยพลังงานน้ำในเขตพื้นที่ทิเบตสามารถนำมาผลิตกระแสไฟไฟฟ้าได้จำนวน 200 ล้านวัตต์ต่อปี
คิดเป็นร้อยละ 30 ของการผลิตพลังงานไฟฟ้าทั่วประเทศ - พลังงานลม โดยมีพลังงานลมโดยประมาณ 93,000 ล้านกิโลวัตต์ โดยปัจจุบันทิเบตมีการใช้พลังงานลมเป็นอันดับเจ็ดของประเทศ
- พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเขตปกครองตนเองในทิเบตมีการใช้พลังงานแสงอาทิตย์มากที่สุดในประเทศจีน
เนื่องจากได้รับปริมาณแสงอาทิตย์ 3,100-4,000 ชั่วโมงต่อปี เฉลี่ย 9 ชั่วโมงต่อวัน
เขตการปกครองตนเองทิเบต มีจำนวนสัตว์ป่า คิดเป็นร้อยละ 22.7 ของทั้งหมดในประเทศจีน โดยในอัตราส่วนนี้แบ่งออกเป็น จำนวนสัตว์ป่าเฉพาะท้องถิ่นในทิเบต คิดเป็นร้อยละ 40 ทั้งนี้สัตว์ป่าทั่วไป ได้แก่ ละมั่ง วัวป่าขนยาว (Yak) เสือขนยาว (Snow leopard) กวาง เป็นต้น
นอกจากนี้ เขตปกครองตนเองทิเบตก็ยังมีทรัพยากรป่าและพันธุ์ไม้นานาชนิดกว่า 4,000 ชนิด และพืชสมุนไพรกว่า 500 ชนิด ที่สามารถใช้ในการทำยาสมุนไพรจีนได้ รวมถึงยังมีพืชสมุนไพรทิเบตอีก 1,100 ชนิด
สภาพภูมิอากาศ
เขตปกครองตนเองทิเบตมีภูมิอากาศที่หลากหลายและได้รับการขนานนามว่า “เมืองที่ไม่มีฤดูกาล แต่ฤดูกาลทั้งสี่จะเกิดขึ้นได้ในวันเดียว” พื้นที่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของทิเบต มีลักษณะภูมิอากาศที่ร้อนและแห้งแล้ง ส่วนพื้นที่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ค่อนข้างชุ่มชื้น นั่นคือ ทิเบตเป็นเขตที่มีความแตกต่างของอากาศร้อนแห้งและชุ่มชื้นภายในพื้นที่ที่ชัดเจน และความแตกต่างของอุณหภูมิในเวลากลางวันและกลางคืนสูง โดยในช่วงฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิอากาศแห้งแล้ง และที่มีลมแรง ความกดอากาศต่ำ ปริมาณออกซิเจนในอากาศน้อย ปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ทางตอนใต้โดยเฉลี่ย 2,500 มิลลิเมตร ปริมาณน้ำฝนทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 5,000 มิลลิเมตร ส่วนพื้นที่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะมีปริมาณน้ำฝนน้อยลงตามลำดับ ซึ่งในบางพื้นที่นั้นมีปริมาณน้ำฝนเพียง 50 มิลลิเมตรต่อปีเลยทีเดียว
เนื่องจากเขตปกครองตนเองทิเบตเป็นเขตที่มีพื้นที่สูง ความกดอากาศต่ำ จึงมีปริมาณออกซิเจนในอากาศน้อย และมีปริมาณแสงแดดมากกว่าพื้นที่ที่อยู่ในเส้นละติจูดเดียวกันถึงหนึ่งเท่าตัวเลยก็ว่าได้ ซึ่งเขตพื้นที่นี้เป็นเขตที่มีจำนวนชั่วโมงในการรับแสงอาทิตย์มากที่สุดเมื่อเทียบกับพื้นที่ในมณฑลอื่นๆของประเทศ โดยมีช่วงเวลาในการรับแสงอาทิตย์โดยเฉลี่ยถึง 3, 021 ชั่วโมงต่อปี ในขณะที่เมืองเซี่ยงไฮ้มีจำนวนชั่วโมงในการรับแสงอาทิตย์โดยเฉลี่ยเพียง 1,932.5 ชั่วโมงต่อปี
อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีอยู่ที่ 8 องศาเซลเซียส โดยที่ราบทางตอนเหนือมีอุณหภูมิเฉลี่ย -2 องศาเซลเซียส พื้นที่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้มีอุณหภูมิโดยเฉลี่ย 10 องศาเซลเซียส เดือนมีนาคมถึงเดือนตุลาคมเป็นเดือนที่มีอากาศดีที่สุดของปี เดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายนนั้นเป็นช่วงที่มีฝนตกชุก
ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
เริ่มปรากฎหลักฐานมนุษย์ดึกดำบรรพ์ ในช่วง 11,000 -12,000 ปีก่อนคริสตศักราช บริเวณทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ และภาคใต้จากหุบเขาหย่าหลู่จ้างปู้ (Yarlung Zangbo) ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าระหว่างประเทศอินเดีย จีน และเอเชียตะวันออก
หลักฐานการมีอยู่ของประเทศทิเบตเดิมปรากฎเด่นชัดว่าเริ่มมีร่องรอยของอาณาจักรเกิดขึ้นในช่วงสมัยศตวรรษที่ 7 โดยเป็นอาณาจักรอิสระมีเมืองลาซ่าเป็นเมืองหลวง และมีลัทธิโบน (Bonism) เป็นลัทธิที่เก่าแก่ของทิเบต ซึ่งลัทธิดังกล่าวนั้นมีการบูชาสวรรค์ เทวดา และต้นไม้
ทิเบตเริ่มมีความสัมพันธ์กับประเทศจีน ในช่วงสมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618-906) เมื่อกษัตริย์สองตะสันกัมโปแห่งทิเบต ตีได้เมืองเสฉวน
กษัตริย์ถังไทจงในสมัยราชวงศ์ถังจึงสร้างสัมพันธไมตรีด้วยการยกเจ้าหญิงบุนเซ้งกงจู๊เป็นมเหสี ในขณะเดียวกันทิเบตก็เริ่มคุกคามเนปาล กษัตริย์เนปาลจึงสร้างสัมพันธไมตรีด้วยการยกเจ้าหญิงกฤกุฎเทวีเป็นมเหสี ซึ่งองค์หญิงทั้งสองต่างเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา และได้อัญเชิญพระพุทธรูปและพระคัมภีร์เข้าไปในทิเบต ซึ่งทำให้พระเจ้าสองตะสันกัมโปได้ศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาพร้อมทั้งสร้างวัดทางพระพุทธศาสนาขึ้นเป็นครั้งแรกในทิเบต ชื่อวัด “โจกัง” (Jokhang) ณ เมืองลาซา และเป็นช่วงที่ทิเบตเริ่มต้นรับศาสนาพุทธนิกายมหายานเข้ามาสู่ประเทศ
ศตวรรษที่ 8 พระปัทมสัมภวะ (Padmasambhava) ได้รับการอาราธนาเข้าไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศทิเบต และเป็นต้นกำเหนิดนิกายนยิงมะปะ หลังจากนั้นก็เริ่มมีพระภิกษุอินเดียหลายท่านเดินทางมาเผยแผ่ศาสนาพุทธที่ทิเบต
ศตวรรษที่ 12 พระภิกษุอินเดียลี้ภัยไปทิเบตเนื่องจากการรุกรานของมุสลิมในอินเดีย
ศตวรรษที่ 13 ทิเบตตกอยู่ภายใต้การปกครองของมองโกลจนถึงศตวรรษที่ 18 โดยปี ค.ศ.1270 กุบไลข่านปกครองทิเบต และทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาสายลามะนิกาย
ศตวรรษที่ 14 อาณาจักรมองโกลล่มสลายลง หลังจากนั้นทิเบตก็ได้เปลี่ยนการปกครองจากระบบกษัตริย์มาเป็นระบบประมุขทางศาสนาหรือองค์ดาไลลามะ ซึ่งเป็นประมุขสูงสุดของชาวทิเบต เป็นประมุขปกครองศาสนจักรและราชอาณาจักร
ปี ค.ศ.1720 ในยุคสมัยของราชวงศ์ชิง ถือว่าเป็นช่วงเวลาแห่งสันติสุขระหว่างราชวงศ์ชิงกับทิเบต โดยกษัตริย์ราชวงศ์ชิงได้มีการอัญเชิญองค์ดาไลลามะเสด็จไปสนทนาธรรมหลายครั้ง
ปี ค.ศ.1949 เป็นช่วงที่กองทัพจากจีนได้รุกรานเข้าทิเบตหลายครั้งและองค์ดาไลลามะได้ลี้ภัยไปยังประเทศอินเดีย
เดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ.1951 ประเทศจีนประกาศให้ทิเบตเป็นเขตการปกครองตนเองภายใต้การปกครองรูปแบบเดิมคือมีองค์ดาไลลามะเป็นผู้นำ ภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์
ปี ค.ศ.1965 เขตการปกครองตนเองทิเบตได้ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ และเนื่องด้วยการปฎิวัติวัฒนธรรม โดยมีการประกาศห้ามนับถือศาสนาของพรรคคอมมิวนิสต์ ส่งผลให้วัดต่างๆของทิเบตได้ถูกทำลายลงกว่า 4,000 แห่ง
ปี ค.ศ.1976-1980 การประกาศห้ามนับถือศาสนาได้ถูกยกเลิกไป วัดทางศาสนาพุทธได้กลับมาทำการบูรณะอีกครั้ง ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวมีการประท้วงจากชาวทิเบตเนื่องจากการเลือกปฎิบัติในการปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
ปี ค.ศ.1990 เขตปกครองตนเองพิเศษทิเบตถูกปกครองอย่างเข้มงวดจากพรรคคอมมิวนิสต์ และประกาศกฎอัยการศึกในปี ค.ศ.1989
ในปีที่ผ่านมาไม่นานมีการร้องเรียนจากนานาประเทศถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนในทิเบต และกดดันให้รัฐบาลจีนปกครองทิเบตอย่างเป็นกลาง
เดือนมกราคม ปี ค.ศ.2000 ทิเบตถูกปกครองด้วยความตึงเครียดอีกครั้ง และองค์การ์มาปะซึ่งเป็นผู้นำทางศาสนาที่ดำรงตำแหน่งสูงเป็นอันดับสามของทิเบต รองจากองค์ดาไลลามะ และปันเชนลามะ ได้อพยพลี้ภัยไปยังประเทศอินเดีย
ข้อมูลประชากร
เขตปกครองตนเองทิเบตเป็นมณฑล/เขตปกครองตนเองที่มีจำนวนประชากรน้อยที่สุดในประเทศจีน ประชากรส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่ทางใต้และตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ตอนกลางของแม่น้ำหยาหลู่จ้างปู้ แม่น้ำลาซา และแม่น้ำเหนียนฉู่ ในเขตปกครองตนเองทิเบต
ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวชนชาติทิเบตรองลงมาคือ ชนชาติฮั่น ชนชาติหุย ชนชาติเหมินปา ชนชาติลั่วปา ชนชาตินู่ และชนชาติน่าซี เป็นต้น
ประชากรชนชาติทิเบตของจีน อาศัยอยู่ในเขตปกครองตนเองทิเบตมากที่สุด โดยมีบางส่วนอาศัยอยู่ในมณฑลชิงไห่ มณฑลกานซู่ มณฑลเสฉวน และมณฑลยูนนาน เป็นต้น
สิ้นปี 2557 เขตปกครองตนเองทิเบตมีประชากรทั้งหมดจำนวน 3.16 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2556 จำนวน 5,510 คน มีอัตราการเกิดของประชากรร้อยละ 1.58 มีอัตราการตายของประชากรร้อยละ 0.52 และอัตราการขยายตัวของประชากรร้อยละ 1.06
2. ข้อมูลด้านการปกครอง
รูปแบบการปกครองของเขตการปกครองตนเองทิเบต
![]() นายเฉิน ฉวนกั๋ว (Chen Quanguo)เลขาธิการพรรคฯ |
![]() นายลั่วซังเจียงชุน (Luo sang jiang cun)ประธานเขตฯ |
---|---|
![]() นายไป๋หม่าชื่อหลิน (Baimachilin)ปธ.สภาผู้แทน ปชช. |
![]() นายพ้าปาลา เก๋อเล่หล่างเจี๊ย (Pabala Gelielangjie)ปธ.สภาที่ปรึกษาการเมือง |
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาครัฐเขตปกครองตนเองทิเบตได้ที่ http://www.xizang.gov.cn