จับตา : เป้าหมาย “คลัสเตอร์ยานยนต์ไฟฟ้าสู่อาเซียน” ของนครหนานหนิง โอกาส และความท้าทายของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
30 Sep 2022
จัดทำโดย : นางสาวเนตรนภา บุญมา
เรียบเรียง : นายกฤษณะ สุกันตพงศ์
ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน (BIC)
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง
บนเส้นทางที่ประชาคมโลกต่างมุ่งสู่การสร้าง “สังคมคาร์บอนต่ำ” (Low Carbon Society) และตระหนักถึงผลกระทบจากภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ นานาประเทศต่างรณรงค์การใช้พลังงานหมุนเวียนทดแทนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล โดย “รถยนต์ไฟฟ้า” หรือที่เรียกสั้นๆว่า รถ EV หรือ Electric Vehicles เป็นอีกแรงขับเคลื่อนประเทศสู่เป้าหมายสังคมคาร์บอนต่ำ รวมถึงในประเทศจีนด้วย
รัฐบาลจีนปักธงชัดเจนในการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า โดยให้การสนับสนุนทั้งภาคการผลิตไปจนถึงผู้บริโภค รวมทั้งผลักดันให้จีนเป็นยักษ์ใหญ่ที่ “ก้าวออกไป” รุกตลาดในต่างประเทศด้วย รัฐบาลจีนมีนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของจีนอย่างชัดเจน และเป็นแรงสนับสนุนสำคัญที่ช่วยให้อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของจีนมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และขยับเข้าใกล้ฝั่งฝันที่ “จีน” จะกลายเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของโลก
ปฏิเสธไม่ได้ว่า… การเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของจีนได้ช่วยส่งเสริมให้เกิดการลงทุนของบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีอัจฉริยะสำหรับยานยนต์ (AI, Internet of Vehicle – IoV, Cloud Computing, Block Chain, Satellite) รวมถึงการวิจัยและพัฒนาการผลิตแบตเตอรี่ และกรุยทางให้ประเทศจีนก้าวสู่การเป็นผู้นำในตลาด “แบตเตอรี่” รถยนต์ไฟฟ้าของโลกในเวลาอันใกล้
ระบบกักเก็บพลังงานในรูปแบบของ “แบตเตอรี่” เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีแกน (core technology) ในห่วงโซ่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า เพราะเป็นตัวป้อนกระแสไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเครื่องยนต์ รวมถึงการทำงานของสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในรถยนต์ด้วย
เมื่อพูดถึงแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า หลายท่านคงนึกถึง…แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-ion) ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่น ทั้งในเรื่องขนาดเล็ก ความจุสูง น้ำหนักเบา และมีประสิทธิภาพการทำงานค่อนข้างสูง ในช่วงครึ่งปีแรก อุตสาหกรรมแบตเตอรี่ลิเธียมของจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีสถิติที่น่าสนใจ ดังนี้
- แบตเตอรี่ลิเธียมมีปริมาณการผลิตเกิน 280 GWh เพิ่มขึ้น 150% เมื่อเทียบกับปีก่อน รายได้ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องทะลุ 4.8 แสนล้านหยวน การส่งออกผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่ลิเธียม ขยายตัว 75% (YoY)
- ใน segment แบตเตอรี่ลิเธียม มีปริมาณการผลิตแบตเตอรี่สำรองไฟ 32GWh ปริมาณการติดตั้งแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าราว 110GWh
- ใน segment วัสดุขั้นต้น (tier 1) ปริมาณการผลิตวัสดุขั้วบวก 7.3 แสนตัน วัสดุขั้วลบ 5.5 แสนตัน แผ่นกั้นสำหรับแบตเตอรี่ (separator) 5,600 ล้าน ตร.ม. และเอทิลีนคาร์บอเนต (Ethylene carbonate)4 แสนตัน โดยเพิ่มขึ้นเฉลี่ยมากกว่า 55% ทุกรายการ
- ใน segment วัสดุขั้นสอง (tier 2) ปริมาณการผลิตลิเธียมคาร์บอเนต (Lithium carbonate) 1.5 แสนตัน เพิ่มขึ้น 34% และลิเธียมไฮดรอไซด์ (Lithium hydroxide) 1.02 แสนตัน เพิ่มขึ้น 25% ราคาของลิเธียมคาร์บอเนตเกรดแบตเตอรี่ และลิเธียมไฮดรอไซด์เกรดแบตเตอรี่ (เกรดขั้นสูง) มีความผันผวนค่อนข้างสูง ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ตันละ 4.45 แสนหยวน และ 4.32 แสนหยวน ตามลำดับ
ในเขตปกครองตนเองกว่างซี ต้องบอกว่า…“อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า” เป็นหนึ่งในประเภทกิจการที่ให้การส่งเสริมของเขตฯ กว่างซีจ้วง ปัจจุบัน กว่างซีเป็นฐานการผลิตรถยนต์สันดาปและรถยนต์ไฟฟ้าแหล่งสำคัญของประเทศจีน รัฐบาลกว่างซีไม่เพียงมุ่งส่งเสริมอุตสาหกรรมรถยนต์เท่านั้น ยังรวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุตสาหกรรมดังกล่าวด้วย รวมถึงการผลิต “แบตเตอรี่” ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะ “นครหนานหนิง” ที่เป็นดาวรุ่งดวงใหม่ในวงการรถยนต์ไฟฟ้าและธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง
สำหรับ “นครหนานหนิง” ต้องบอกว่า… นอกจากอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและอิเล็กทรอนิกส์แล้ว รัฐบาลหนานหนิงได้วางตัวให้ “ห่วงโซ่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า” เป็นอีกหนึ่งเสาหลักทางเศรษฐกิจในยุค New Nanning ด้วย
“นครหนานหนิง” เป็นที่จับจ้องของบรรดาผู้ผลิตรถยนต์พลังงานทางเลือกยักษ์ใหญ่และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องของจีน นับตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา ค่ายรถยนต์ไฟฟ้า NETA (บริษัท Hozon Auto/合众) เป็นนายทุนใหญ่รายแรกๆ ที่เข้ามาบุกเบิกธุรกิจรถยนต์พลังงานไฟฟ้าประกอบสำเร็จในนครหนานหนิง มีกำลังการผลิตปีละ 1 แสนคัน เริ่มทดสอบอุปกรณ์การผลิตแล้วในช่วงต้นปี 2565
การลงทุนใน sector รถยนต์พลังงานทางเลือก นอกจากยักษ์ใหญ่อย่าง Hozon Auto ยังมีการลงทุนจากยักษ์ใหญ่ในกลุ่มรถขนส่งสาธารณะอย่าง Sunlong (申龙新能源汽车) จากนครเซี่ยงไฮ้ / ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะชั้นนำ ENOVATE (天际新能源汽车) จากมณฑลเจ้อเจียง / เจ้าของแบรนด์รถยนต์ชั้นนำของจีนอย่าง GEELY (吉利智慧新能源整车工厂) จากมณฑลเจ้อเจียง รวมถึงโปรเจกต์ร่วมทุนของ CHTC Automobile (中恒天汽车集团) จากกรุงปักกิ่งกับบริษัทท้องถิ่นในหนานหนิง
การเข้ามาของธุรกิจข้างต้นได้ดึงดูดให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทยอยตบเท้าเข้ามาลงทุนในนครหนานหนิง โดยเฉพาะธุรกิจดาวเด่นในวงการ “แบตเตอรี่” อย่างเมื่อปลายปี 2564 ผู้ผลิตแบตเตอรี่ยักษ์ใหญ่ของจีน บ. DFD (บ.多氟多) ถือหุ้นในนามบริษัท Guangxi Ningfu New Materials Co.,Ltd. (广西宁福新能源科技有限公司) ควักกระเป๋า 10,100 ล้านหยวน ตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมที่มีกำลังการผลิตต่อปี 20 GWh โดยคาดว่าจะเริ่มเดินสายการผลิตได้ปลายเดือนกันยายน 2565 นี้
เมกะโปรเจกต์สำคัญในรอบปีนี้ เกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม 2565 เมื่อบริษัท Guangxi FinDreams Battery Co.,ltd (广西弗迪电池有限公司) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของค่ายรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของจีนอย่าง BYD ทุ่มเงินราว 14,000 ล้านหยวน ตั้งโรงงานแบตเตอรี่ที่มีความครบวงจร (R&D ผลิต และจำหน่าย) เป็น 1 ใน 5 โปรเจกต์ของ BYD ในนครหนานหนิง มีกำลังการผลิตแบตเตอรี่เฉลี่ยต่อปีที่ 45GWh หรือเท่ากับไฟฟ้า 4,500 ล้าน KWh หรือเท่ากับพลังงานที่ใช้ในการยกแอปเปิ้ลมากกว่า 4,400 ล้านลูก ขึ้นสูงจากพื้นโลก 1 เมตร
ทั้งนี้ BYD ตั้งใจจะปั้นให้โรงงานที่นครหนานหนิงแห่งนี้เป็นโรงงานแบตเตอรี่ที่ใหญ่ที่สุดในโลกของ BYD สินค้าหลัก อาทิ เซลล์แบตเตอรี่ โมดูลและชิ้นส่วนประกอบ การรีไซเคิลแบตเตอรี่และการเก็บสำรองไฟ โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในปี 2566
นอกจากนี้ ผู้นำแห่งวงการหัวรถจักรพลังงานไฟฟ้าของจีนอย่าง Zhuzhou CRRC Time Electric (株洲中车时代电气股份有限公司) ก็กำลังเตรียมลงทุนโปรเจกต์มอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับยานยนต์พลังงานทางเลือก หลังจากที่ได้ลงนามสัญญาการลงทุนไปแล้วด้วยมูลค่าเงินลงทุน 315 ล้านหยวนแล้วเช่นกัน โดยตั้งเป้าว่าโรงงานจะมีกำลังการผลิตมอเตอร์รถยนต์ไฟฟ้าได้ปีละ 2 แสนชุด
ยักษ์ใหญ่ที่กล่าวมาข้างต้น ส่วนใหญ่ไปลงทุนกันที่ไหนในนครหนานหนิง ??? คำตอบคือที่ “สวนอุตสาหกรรมหลิงลี่” (Lingli Industrial Park/伶俐工业园区) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชานเมืองฝั่งตะวันออกในเขตชิงซิ่ว สวนอุตสาหกรรมที่รัฐบาลหนานหนิงจัดไว้เป็นพื้นที่ “Cluster อุตสาหกรรมพลังงานทางเลือกที่มีมูลค่าการผลิตแสนล้านหยวน” ตามแผนการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมใหม่ด้านตะวันออก รวมถึงในเขตยงหนิง (Yongning District/邕宁区)
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2565 นครหนานหนิง ได้ประกาศเปิดตัว “กองทุนเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานทางเลือก” เพื่อส่งเสริมและดึงดูดการลงทุนจากภาคธุรกิจแบตเตอรี่และห่วงโซ่อุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำให้เข้ามาที่นครหนานหนิง พร้อมกับได้เปิดป้าย “สถาบันนวัตกรรมวัสดุใหม่ในแบตเตอรี่” เพื่อเป็นแพลตฟอร์มสาธารณะที่ให้บริการด้านเทคนิค เพื่อเป็นฐานการวิจัยพัฒนาและการผลิตวัสดุใหม่ในแบตเตอรี่ และเป็น “เสาค้ำ” ที่คอยให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยีในการพัฒนาอุตสาหกรรมแบตเตอรี่
ความได้เปรียบเชิงกายภาพที่ตั้งอยู่ติดกับอาเซียน เชิงยุทธศาสตร์จากการเป็น Gateway to ASEAN และแผนพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 14 (ระหว่างปี 2564-2568) และเชิงนโยบายจากสิทธิประโยชน์ทางการลงทุนของเขตฯ กว่างซีจ้วง เป็นสิ่งที่ดึงดูดให้ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจากต่างมณฑลเข้ามาลงทุนใน “นครหนานหนิง” เมืองเอกของเขตฯ กว่างซีจ้วง โดยมอง “อาเซียน” เป็นตลาดเป้าหมายการส่งออก
ก้าวต่อไป นครหนานหนิงยังคงเดินหน้าผลักดันการพัฒนาต่อยอด(ส่วนใหม่)และเติมเต็ม(ส่วนที่ขาด)ในห่วงโซ่อุตสาหกรรม ห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนยานยนต์ เพื่อพัฒนาให้นครหนานหนิงเป็น “คลัสเตอร์อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าที่มุ่งสู่อาเซียน”
บีไอซี เห็นว่า รถยนต์ไฟฟ้าเป็น Mega Trend ที่ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องของไทยจำเป็นต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของจีน เพื่อให้สามารถปรับกระบวนทัศน์และวางแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับนโบายสนับสนุนและความต้องการของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เป็นที่ทราบกันดีว่า… ประเทศไทยเป็นหนึ่งในฐานการผลิตรถยนต์สันดาปที่สำคัญของโลก การเปลี่ยนผ่านจากยุค “รถยนต์สันดาป” ไปสู่ยุค “รถยนต์ไฟฟ้า” อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์สันดาปมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทยไม่น้อย โดยเฉพาะผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์สันดาปจำเป็นต้องปรับตัวตามเทคโนโลยี ต่อยอดการผลิตที่มีอยู่เดิมไปสู่การผลิตอุปกรณ์ที่รองรับการใช้งานของรถยนต์ไฟฟ้า พัฒนานวัตกรรมใหม่ เตรียมพร้อม Up-skill/Re-skill ในภาคการผลิต เพื่อให้สอดรับกับระบบนิเวศใหม่ (ecosystem) และกระแสความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมยานยนต์ในโลกอนาคต
การดึงดูดให้ค่ายรถยนต์จีนเข้ามาลงทุนที่ประเทศไทย อาจไม่ใช่เพียงคำตอบเดียวของการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในไทย อีกทั้ง ประเทศไทยมีนโยบายการลดภาษีสำหรับการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าและสิทธิประโยชน์จากกรอบข้อตกลงทางการค้า ดังนั้น ค่ายรถยนต์จีนจึงใช้วิธีการเลือกทำเลที่ตั้งโรงงานในจีนที่อยู่ใกล้ตลาดเป้าหมายการส่งออก แถมการผลิตในจีนยังประหยัดต่อขนาด (economy of scale)
ดังนั้น ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนของ “นครหนานหนิง” ที่ต้องการจะปลุกปั้น “คลัสเตอร์อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าที่มุ่งสู่อาเซียน” จะเป็นโอกาสที่ภาคธุรกิจไทยจะเรียนรู้ประสบการณ์ พร้อมกับแสวงหาความร่วมมือร่วมกันเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ได้หลายด้าน ทั้งการค้าสินค้า เทคโนโลยียานยนต์
การบริการซ่อมบำรุง ตลอดจนการเป็นตัวแทนจำหน่ายในไทยได้