ผลกระทบโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาฯ ต่อการค้าไทย-ยูนนาน
27 Feb 2020การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) นับเป็น “ปัจจัยลบ” สำคัญที่สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจจีนและกระทบถึงภาพรวมเศรษฐกิจโลกในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 โดยเป็นที่คาดการณ์ว่า หากสถานการณ์การแพร่ระบาดฯ ยังไม่คลี่คลายภายในเดือนมีนาคมนี้ ก็อาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจจีนในวงกว้าง โดยเฉพาะการเลิกกิจการของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) อันเป็นฟันเฟืองที่สำคัญของระบบเศรษฐกิจจีน ซึ่งจะนำไปสู่ปรากฏการณ์เลิกจ้างงานขนานใหญ่ (mass layoff) ที่จะยิ่งสร้างความท้าทายให้แก่รัฐบาลจีนในการบรรลุเป้าหมายสร้าง “สังคมอยู่ดีกินดีระดับปานกลาง” ซึ่งมีหัวใจเกี่ยวข้องกับการขจัดความยากจนให้หมดไปจากสังคมจีนภายในสิ้นปี 2563 นี้
อย่างไรก็ดี สถานการณ์ในขณะนี้ที่รัฐบาลจีนเร่งออกมาตรการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการกลับมาเปิดกิจการและเริ่มดำเนินการผลิตอีกครั้ง พร้อมกับเร่งดำเนินงานด้านควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคฯ ก็นับเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญต่อการฟื้นตัวอีกครั้งของเศรษฐกิจจีน หลังจากที่ทุกองคาพยพได้หยุดนิ่งไปตั้งแต่ช่วงเทศกาลตรุษจีนเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ถึงกระนั้น ในภาพรวม การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อฯ ก็ได้สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งในจีนและทวีปเอเชียแล้วอย่างน้อย 4 ด้าน[1] ได้แก่
(1) การท่องเที่ยว จากมาตรการของรัฐบาลจีนที่ไม่ให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเป็นกลุ่มทั้งภายในและต่างประเทศ ซึ่งได้สร้างผลกระทบเป็นอย่างมากต่อประเทศไทยที่มีสัดส่วนนักท่องเที่ยวจีนในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก รวมถึงจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญในภูมิภาคอย่างสิงคโปร์ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ซึ่งสถานการณ์การแพร่ระบาดฯ ได้ส่งผลต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในแต่ละประเทศข้างต้นเช่นเดียวกัน
(2) ห่วงโซ่การผลิต แม้ในมุมกลับ สถานการณ์การแพร่ระบาดฯ จะเป็นโอกาสของประเทศอื่น ๆ ในการเป็นแหล่งผลิตสินค้าทดแทนโรงงานในจีนที่หยุดชะงัก แต่ในภาวะการพึ่งพาอย่างซับซ้อนในกระบวนการผลิต ก็ส่งผลให้ขณะนี้สินค้าหลายชนิดไม่สามารถผลิตออกสู่ตลาดได้ ดังเช่นกรณีการหยุดผลิตรถยนต์ของโรงงานฮุนไดในเกาหลีใต้และโรงงานนิสสันในญี่ปุ่นเนื่องจากขาดอะไหล่ที่ผลิตจากโรงงานในจีน
(3) การนำเข้าของจีน ปัจจุบันจีนเปลี่ยนสถานะจากผู้ส่งออกรายใหญ่เป็นผู้นำเข้ารายสำคัญจากฐานะทางเศรษฐกิจและความต้องการของผู้บริโภคชาวจีนที่แปรผันตามความมั่งคั่งของประเทศ อย่างไรก็ดี สถานการณ์การแพร่ระบาดฯ ได้ทำให้ผู้บริโภคชาวจีนระมัดระวังการบริโภคมากยิ่งขึ้นและเน้นจับจ่ายเฉพาะสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตเท่านั้น ขณะเดียวกัน ขณะนี้รัฐบาลจีนก็มุ่งนำเข้าเวชภัณฑ์และอุปกรณ์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรคฯ ซึ่งประสบภาวะขาดแคลนเป็นหลักเท่านั้น สภาพตลาดจีนที่ซบเซาเช่นนี้จึงกระทบต่อปริมาณการนำเข้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และอาจกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีนตลอดปีนี้
(4) ความกังวลของภาคธุรกิจและผู้บริโภคจีน ที่เกิดจากสภาวะความไม่แน่นอนของสถานการณ์การแพร่ระบาดฯ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยลบระยะยาวที่ส่งผลต่อการเติบโตของระบบเศรษฐกิจจีน
“โรคติดเชื้อฯ 2019” ปัจจัยลบการค้าไทย-ยูนนาน
ในช่วงที่ผ่านมา มูลค่าการค้าระหว่างประเทศไทยกับมณฑลยูนนานเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2562 มีมูลค่ารวม 1,581 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นอัตราการขยายตัวร้อยละ 53 ซึ่งนับเป็นสถิติที่สูงที่สุดในรอบ 4 ปีนับตั้งแต่ปี 2559 โดยมูลค่าการนำเข้าของไทยจากมณฑลยูนนานคิดเป็น 895 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 36.6 ขณะที่มูลค่าส่งออกของไทยไปยังมณฑลยูนนานคิดเป็น 686 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 81.5 ทั้งนี้ ปัจจุบัน ไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 5 ของมณฑลยูนนานรองจากเมียนมา เวียดนาม ซาอุดีอาระเบีย และฮ่องกง โดยสินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปยังมณฑลยูนนาน 5 อันดับแรก ได้แก่ มังคุดสดและแห้ง ทุเรียนสด ลำไยสด ตัวเรือนนาฬิกาประเภทโลหะ และยางคอมพาวด์ ขณะที่สินค้านำเข้าที่สำคัญของไทยจากมณฑลยูนนาน 5 อันดับแรก ได้แก่ องุ่นสด ปุ๋ย ทองแดง พุทรา และลูกพลับ
หากพิจารณาสถิติการค้าไทย-ยูนนานในหลายปีที่ผ่านมา จะพบว่า สินค้าเกษตร โดยเฉพาะผัก ผลไม้ และดอกไม้สด เป็นสินค้าสำคัญลำดับต้นในการค้าของทั้งสองฝ่าย ที่สำคัญ มูลค่าการค้าที่ขยายตัวเป็นอย่างมากในปีที่ผ่านมาก็มีปัจจัยสนับสนุนจากสินค้าเกษตร ได้แก่ ผลไม้และผัก ที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 140.51 โดยมีมูลค่ารวมสุทธิสูงถึง 532 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนถึงหนึ่งในสามของมูลค่าการค้ารวมในปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ในภาพรวม สินค้าเกษตรมีสัดส่วนในสินค้าไทยที่ส่งออกไปยังมณฑลยูนนานถึงร้อยละ 86 ขณะที่มีสัดส่วนในสินค้าที่ไทยนำเข้าจากมณฑลยูนนานกว่าร้อยละ 60
สำหรับปัจจัยสนับสนุนสำคัญที่ทำให้ผลไม้และผักเป็นสินค้าที่สร้างมูลค่าสูงระหว่างไทยกับมณฑลยูนนานนั้น มาจากลักษณะเด่นของทั้งสองฝ่ายที่ต่างก็เป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรรายใหญ่เช่นเดียวกันและสินค้าที่ผลิตได้ก็สามารถส่งเสริมกันและกันมากกว่าแข่งขันกันโดยตรง รวมทั้งเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคแต่ละฝ่ายต้องการ กล่าวคือ ผักสด ผลไม้เมืองหนาว และดอกไม้ของมณฑลยูนนานเป็นที่ต้องการของตลาดในประเทศไทย ขณะที่ผลไม้เมืองร้อนที่มีชื่อเสียงของไทยอย่างทุเรียน ลำไย และมังคุดก็เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในหมู่ผู้บริโภคชาวจีน นอกจากนี้ ข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ที่ไทยกับมณฑลยูนนานสามารถเชื่อมโยงกันได้ผ่านถนนสาย R3A ก็ยังเป็นอีกปัจจัยเสริมที่ทำให้ระบบโลจิสติกส์ระหว่างทั้งสองฝ่ายเป็นไปโดยสะดวก มีต้นทุนไม่สูงมาก และเอื้อต่อการขนส่งสินค้าเกษตรซึ่งเป็นสินค้าประเภทเน่าเสียง่ายเนื่องจากใช้ระยะเวลาการขนส่งไม่นาน
อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อฯ ได้สร้างผลกระทบโดยตรงต่อภาพรวมการค้าระหว่างประเทศไทยกับมณฑลยูนนานในไตรมาสแรกของปีนี้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ที่ด่านชายแดนบ่อหาน อำเภอเหมิ่งล่า ในเขตฯ สิบสองปันนา ซึ่งเป็นด่านสำคัญของการนำเข้าผักและผลไม้ไทยมายังจีนผ่านเส้นทาง R3A โดยแม้ทางการจีนจะยังอนุญาตให้ดำเนินกิจกรรมการค้าประเภททั่วไปภายหลังยุติการค้าชายแดนเป็นการชั่วคราวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดฯ ซึ่งมิได้กระทบต่อการนำเข้าสินค้าเกษตรไทย แต่โดยที่ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นวันหยุดยาวเทศกาลตรุษจีน จึงทำให้กระบวนการนำเข้ามีความล่าช้าเป็นอย่างมาก ทั้งจากบริษัทขนส่งหลายแห่งที่ปิดทำการ จำนวนแรงงานขนถ่ายสินค้าและพนักงานขับรถที่มีจำนวนจำกัด ตลอดจนการปิดเส้นทางการจราจรระหว่างเมืองภายในมณฑลยูนนาน จึงเป็นผลให้มีรายงานข่าวว่า มีสินค้าเกษตรไทยรอการนำเข้าที่ด่านบ่อหานเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้สินค้าบางส่วนได้รับความเสียหาย
สถานการณ์ข้างต้นส่งผลให้การนำเข้าผักและผลไม้ไทยมายังมณฑลยูนนานในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมาลดลงจนแทบเป็นศูนย์ ซึ่งรวมถึงสินค้าประเภทอื่นด้วย อย่างไรก็ดี ในขณะนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดฯ ในมณฑลยูนนานได้ผ่อนคลายมากขึ้นโดยทางการจีนได้ประกาศลดระดับความรุนแรงในพื้นที่จากระดับ 1 เป็นระดับ 3 ซึ่งนับเป็นเป็นสัญญาณที่ดีต่อการค้าไทย-ยูนนาน แต่ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ผู้ส่งออกไทยควรต้องพิจารณาควบคู่กันด้วย
ตลาดยูนนานในสถานการณ์โรคติดเชื้อฯ
ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครคุนหมิงสำรวจสถานการณ์ปัจจุบันของตลาดสินค้าไทยในมณฑลยูนนาน พบว่า ผู้บริโภคในพื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงมีความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดฯ รวมทั้งยังเน้นจับจ่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพเป็นหลัก สอดคล้องกับความเห็นของผู้ประกอบการส่งออกผลไม้ไทยที่ให้ข้อมูลกับทางศูนย์ฯ ว่า การประกาศขยายวันหยุดตรุษจีนและขอความร่วมมือประชาชนให้งดกิจกรรมนอกบ้านของทางการจีนก่อนหน้านี้ ส่งผลกระทบต่อผลไม้ไทยในตลาดยูนนานเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากผู้บริโภคชาวจีนจะเน้นซื้อหรือกักตุนสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวันแทน โดยผลไม้ไทยที่ได้รับผลกระทบมาก ได้แก่ ลำไย ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยว รวมทั้งก่อนหน้านี้ได้มีการนำเข้าล่วงหน้าเพื่อเตรียมจำหน่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดฯ ก็ส่งผลให้มีสินค้าคงค้างเป็นจำนวนมาก รวมถึงยังมีสินค้าที่ประสบปัญหากระบวนการนำเข้าล่าช้าที่ด่านชายแดน ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพของสินค้า
ผู้ประกอบการส่งออกผลไม้ไทยรายดังกล่าวยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ภาวการณ์เช่นนี้มิได้เกิดขึ้นกับผลไม้ไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผลไม้จากประเทศเพื่อนบ้านอื่นของจีนด้วย โดยเฉพาะแก้วมังกรของเวียดนามที่ประสบอุปสรรคเช่นเดียวกับลำไยของไทย ทำให้ไม่สามารถส่งออกมายังจีนได้ในช่วงตรุษจีนซึ่งเป็นช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก
ขณะเดียวกัน จากการติดตามสถานการณ์สินค้าจีนในพื้นที่ ศูนย์ฯ ยังพบว่า ราคาผักและผลไม้ที่ผลิตในมณฑลยูนนานก็เพิ่มสูงขึ้น โดยมีสาเหตุสำคัญจากสถานการณ์การแพร่ระบาดฯ ที่ทำให้ขาดแคลนแรงงานในการเก็บเกี่ยวผลผลิต รวมถึงระบบการขนส่งที่ไม่เอื้ออำนวย ดังนั้น แม้จะมีความต้องการของผู้บริโภคในพื้นที่เป็นจำนวนมากและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับท้องถิ่นก็ได้ออกมาตรการเพื่อรับประกันปริมาณสินค้าให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชนและควบคุมราคา แต่สถานการณ์การแพร่ระบาดฯ ก็ได้สร้างอุปสรรคในกระบวนการผลิต รวมทั้งบิดเบือนกลไกตลาด ส่งผลให้สภาวะการซื้อค้าสินค้าทุกประเภทในมณฑลยูนนานยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ
แนวโน้มตลาดสินค้าไทยในยูนนาน
หลังจากที่ทางการจีนประกาศควบคุมการระบาดฯ ขั้นสูงสุดเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2563 และครบรอบหนึ่งเดือนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 พบว่า สถานการณ์ในหลายพื้นที่คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น รวมทั้งมีการผ่อนปรนและยกเลิกมาตรการควบคุมจำนวนหนึ่งเพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิต รวมทั้งภาคธุรกิจกลับมาดำเนินการในระดับที่ใกล้เคียงความเป็นปกติมากที่สุดโดยเร็ว
ศูนย์ฯ ประเมินว่า ในช่วง “ระยะเปลี่ยนผ่าน” เช่นในขณะนี้ สินค้าอาหารประเภทผัก ผลไม้ และอาหารแปรรูป ยังคงเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคในพื้นที่ โดยขณะนี้ร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อหลายแห่งได้ปรับรูปแบบธุรกิจด้วยการนำผักและผลไม้มาจำหน่ายเสริม ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคชาวจีนที่ยังคงการระมัดระวังเรื่องการใช้จ่าย
สถานการณ์เช่นนี้นับเป็นโอกาสของสินค้าไทยที่จะเริ่มกลับมาทำตลาดในมณฑลยูนนานอีกครั้ง โดยจากการติดตามข้อมูลกับผู้ส่งออกผลไม้ไทย ศูนย์ฯ ได้รับแจ้งว่า ขณะนี้เริ่มมีคำสั่งซื้อและมีปริมาณการส่งออกผลไม้มายังจีนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ขณะที่ผู้นำเข้าผลไม้ในมณฑลยูนนานก็ให้ข้อมูลในทิศทางเดียวกันว่า ขณะนี้เริ่มกลับมานำเข้าผลไม้ไทยอีกครั้งเพื่อดูแนวโน้มการตอบรับของตลาดก่อนโดยเน้นลำไยและทุเรียนกระดุมทองในช่วงที่ทุเรียนหมอนทองซึ่งเป็นที่นิยมยังไม่ออกสู่ตลาด นอกจากนี้ ผู้ประกอบการนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าไทยประเภทอาหารแปรรูปในมณฑลยูนนานก็เริ่มนำเข้าสินค้าแล้วเช่นกันเพื่อให้มีสินค้าพร้อมจัดส่งลูกค้าในทันทีที่มีคำสั่งซื้อ
หากสถานการณ์การแพร่ระบาดฯ ในพื้นที่คลี่คลายเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ โอกาสของสินค้าไทยในตลาดยูนนานก็อาจกลับมาสู่ภาวะปกติในระยะเวลาไม่นานนัก อย่างไรก็ดี ก็อาจมีความท้าทายจากลักษณะพฤติกรรมผู้บริโภคจีนที่อาจเปลี่ยนไปจากสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซาในประเทศ ซึ่งรัฐบาลจีนเองก็ได้ออกมาตรการจำนวนมากเพื่อกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจและดึงความเชื่อมั่นในตลาดกลับมาสู่ภาวะปกติ ผู้ประกอบการไทยเองควรต้องคำนึงถึงปัจจัยดังกล่าวและอาจคิดกลยุทธ์เพื่อเร่งปรับตัวระยะสั้นในสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปนี้
ในภาพรวม ศูนย์ฯ คาดการณ์ว่า ยังมีโอกาสที่มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับมณฑลยูนนานจะสามารถเติบโตได้ในปีนี้ แม้อัตราการขยายตัวอาจลดลงจากปีก่อนหน้าเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ดี การเร่งคลี่คลายสถานการณ์การแพร่ระบาดฯ และการกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วของระบบสังคมและเศรษฐกิจในมณฑลยูนนานภายในไม่เกินกลางไตรมาสที่สองของปีนี้ จะเป็นสองปัจจัยสำคัญที่สัมพันธ์กับการคาดการณ์ข้างต้น
[1] Deng, William. and Wang, Tao. “Experience will help Asian economies to ride out virus.” China Daily Online, 21 February 2020. Retrieved from http://www.chinadaily.com.cn/a/202002/21/WS5e4f26eba31012821727925a.html