เจาะลึกความสำเร็จ “กวางตุ้ง” ครองแชมป์เศรษฐกิจดิจิทัลจีน โอกาศความร่วมมือของไทย
21 Nov 2023
ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นหนึ่งในประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมากในโลกปัจจุบันที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทแทบจะในทุกด้านของชีวิต จีนเองมีการผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อปี 2565 จีนมีขนาดเศรษฐกิจดิจิทัล 50.2 ล้านล้านหยวน (7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และคิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 41.5 ของ GDP ของจีน (เมื่อปี 2565 ไทยมีมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัล 2.61 ล้านล้านบาท หรือราว 70,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[1])
เพื่อติดตามและประเมินความคืบหน้าด้านเศรษฐกิจดิจิทัลของจีนอย่างเป็นระบบ สถาบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งประเทศจีน (CAICT) ได้วางกรอบการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของจีนไว้ 4 ด้าน ได้แก่ (1) การสร้างอุตสาหกรรมดิจิทัล ครอบคลุมอุตสาหกรรมผลิตสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Information) โทรคมนาคม การบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและซอฟต์แวร์ และอินเทอร์เน็ต (2) การเปลี่ยนผ่าน (transition) ภาคอุตสาหกรรมสู่ความเป็นดิจิทัล โดยการเพิ่มปริมาณและประสิทธิภาพการผลิตให้แก่อุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมโดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น การใช้อินเทอร์เน็ตในภาคอุตสาหกรรม (Industrial Internet of Things: IIoT) ระบบเชื่อมต่อยานยนต์กับสิ่งรอบตัว (Vehicle-to-everything: V2X) และเศรษฐกิจแพลตฟอร์ม หรือการใช้บริการต่าง ๆ
ผ่านเทคโนโลยีแพลตฟอร์ม (3) การเปลี่ยนผ่านภาคบริหารสู่ความเป็นดิจิทัล บูรณาการเทคโนโลยีดิจิทัลร่วมกับการบริหารจัดการและการพัฒนาบริการสาธารณะ (4) การสร้างคุณค่าให้ข้อมูล สร้างมาตรฐานการเก็บ ซื้อ-ขาย กำหนดราคา และปกป้องข้อมูลเป็นต้น
อย่างไรก็ดี เป้าหมายของพัฒนาการทางเศรษฐกิจดิจิทัลในแต่ละมณฑลของจีนย่อมแตกต่างกัน โดยมณฑลกวางตุ้งซึ่งเป็นมณฑลที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของจีนมายาวนานกว่าสามทศวรรษ ได้ประกาศ ภารกิจสำคัญด้านเศรษฐกิจดิจิทัลของมณฑลกวางตุ้ง ค.ศ. 2023 เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2566 โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะส่งเสริมการสร้างอุตสาหกรรมดิจิทัลและผลักดันการเปลี่ยนผ่านภาคอุตสาหกรรมสู่ความเป็นดิจิทัลอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ มณฑลกวางตุ้งยังตั้งเป้าหมายที่จะเร่งพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล รวมทั้งยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล (เช่น สถานี 5G) อีกด้วย

เส้นทางการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของมณฑลกวางตุ้ง
มณฑลกวางตุ้งเป็นมณฑลแรกของจีนที่ออกนโยบายด้านเศรษฐกิจดิจิทัล เมื่อเดือนพฤษภาคม 2546 รัฐบาลมณฑลกวางตุ้งออก มาตรการการรับรองคุณสมบัติและการตรวจสอบประจำปีของหน่วยรับรองกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Administrative Measures for the Qualification Recognition and Annual Examination of E-commerce certification Bodies (Interim)) เป็นครั้งแรก โดยมีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมการพัฒนาด้าน E-commerce และสร้างมาตรฐานการกำกับดูแลหน่วยรับรอง (certification body) ด้าน E-commerce ตลอดจนเพื่อรับประกันความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของหนังสือรับรองดิจิทัล อันช่วยให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของมณฑลกวางตุ้งในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลโดยอาศัยแรงหนุนของภาคอุตสาหกรรมบริการที่เริ่มเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นดิจิทัล
ต่อมา ช่วงปี 2555 – 2559 มณฑลกวางตุ้งออกนโยบายส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมสู่ความเป็นดิจิทัลและสนับสนุนการยกระดับอุตสาหกรรมบริการเป็นจำนวนมาก ตัวอย่างเช่น ความคิดเห็นเกี่ยวกับการเร่งพัฒนาการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์โดยสำนักงานทั่วไปประจำรัฐบาลท้องถิ่นมณฑลกวางตุ้ง (Opinions of the General Office of the People’s Government of Guangdong Province on Accelerating the Development of E-commerce) แนวทางความคิดเห็นเกี่ยวกับการส่งเสริมการพัฒนาการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดนอย่างมีคุณภาพและรวดเร็วโดยสำนักงานทั่วไปประจำรัฐบาลท้องถิ่นมณฑลกวางตุ้ง (Implementation Opinions of the General Office of the People’s Government of Guangdong Province on Promoting the Healthy and Rapid Development of Cross-border E-commerce) และ แผนปฏิบัติการเพื่อพัฒนาการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์อย่างจริงจังและเร่งการสร้างอำนาจทางเศรษฐกิจใหม่ (Implementation Plans on Vigorously Developing E-commerce and Accelerating the Cultivation of New Economic Power)
ภายหลัง ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา นโยบายที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจดิจิทัลของมณฑลกวางตุ้งได้ให้ความสำคัญต่อการออกแบบโครงสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลและรัฐบาลดิจิทัลมากยิ่งขึ้น เช่น แผนพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของมณฑลกวางตุ้ง (ค.ศ. 2018 – 2025) (Digital Economy Development Plan of Guangdong Province (2018-2025))

เศรษฐกิจดิจิทัลของมณฑลกวางตุ้งในปัจจุบัน
รายงานดัชนีการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของจีน (ค.ศ. 2023) ซึ่งจัดทำโดยสถาบันวิจัยอิเล็กทรอนิกส์ที่ 5 (China CEPREI Laboratory) ภายใต้การบริหารจัดการกระทรวงอุตสาหกรรมและสารสนเทศจีนเผยว่า เขตเศรษฐกิจปักกิ่ง-เทียนจิน-เหอเป่ย เขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำแยงซี (YRD) และเขตเศรษฐกิจกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (GBA) คือกลุ่มพื้นที่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของจีน โดยมีกรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ นครกว่างโจว และเมืองเซินเจิ้นเป็นเมืองสำคัญ ทั้งนี้ มณฑลกวางตุ้งมีค่าดัชนีการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลอยู่ในระดับแนวหน้าของจีน ทั้งยังประยุกต์ใช้เศรษฐกิจดิจิทัลเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจคุณภาพสูงของมณฑลอีกด้วย
หากเจาะในรายละเอียด จะพบว่ารายงานฯ ประเมินพัฒนาการของเศรษฐกิจดิจิทัลในแต่ละพื้นที่ทั่วจีน โดยใช้ 5 หลักเกณฑ์ ได้แก่ (1) โครงสร้างพื้นฐาน (2) ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น บริการข้อมูลขั้นพื้นฐาน การบริหารข้อมูล และการเปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณะ (3) ศักยภาพ เช่น ขนาดอุตสาหกรรม มูลค่ารายได้ มูลค่ากำไร และจำนวนนวัตกรรม (4) กำลังขับเคลื่อน เช่น เงินทุน การขยายกิจการ และการออกใบรับรองบริษัท และ (5) การประยุกต์ใช้ผลการประเมินพบว่าการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลในระดับมณฑล/เขตปกครองตนเอง/มหานครทั้ง 31 แห่งของจีน มีค่าดัชนีการพัฒนากระจุกตัวอยู่ระหว่าง 40 – 100 สามารถแบ่งกลุ่มออกเป็น 3 ระดับตามค่าดัชนี ได้แก่ ระดับที่ 1 ค่าดัชนี 100 – 65 ระดับที่ 2 ค่าดัชนี 65 – 55 และระดับที่ 3 ค่าดัชนี 55 – 40 ในจำนวนดังกล่าว มีมณฑล/เขตปกครองตนเอง/มหานครที่ถูกจัดอยู่ในระดับที่ 1 ทั้งสิ้น 10 แห่ง ได้แก่ กรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ นครเทียนจิน มณฑลกวางตุ้ง มณฑลเจียงซู มณฑลเจ้อเจียง มณฑลซานตง มณฑลเสฉวน มณฑลฝูเจี้ยน และมณฑลหูเป่ย โดยพื้นที่ที่มีค่าดัชนีสูงสุด 3 อันดับแรก คือ กรุงปักกิ่ง (95.6) มณฑลกวางตุ้ง (94.8) และนครเซี่ยงไฮ้ (85.8) ตามลำดับ
ขณะเดียวกัน ตัวเลขจากสถาบัน CAICT ระบุว่า ในปี 2565 มณฑลกวางตุ้งมีขนาดเศรษฐกิจดิจิทัล 6.41 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า มูลค่าสูงเป็นอันดับหนึ่งของจีนต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 และคิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 49.7 ของมูลค่า GDP ของมณฑลกวางตุ้ง นอกจากนี้ มูลค่าการจำหน่ายภาคการผลิตสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Information) ของมณฑลกวางตุ้งยังมีมูลค่าสูงที่สุดในจีนถึง 32 ปีติดต่อกัน

เศรษฐกิจดิจิทัลกับการพัฒนาคุณภาพสูงของมณฑลกวางตุ้ง
ปัจจุบัน จีนให้ความสำคัญกับแนวคิด “การพัฒนาคุณภาพสูง” อย่างมาก นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนเคยกล่าวไว้ว่า “การพัฒนาคุณภาพสูงคือภารกิจหลักในการสร้างประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่อย่างรอบด้าน” ซึ่งสำหรับมณฑลกวางตุ้งนั้น คงปฏิเสธไม่ได้ว่า “เศรษฐกิจดิจิทัล” จะเป็นอีกหนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญสำหรับการพัฒนาที่มีคุณภาพสูง มณฑลกวางตุ้งซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของจีนและมีความโดดเด่นด้านอุตสาหกรรมการผลิต ได้ผลักดันการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ เพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรมและผลักดันการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมไปสู่ความเป็นดิจิทัลมาอย่างต่อเนื่อง โดยนอกจากจะมีการสนับสนุนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเช่น 5G บิ๊กดาต้า (Big Data) อินเตอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่ง (Internet of Things: IoT) อินเตอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่งของภาคอุตสาหกรรม (Industrail Internet of Things: IIoT) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) บล็อกเชน (Blockchain) และเทคโนโลยีขั้นสูงอื่น ๆ มาประยุกต์ใช้ในบริบททางอุตสาหกรรมแล้ว
รัฐบาลมณฑลกวางตุ้งยังสนับสนุนการจัดตั้งห้องปฏิบัติการระดับมณฑลเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาด้วยนวัตกรรมอีกด้วย เช่น ห้องปฏิบัติการ Guangdong Artificial Intelligence and Digital Economy Laboratory (Guangzhou) หรือ “Pazhou lab” ซึ่งเปิดตัวเมื่อเดือนเมษายน 2563 ในย่านผาโจว นครกว่างโจว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินโครงการการวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์ยุคใหม่ เทคโนโลยีการสื่อสารแห่งอนาคต และเศรษฐกิจดิจิทัล เป็นต้น
นอกเหนือจากนี้ มณฑลกวางตุ้งยังสนับสนุนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในภาคการเกษตรและการบริการเช่นกัน โดยในภาคการเกษตร มีการแบ่งกระบวนการผลิตออกเป็น 3 ขั้นเพื่อให้ง่ายต่อวางแผนการพัฒนาอย่างเป็นระบบ ได้แก่ (1) ก่อนการผลิต มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีมาใช้ในอุตสาหกรรมพัฒนาเมล็ดพันธุ์ (2) ระหว่างการผลิต ส่งเสริมการนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปลูกพืช การดูแลป่าไม้ ปศุสัตว์ ประมง และแปรรูปสินค้าเกษตร และ (3) หลังการผลิต มุ่งเน้นการพัฒนาระบบ E-commerce ในชนบท โดยเฉพาะการบ่มเพาะธุรกิจรูปแบบใหม่ที่มีความเป็นดิจิทัลในเขตชนบท ขณะที่ ด้านการบริการ มณฑลกวางตุ้งให้ความสำคัญกับภาคการคมนาคม
โลจิสติกส์ การเงิน การค้า การศึกษา การแพทย์ การท่องเที่ยวและวัฒนธรรม และคุณภาพการดำรงชีพของประชาชน โดยส่งเสริมการบูรณาการเทคโนโลยีดิจิทัลกับการบริการเพื่อสร้างวงจรบริการอัจฉริยะที่สะดวกและเป็นประโยชน์ต่อประชาชน

จะเห็นได้ว่า นอกจากมณฑลกวางตุ้งจะมีพื้นฐานทางอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจที่เข้มแข็งแล้ว ยังวางแผนและเดินหน้าสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ซึ่งครอบคลุมการวางโครงสร้างพื้นฐาน (มณฑลกวางตุ้งมีสถานีฐาน 5G กว่า 280,000 แห่ง จำนวนมากที่สุดในจีน) การสนับสนุนภาคเอกชนในการสร้างนวัตกรรมดิจิทัลใหม่ ๆ ไปจนถึงการกำหนดกฎ ระเบียบและมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานในแต่ละอุตสาหกรรมอย่างเต็มที่ โดยในอนาคต มณฑลกวางตุ้งจะยังคงมุ่งเป้าไปที่การสร้างอุตสาหกรรมดิจิทัลและการเปลี่ยนผ่านภาคอุตสาหกรรมไปสู่ความเป็นดิจิทัลต่อไปและจะเดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มที่
ไทยในฐานะที่มีขนาดเศรษฐกิจดิจิทัลใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของอาเซียน (รองจากอินโดนิเซีย)[2] และเริ่มพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างจริงจังในช่วงปี 2560 โดยมีจุดแข็งด้านการบริโภคทางดิจิทัล แต่ยังคงขาดแคลนบุคลากรด้านดิจิทัล รวมถึงนวัตกรรม การวิจัยและพัฒนาและบริการที่นำไปประยุกต์ใช้ได้จริง[3] ดังนั้น ความรุดหน้าทางนวัตกรรมดิจิทัลของมณฑลกวางตุ้งจะเป็นโอกาสของความร่วมมือระหว่างไทยกับมณฑลกวางตุ้งในการแลกเปลี่ยนการวิจัยและพัฒนา การพัฒนาบุคลากร และเรียนรู้กฎระเบียบระหว่างกัน เพื่อสร้างพลวัตรให้แก่ “เศรษฐกิจดิจิทัล” ของไทย ให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
[1] ข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ร่วมกับสถาบันไอเอ็มซี (IMC Institute)
[2] Google, Temasek, Bain & Company. e-Conomy SEA 2022. [ออนไลน์]. Bain & Company, Inc. เว็บไซต์: https://www.bain.com/insights/e-conomy-sea-2022/. (สืบค้นข้อมูล: 30 ตุลาคม 2566).
[3] บทวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจดิจิทัลประเทศไทย. [ออนไลน์]. สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล. เว็บไซต์: https://www.depa.or.th/th/article-view/thailand-digital-economy-glance. (สืบค้น 30 ตุลาคม 2566)