จีนเตรียมเข้าสู่ “ยุคเบบี้บูมเมอร์” รอบใหม่ คาดกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ

7 Feb 2017

เมื่อเดือน ต.ค. 2558 จีนได้ยุตินโยบาย “ลูกคนเดียว” ที่ใช้มานานกว่า 3 ทศวรรษ และประกาศเริ่มใช้นโยบาย “ลูกคนที่สอง” อย่างเป็นทางเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 59 โดยในปี 2559 จีนมีจำนวนเด็กทารกเกิดใหม่พุ่งสูงขึ้นจากเดิมเฉลี่ยอยู่ที่ 16 ล้านคนต่อปี (ช่วงปี 2546- 2556) เป็น17.86 ล้านคน ทุบสถิติครั้งแรกในรอบ 16 ปี ในขณะที่ผู้หญิงในวัยเจริญพันธ์ลดลงประมาณ 5 ล้านคน แต่สถิติทารกเกิดใหม่กลับเพิ่มขึ้น

ในระยะเวลา 1 ปีภายหลังการประกาศนโยบายลูกคนที่สอง ผลลัพธ์ที่ปรากฏ คือ (1) ความไม่เท่าเทียมกันด้านสิทธิการให้กำเนิดบุตรระหว่างพนักงานของรัฐและบุคคลทั่วไปลดลง (2) ตามจำนวนประชากรเกิดใหม่ที่เพิ่มขึ้น ได้ช่วยชะลอความเร็วของการเพิ่มจำนวนผู้สูงอายุในระดับหนึ่ง รวมทั้งให้เวลาสำหรับการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจและหลักประกันสังคม (3) ช่วยกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศและคลายความกดดันทางเศรษฐกิจ

ผลสำรวจชี้ว่า มณฑลแถบภาคกลาง ภาคตะวันตก และเมืองขนาดกลางกับขนาดเล็ก จะมีสถิติการให้กำเนิดลูกคนที่สองสูงกว่าฝั่งภาคตะวันออก และในเมืองใหญ่ ๆ จากภาวะเศรษฐกิจที่ต่างกันในแต่ละภูมิภาค ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูลูกคนที่สองอาจสูงเกินไป และอิทธิพลจากวัฒนธรรมตามท้องถิ่น ซึ่งแถบที่เคร่งในประเพณีดั้งเดิมจะมีอัตราสูงในการคลอดบุตรคนที่สอง

ในอีกปีสองปีข้างหน้า เมื่อจีนเข้าสู่ “ยุคเบบี้บูมเมอร์” อย่างเต็มตัว คาดจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจจีนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกไปในทิศทางที่ดี เพิ่มการบริโภคภายในประเทศ และเพิ่มช่องทางการลงทุน อาทิ ธุรกิจเครื่องใช้สำหรับแม่และเด็ก (เช่น นมผง ขวดนม ผ้าอ้อม เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ ของเล่นสำหรับเด็ก ฯลฯ) ธุรกิจด้านการศึกษาและการอบรมต่าง ๆ อาทิ โรงเรียนฝึกสอนเนิสเซอรี่ ธุรกิจด้านการรักษาและสุขภาพของแม่และเด็ก (เช่น วิตามินบำรุง วัคซีน การพยาบาล อุปสงค์ด้านสูตินรีเวชศาสตร์ ฯลฯ) และธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์

เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครเฉิงตู

ข่าวที่เกี่ยวข้อง


ข่าวยอดนิยม

อ่านข่าวอื่น

BACK TO TOP

กลับขึ้นด้านบน