MUNICIPALITY OF CHONGQING
มหานครฉงชิ่งข้อมูลพื้นฐาน
เมืองสำคัญ/เขตพัฒนาเศรษฐกิจ
การคมนาคมและโลจิสติกส์
เศรษฐกิจ
ข้อมูลทั่วไป
ที่ตั้งและพื้นที่
ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ระหว่างลองจิจูดที่ 105º17′ – 110º11′ ตะวันออกและละติจูดที่ 28º10′ – 32º13′ เหนือ มีพื้นที่ทั้งสิ้น 82,402 ตารางกิโลเมตร ลักษณะเป็นพื้นที่สูง ภูมิประเทศศเป็นเนินเขาและภูเขาเป็นหลัก ยังมีบริเวณแอ่งกระทะ นอกจากนี้ บริเวณระหว่างภูเขามีที่ราบเหลียงผิง ที่ราบซิ่วซัน และแม่น้ำสายสำคัญ ได้แก่ แม่น้ำเจียหลิง แม่น้ำวูเจียง แม่น้ำฉี และมีแม่น้ำแยงซีเกียงไหลผ่านจากทางตะวันตกไปทางตะวันออกของนครฉงชิ่ง ไหลลงสู่ทะเลจีนตะวันออก นครฉงชิ่งมีพื้นที่ติดกับมณฑลหูเป่ย มณฑลหูหนานทางด้านทิศตะวันออก มณฑลกุ้ยโจวทางด้านทิศใต้ มณฑลเสฉวนทางทิศตะวันตก และมณฑลส่านซีทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับที่ตั้งของมหานครฉงชิ่ง จัดเป็นบริเวณสำคัญสำหรับรัฐบาลจีนในการดำเนินแผนการ “Great West Development” ในการที่จะเร่งพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคตอนกลางและภูมิภาคตะวันตกของประเทศ
ประชากร
มีจำนวนประชากรประมาณ 31.4423 ล้านคน ประชากรมีรายได้เฉลี่ยต่อหัว 22,968 หยวนต่อปี (2555) ประชากรประกอบด้วยชนกลุ่มน้อยจำนวน 49 ชนชาติ คิดเป็นจำนวน 1.75 ล้านคน หรือ 5.6% ของประชากรในนครฉงชิ่ง ซึ่งประกอบด้วยชาว ถูเจีย แม้ว ฮุย หยี ทิเบต เย้า หม่าน จ้วง เชียง มองโกล ลีซอ แมนจู น่าซี ไป๋ ไต ปูยี ตง อุยกูร์ เกาหลี ฮานิ อี้เหลา และว้า
ภูมิอากาศ
ลักษณะอากาศเป็นแบบเขตกึ่งร้อนชื้น (Sub-tropical) อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 18 องศาเซลเซียส และในฤดูหนาวอุณหภูมิประมาณ 6-8 องศาเซลเซียส ในฤดูร้อนอุณหภูมิประมาณ 27-29 องศาเซลเซียส มีปริมาณแสงแดดประมาณ 1,000-1,200 ชั่วโมงต่อปี และปริมาณน้ำฝนประมาณ 1,000-1,400 มม.ต่อปี โดยที่ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ลาดชันระหว่างหุบเขาทำให้ลักษณะอากาศเป็นอากาศแบบปิด กล่าวคือ เมื่อมีการปล่อยควันออกจากโรงงานหรือจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ควันต่างๆ จะวนเวียนอยู่ในช่วงหุบเขา ระบายตัวออกได้ช้า จึงทำให้ลักษณะอากาศเหมือนมีหมอก
แหล่งพลังงาน
แหล่งพลังงานหลักที่ใช้ในนครฉงชิ่งคือพลังงานจากก๊าซธรรมชาติ โดยมีการวางระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติและแผงวงจรควบคุมการทำงานของเมืองที่ทันสมัย สามารถตรวจสอบการใช้งานและแจ้งเตือนเมื่อระบบการส่งก๊าซเกิดปัญหาขัดข้อง นครฉงชิ่งมีปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติ 3.2 แสนล้านคิวบิกเมตร โดยเป็นก๊าซธรรมชาติคุณภาพสูงเนื่องจากมีส่วนประกอบของซัลเฟอร์ต่ำ ถือเป็นวัตถุดิบที่เหมาะสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี นอกจากนี้ ยังมีเขื่อนสามโตรก (Three Gorges Dam) ซึ่งมีศักยภาพในการผลิตกำลังไฟฟ้าเท่ากับกำลังการผลิตของโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ 18 แห่งรวมกัน
ทรัพยากรธรรมชาติ
มีพืชพันธุ์ธรรมชาติและสัตว์หายากอนุรักษ์อยู่จำนวนมาก พืชเศรษฐกิจที่สำคัญ คือ ข้าว ข้าวโพด ข้าวสาลี มันเทศ ยาสูบ ชา ถั่วลิสง ธัญพืช และพืชน้ำมัน นอกจากนี้ ยังมีพืชสมุนไพรอีกกว่า 2,000 ชนิด มีแร่ธาตุประมาณ 75 ชนิด แร่ Strontium พบมากที่สุดในจีน และมีแร่แมงกานีสมากเป็นอันดับ 2 ในจีน แร่ vanadium มากเป็นอันดับ 3 ในจีน
ประวัติศาสตร์ / วัฒนธรรม
นครฉงชิ่งมีบทบาทสำคัญในฐานะเมืองศูนย์กลางการค้าและการติดต่อกับฝั่งตะวันออกของจีนโดยเดินทางผ่านทางแม่น้ำแยงซีเกียง ในปี ค.ศ.1918 รัฐบาลจีนได้อนุญาตให้ฉงชิ่งเป็นหนึ่งในเมืองไม่กี่แห่งที่ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาติดต่อค้าขายได้ โดยถือเป็นเมืองท่า ของพื้นที่ตอนในของจีน เมื่อปี ค.ศ.1997 นครฉงชิ่งได้รับการยกระดับขึ้นเป็นมหานครขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลาง โดยเป็นมหานครที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ทั้งนี้ เพื่อให้นครฉงชิ่งเป็นเมืองหลักในการกระจายความเจริญสู่พื้นที่อื่นๆ ในภาคตะวันตกของจีน
สัญลักษณ์ประจำเมือง
ดอกไม้และต้นไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของนครฉงชิ่งได้แก่ ดอกแต้ฮั้งฮวย และ ต้นไทร
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Camellia japonica
ชื่อไทย : แต้ฮั้งฮวย ชาญี่ปุ่น ชากุหลาบแดง แต้ฮวย
ชื่อจีน : 山茶花
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ficus virens
ชื่อไทย : ไทร
ชื่อจีน : 黄葛树, 黄桷树
การเมืองการปกครอง
นครฉงชิ่งแบ่งส่วนการปกครองออกเป็น 40 เขตการปกครองย่อย ประกอบด้วย
15 เขต (District)
- เขตปาหนาน (Banan / 巴南区)
- เขตเป่ยเป้ย (Beibei / 北碚区)
- เขตฉางโซ่ว (Changshou / 长寿区)
- เขตต้าตู้โขว่ (Dadukou / 大渡口区)
- เขตฝูหลิง (Fuling / 涪陵区)
- เขตเจียงเป่ย (Jiangbei / 江北区)
- เขตจิ่วหลงโพว (Jiulongpo / 九龙坡区)
- เขตหนานอาน (Nan’an / 南岸区)
- เขตเฉียนเจียง (Qianjiang / 黔江区)
- เขตซาผิงปา (Shapingba / 沙坪坝区)
- เขตซวงเฉียว (Shuangqiao / 双桥区)
- เขตว่านเซิ่ง (Wansheng / 万盛区)
- เขตว่านโจว (Wanzhou / 万州区)
- เขตหยูเป่ย (Yubei / 渝北区)
- เขตหยูจง (Yuzhong / 渝中区)
4 เมืองเทียบเท่าอำเภอ (County-level city)
- เขตเหอชวน (Hechuan/ 合川市)
- เขตเจียงจิน (Jiangjin/ 江津市)
- เขตหย่งชวน (Yongchuan/ 永川市)
- เขตหนานชวน (Nanchuan/ 南川市)
17 อำเภอ (County)
- อำเภอปี้ซาน (Bishan / 璧山县)
- อำเภอเฉิงโขว่ (Chengkou / 城口县)
- อำเภอต้าจู๋ (Dazu / 大足县)
- อำเภอเตี้ยนเจียง (Dianjiang / 垫江县)
- อำเภอเฟิงตู (Fengdu / 丰都县)
- อำเภอเฟิ่งเจี่ย (Fengjie / 奉节县)
- อำเภอไคเสี้ยน (Kai / 开县)
- อำเภอเหลียงผิง (Liangping / 梁平县)
- อำเภอฉีเจียง (Qijiang / 綦江县)
- อำเภอหรงชาง (Rongchang / 荣昌县)
- อำเภอถงเหลียง (Tongliang / 铜梁县)
- อำเภอถงหนาน (Tongnan / 潼南县)
- อำเภออูหลง (Wulong County/ 武隆县)
- อำเภออูซาน (Wushan / 巫山县)
- อำเภออูซี (Wuxi / 巫溪县)
- อำเภอหยุนหยาง (Yunyang / 云阳县)
- อำเภอจงเสี้ยน (Zhong Xian/忠县)
4 เขตปกครองตนเอง (Autonomous county)
- เขตปกครองตนเองชนชาติเหมียวและถู่เจีย เผิงสุ่ย
(Pengshui Miao and Tujia Autonomous County / 彭水苗族土家族自治县) - เขตปกครองตนเองชนชาติถู่เจียฉือจู้
(Shizhu Tujia Autonomous County / 石柱土家族自治县) - เขตปกครองตนเองชนชาติถู่เจียซิ่วซาน
(Xiushan Tujia Autonomous County / 秀山土家族自治县) - เขตปกครองตนเองชนชาติถู่เจียและเหมียวโหยว่หยาง
(Youyang Tujia and Miao Autonomous County / 酉阳土家族苗族自治县)
![]() นายซุน เจิ้งไฉ (Mr. Sun Zhengcai)เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำมหานครฉงชิ่ง (Secretary of the CPC Chongqing Municipal Committee) รับตำแหน่งเมื่อ พ.ศ. 2555 |
![]() นายหวง ฉีฟาน (Mr. Huang Qifan)นายกเทศมนตรีมหานครฉงชิ่ง (มีตำแหน่งเทียบเท่าผู้ว่าการมณฑล) (Mayor of Chongqing Municipality) รับตำแหน่งเมื่อ มกราคม พ.ศ. 2553 |
---|---|
![]() นางจาง เสวียน (Mrs. Zhang Xuan)ประธานสภาผู้แทนประชาชน (Chairmen of Chongqing People’s Congress) รับตำแหน่งเมื่อ มกราคม พ.ศ. 2556 |
![]() นายสวี๋ จิ้งเย่ (Mr. Xu JingYe)ประธานสภาที่ปรึกษาการเมือง (Chairmen of CPPCC Chongqing Committee) รับตำแหน่งเมื่อ มกราคม พ.ศ. 2556
|
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาครัฐบาลนครฉงชิ่งได้ที่ www.cq.gov.cn
เมืองสำคัญ/เขตพัฒนาเศรฐกิจ
ลักษณะเด่นของนครฉงชิ่ง
ฉงชิ่งยกระดับขึ้นเป็นมหานคร เมื่อเดือนมีนาคม 1997 เพื่อให้เป็นศูนย์กลางของการพัฒนาจีนตะวันตก เป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมหนัก เช่น รถยนต์และมอเตอร์ไซค์ เป็นเมืองท่าที่สำคัญของพื้นที่ตอนใน (Inland port) ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทำให้มีความสำคัญต่อระบบ logistics ขนส่งสินค้าและวัตถุดิบระหว่างพื้นที่ภาคตะวันออกกับพื้นที่ตอนในในภาคตะวันตกของจีน โดยผ่านทางแม่น้ำแยงซี (ตามเสันทางเขื่อนซานเสีย) ไปยังอู่ฮั่น ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปยังท่าเรือที่นครเซี่ยงไฮ้
รัฐบาลนครฉงชิ่งได้แบ่งพื้นที่ในมหานครออกเป็น 2 ส่วน คือ
ตำแหน่งที่ตั้งของเขตเศรษฐกิจใหม่เหลี่ยงเจียง นครฉงชิ่ง
“เหลียงเจียง” ถือเป็นเขตเศรษฐกิจแหล่งใหม่แห่งที่ 3 ของจีน ตั้งอยู่ในเขตเมืองที่มีการปกครองขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลางต่อจาก “เขตเศรษฐกิจใหม่ผู่ตง (ก่อตั้งปี 1990)” ในนครเซี่ยงไฮ้ และ “เขตเศรษฐกิจใหม่ปินไห่ (ก่อตั้งปี 2000)” ในนครเทียนจิน ถือเป็นเขตเศรษฐกิจใหม่แห่งแรกที่อยู่ในดินแดนจีนตอนใน
เขตเศรษฐกิจใหม่เหลี่ยงเจียง ก่อตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์หลัก 5 ด้าน คือ เป็นเขตริเริ่มการทดลองใช้นโยบายลดช่องว่างระหว่างเมืองและชนบท เป็นฐานการผลิตระดับสูงในภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจบริการของดินแดนจีนตอนใน เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมและศูนย์กลางทางการเงินแห่งภูมิภาคต้นน้ำแยงซีเกียง เป็นประตูสำคัญในการเชื่อมต่อจีนตอนในออกสู่โลกภายนอก รวมถึงเป็นพื้นที่เพื่อการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์
สำหรับด้านยุทธศาสตร์การพัฒนาในภาคอุตสาหกรรมการผลิตของเขตเศรษฐกิจใหม่เหลี่ยงเจียง มุ่งเน้นไปใน 5 ด้าน คือ เกี่ยวกับระบบรางและการคมนาคม เกี่ยวกับการกำเนิดพลังงานไฟฟ้าและอุปกรณ์ (รวมถึงพลังงานนิวเคลียร์และพลังงานลม) เกี่ยวกับยานยนต์พลังงานทางเลือก เกี่ยวกับการทหารและการป้องกันประเทศ และเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
รวมถึงมียุทธศาสตร์การพัฒนาด้านนวัตกรรมในเขตเศรษฐกิจใหม่ดังกล่าวโดยจัดตั้ง 3 สถาบันหลัก ได้แก่ สร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาแห่งชาติ สร้างฐานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ระดับสูง และสร้างศูนย์สำรองข้อมูลอิเล็คทรอนิกส์
เขตเศรษฐกิจใหม่เหลี่ยงเจียงนี้ จะสามารถผลักดันเศรษฐกิจดินแดนตอนในของจีนให้เติบโตทัดเทียมกับเขตชายฝั่งตะวันออก ทั้งด้านธุรกิจการเงิน การค้าการลงทุน การนำเข้าส่งออก ด้านอสังหาริมทรัพย์ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และระบบการจัดการ ระบบการจัดเก็บภาษี รวมถึงเป็นช่องทางสำคัญเพื่อดึงดูดการพัฒนาด้านต่างๆ สู่ดินแดนตอนใน ในขณะเดียวกันเป็นทางเพื่อเชื่อมโยงสู่ภายนอกทั้งในและนอกประเทศ
จากยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้ส่งผลให้เขตเศรษฐกิจใหม่เหลี่ยงเจียงกำลังจะก้าวสู่การเป็นที่ตั้งของฐานการผลิตและแปรรูปขนาดใหญ่เพื่อรองรับการนำเข้าส่งออก เป็นที่ตั้งของเขตวิจัยและพัฒนาในภาคอุตสาหกรรมไฮเทคและภาคอุตสาหกรรมบริการสมัยใหม่ รวมถึงเป็นศูนย์กลางทางการเงินและโมเดิร์นโลจิสติกส์แห่งต้นแม่น้ำแยงซีเกียง
เขตเศรษฐกิจใหม่เหลี่ยงเจียง มีอาณาเขต 1,200 ตร.กม ตั้งอยู่ใน 3 เขตใหญ่ทางด้านเหนือของเขตอวีจง (เป็นที่ตั้งของตัวเมืองฉงชิ่ง) 3 เขตดังกล่าว คือ
- เขตเป่ยเป้ย(北碚) จำนวนประชากร 6.3 ล้านคน อยู่ทางด้านตะวันตก มีแม่น้ำเจียหลิงเจียงไหลผ่านกลาง เป็นที่ตั้งของ “เขตสินค้าทัณฑ์บนเหลียงลู่ชุ่นทาน” ซึ่งเป็นเขตปลอดภาษีแห่งแรกที่อยู่ในดินแดนตอนในของจีนก่อตั้งขึ้นในปี 2009
- เขตเจียงเป่ย(江北)จำนวนประชากร 4.5 ล้านคน อยู่ทางด้านใต้ติดกับแม่น้ำเจียหลิงเจียงและแยงซีเกียงตลอดแนว อยู่ติดกับเขตอวีจง ซึ่งเป็นที่ตั้งของตัวเมืองฉงชิ่ง
- เขตอวีเป่ย(渝北)จำนวนประชากร 7.93 ล้านคน เป็นเขตที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุด อยู่ตรงลางระหว่างเขตเป่ยเป้ยและเขตเจียงเป่ยโดย ด้านตะวันตกติดกับแม่น้ำเจียหลิงเจียง
แนวความคิดการพัฒนาที่ดินในเขตเศรษฐกิจใหม่เหลี่ยงเจียงจากพื้นที่ทั้งหมด 1,200 ตร.กม. นั้น แบ่งเป็นพื้นที่เพื่อการพัฒนาจริง 650 ตร.กม. (ซึ่งได้พัฒนาไปแล้วมากกว่า 150 ตร.กม.) โดยจะเริ่มต้นจากด้านใต้สู่เหนือในเป็น 3 บริเวณ คือ บริเวณริมแม่น้ำเจียหลิงเจียงเป็นย่านธุรกิจบริการสมัยใหม่และย่านธุรกิจการเงิน บริเวณส่วนตรงกลางเป็นย่านที่พักอาศัยสมัยใหม่ และบริเวณด้านทิศเหนือเป็นย่านอุตสาหกรรมการผลิตทั้งหมด
รัฐบาลได้วางกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาในเขตเศรษฐกิจใหม่เหลี่ยงเจียงออกเป็น 3 ระยะ คือ
ระยะที่ 1 : ปี 2009-2010 ช่วงเริ่มต้นการพัฒนา
รัฐบาลนครฉงชิ่งยื่นเสนอแผนโครงการเขตเศรษฐกิจใหม่เหลี่ยงเจียง รวมถึงขอบเขตการดำเนินงาน การบริหารงาน รวมถึงระบบสาธาณูปโภคพื้นฐานและระบบการคมนาคมขนส่งโลจิสติกส์ (ทั้งทางถนน ทางราง ท่าเรือ) เข้าสู่คณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติโครงการดังกล่าวให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
ระยะที่ 2 : ปี 2011-2012 ช่วงกลางการพัฒนา
โดยรัฐบาลมีเป้าหมายว่า เมื่อระยะที่ 2 สิ้นสุดลง สามารถเห็นถึงผลสำเร็จเบื้องต้นในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาฟังก์ชั่น และกระบวนการพัฒนารูปแบบโดยรวม สำหรับตัวเลขการนำเข้าส่งออกจะมีมูลค่าอยู่ที่ระดับ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยจะสามารถดึงดูดบรรษัท 500 อันดับแรกของโลกเข้าสู่เขตเศรษฐกิจเหลี่ยงเจียงได้ที่จำนวน 200 ราย และจะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากภายในประเทศที่ 200,000 ล้านหยวน รวมถึงจะมีปริมาณการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 50 ล้านตู้
ระยะที่ 3 : ปี 2013-2020 ช่วงยกระดับการพัฒนา
มีการตั้งเป้าหมายว่า และเมื่อถึงปี 2015 สามารถเห็นเป็นรูปร่างเขตเศณษฐกิจใหม่เหลี่ยงเจียงอย่างชัดเจน จนถึงปี 2020 จะสามารถบรรลุผลสำเร็จในภาพรวมอย่างสมบูรณ์ เขตเศรษฐกิจใหม่แห่งนี้จะมีความแข็งแกร่งในทุกด้านสามารถผลิกโฉมหน้าของนครฉงชิ่งก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจแห่งต้นแม่น้ำแยงซีเกียงที่มีอิทธิพลผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาคตะวันตกและโดยรวมของประเทศสามารถยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนเข้าสู่สภาพแวดล้อมที่น่าอยู่ อีกทั้งสามารถเชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจใหม่เหลี่ยงเจียงสู่ต่างประเทศทั่วโลกได้
นอกจากนี้ ยังมีการตั้งเป้าตัวเลข GDP เมื่อถึงปี 2020 จะมีมูลค่าอยู่ที่ระดับ 600,000 ล้านหยวน โดยในภาคอุตสาหกรรมการผลิตจะมีมูลค่าอยู่ที่ราว 1,000,000 ล้านหยวน ครองสัดส่วนเกินกว่า 1 ใน 4 ของนครฉงชิ่ง รวมถึงจะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ทั้งปริมาณการนำเข้าส่งออก และภาคธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งทั้งหมดจะครองสัดส่วนเกินกว่า 1 ใน 3 ของนครฉงชิ่ง ตลอดจนด้านโลจิสติกส์ จะมีปริมาณการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์สูงถึง 34,000,000 ตู้ และจะมีปริมาณขนส่งผู้โดยสารทางอากาศสูงถึง 45 ล้านคน ด้านจำนวนประชากรที่พำนักถาวรในนครฉงชิ่งจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 40 ล้านคน
นายหวง ฉีฟาน นายกเทศมนตรีนครฉงชิ่ง กล่าวว่า เขตเศรษฐกิจใหม่เหลี่ยงเจียงจะเป็นเขตที่ทำให้นครฉงชิ่งมีการพัฒนาอย่างไร้ขีดจำกัด ในเวลาเดียวกันจะต้องเรียนรู้ประสบการณ์จากเขตพัฒนาเศรษฐกิจอื่นๆ ทั่วประเทศ พร้อมสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ แสวงหาช่องทางในการเร่งพัฒนา และแสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆ
“การพัฒนาเขตเศรษฐกิจใหม่เหลี่ยงเจียง จะยึดโมเดลของเขตเศรษฐกิจใหม่ผู่ตงและปินไห่เป็นสำคัญ ซึ่งทั้ง 3 แห่ง มีขนาดพื้นที่เท่ากันที่ 1,200 ตร.กม. และมีทำเลที่ถูกจัดสรรใหม่ขึ้นใหม่ที่มีความเหมาะสมต่อการพัฒนาโดยเฉพาะ”
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 12 ได้ระบุถึงบทบาทของเขตเศรษฐกิจใหม่เหลี่ยงเจียงอีกว่า จะเป็นเวทีอันดีเลิศในการศักยภาพด้านทรัพยากรธรรมชาติ บุคลากร สิ่งแวดล้อมด้านการลงทุนภาคอุตสาหกรรมระหว่างประเทศ รวมถึงการย้ายฐานผลิตจากเขตชายฝั่งตะวันออกเข้าสู่พื้นที่ อีกทั้งรัฐบาลมีนโยบายและสิทธิพิเศษต่างๆ โดยยึดรูปแบบการดำเนินงานเฉกเช่นเดียวกับเขตเศรษฐกิจใหม่ผู่ตงและปินไห่
ศ.หวัง หมิงเจี่ยน แห่ง ม. Chongqing Technology and Business มองว่า การก่อตั้งเขตเศรษฐกิจใหม่เหลี่ยงเจียง อยู่ในช่วงเวลาที่จีนกำลังพัฒนาประเทศอย่างเต็มกำลัง รัฐบาลจึงมีนโยบายสนับสนุนต่างๆ นำมาซึ่งประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล
รัฐบาลนครฉงชิ่งได้อนุมัติงบประมาณเริ่มต้นสู่เขตเศรษฐกิจใหม่เหลี่ยงเจียงเป็นจำนวนเงิน 10,000 ล้านหยวน ซึ่งถือว่ามากพอต่อการพัฒนาในเบื้องต้น หากเทียบกับงบประมาณในยุคที่เริ่มต้นก่อตั้งเขตเศรษฐกิจใหม่ผู่เจียงที่มีเพียง 2,000 ล้านหยวนเท่านั้น ฉะนั้น การเจริญเติบโตของเขตเศรษฐกิจใหม่เหลี่ยงเจียงที่อัตรา 30% จะทำให้ค่า GDP เพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน 3 ปี มีความเป็นไปได้สูง
นอกจากนี้ ยังช่วยส่งเสริมและกระตุ้น เขตเศรษฐกิจเฉิงตูฉงชิ่ง(成都重庆经济带) ให้มีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยต่อปีที่ร้อยละ 10 ภาคอุตสาหกรรมขยายตัวเฉลี่ยต่อปีที่ร้อยละ 5 โดยภาคอุตสาหกรรมพลังงานน้ำ ไฟฟ้า เหมืองแร่ และอื่นๆ ในมณฑลยูนนานและมณฑลกุ้ยโจว จะได้รับอานิสงค์ ส่งผลต่อการพัฒนาและเศรษฐกิจจะขยายตัวเฉลี่ยต่อปีที่ร้อยละ 5 อีกทั้งช่วยสร้างความแข็งแกร่งด้านการตลาดและความร่วมมือต่างๆ ขยายไปสู่มณฑลหูหนาน หูเป่ย ส่านซี เขตปกครองตนเองกวางสี และภูมิภาคอื่นๆ ในเขตตะวันตก นอกจากนี้ ด้านการคมนาคมขนส่งและภาคการผลิตราวร้อยละ 50 ที่จะเข้าสู่ตลาดในเขตภาคตะวันตกจะต้องผ่านเขตเศรษฐกิจใหม่เหลี่ยงเจียง โดยคาดว่าจะมีอัตราการเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อปีที่ร้อยละ 5
จากสถิติจนถึงเดือน ก.ค. 2012 มีจำนวนวิสาหกิจ 500 อันดับแรกของโลก ได้เข้ามาสร้างฐานการผลิตในเขตเศรษฐกิจใหม่เหลี่ยงเจียงแล้วจำนวน 95 ราย อาทิ HP, Seimens, Lumiere Pavilion, Chanel, Ford China, Honeywell และยอดการลงนามสัญญาโครงการลงทุนรวมทั้งสิ้น 131 โครงการ
เขตเศรษฐกิจใหม่เหลี่ยงเจียง สามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากภายในประเทศได้เป็นจำนวน 263,100 ล้านหยวน 530 โครงการ ส่วนเงินลงทุนจากต่างประเทศจำนวน 92,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 135 โครงการ ครองสัดส่วนร้อยละ 50 ของนครฉงชิ่ง
เศรษฐกิจ
ตัวเลข GDP ปี 2556 มีมูลค่า 1,265,700 ล้านหยวน เติบโต 12.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน ผงาดขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของจีนตะวันตก และเป็น
อันดับที่สองของประเทศ อีกทั้งนครฉงชิ่งยังคงสภาพการเติบโตด้านเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและมั่นคงต่อเนื่อง ซึ่งมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสูงกว่าทั่วประเทศที่ 4.6% โดยแบ่งเป็นอุตสาหกรรมปฐมภูมิมีมูลค่า 100,268 ล้านหยวน ขยายตัว 4.7% ทุติยภูมิมีมูลค่า 639,792 ล้านหยวน ขยายตัว 13.4%และตติยภูมิมีมูลค่า 525,609 ล้านหยวน ขยายตัว 12%
สำหรับภาคการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรปี 2556 มีมูลค่า 1,120,503 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 19.5% โดยแบ่งออกเป็นมูลค่าการลงทุนด้านเกษตรกรรมที่ 44,154 ล้านหยวน ขยายตัว 21.3% ด้านอุตสาหกรรมมูลค่า 353,421 ล้านหยวน ขยายตัว 14.9% และด้านการบริการที่มูลค่า 722,928 ล้านหยวน ขยายตัว 21.7%