จีนปัดฝุ่นแผนปฏิรูปด้านพลังงาน เล็งแปรรูปบริษัทไฟฟ้ายักษ์ใหญ่
21 Mar 2013หลังจากการประชุม “สองสภา” เพิ่งผ่านพ้นไป กระแสการปฏิรูปแยก “รัฐ-วิสาหกิจ” ออกจากกันกำลังเป็นประเด็นที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดประเด็นหนึ่ง หนึ่งในรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในข่ายพิจารณาปฏิรูปนั้นก็คือ รัฐวิสาหกิจด้านการไฟฟ้า โดยในปี 2555 ที่ผ่านมา นายหลี่ เค่อเฉียง ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเห็นสนับสนุนการเดินหน้าปฏิรูปรัฐวิสาหกิจดังกล่าว พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องศึกษาความเป็นไปได้ในการปฏิรูป
แรงผลักดันการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจด้านการไฟฟ้าเริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยอดีตนายกรัฐมนตรีจู หรงจี ที่ได้ออกหนังสือ “แผนการปฏิรูปโครงสร้างพลังงานไฟฟ้าของจีน” ในปี 2545 แผนดังกล่าวได้ผลักดันให้รัฐวิสากิจผูกขาดเดิมแยกตัวออกเป็นบริษัทลูกต่างๆ และจัดตั้ง “คณะกรรมการกำกับดูแลพลังงานไฟฟ้าแห่งชาติ” ขึ้น อย่างไรก็ดี ตลอดช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา การปฏิรูปวิสาหกิจด้านพลังงานไฟฟ้าของจีนกลับไม่มีความคืบหน้า ขณะที่ บริษัทลูกที่แยกตัวออกมาอย่าง State Grid ก็ได้กลายมาเป็นผู้ผูกขาดตลาดรายใหม่แทน
บริษัท State Grid เป็นผู้ส่งจ่ายไฟให้กับ 26 มณฑล/เขตปกครองตนเอง/นครที่ขึ้นตรงกับรัฐบาลกลาง ครอบคลุมพื้นที่กว่าร้อยละ 88 ของทั้งประเทศ ในปี 2555 State Grid จำหน่ายไฟทั้งสิ้น 3.2539 ล้านล้านยูนิต คิดเป็นรายรับกว่า 1.8855 ล้านล้านหยวน State Grid มีพนักงานทั้งสิ้น 1.5 ล้านคน มีทุนจดทะเบียนกว่า 2 แสนล้านหยวน นอกจากธุรกิจไฟฟ้า State Grid ยังมีบริษัทลูกจำนวนมาก และเนื่องด้วยกระแสเงินสดไหลเวียนจำนวนมหาศาลในแต่ละปีมากกว่า 2 แสนล้านหยวน หนึ่งในธุรกิจที่ State Grid ครอบครอง คือ บริษัทเงินทุน ซึ่งมีการลงทุนตั้งแต่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ เหมืองถ่านหิน ไปจนถึงตลาดหุ้น ประกันภัย และตลาดซื้อขายล่วงหน้าต่างๆ ตลอดจนไปลงทุนในต่างประเทศ โดยจนถึงเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา ยอดสินทรัพย์สุทธิในต่างประเทศของ State Grid มีมากกว่า 8 พันล้านเหรียญดอลลาร์ สรอ.
เห็นได้ว่า State Grid เป็นรัฐวิสาหกิจขนาดยักษ์ ซึ่งจากความ “ใหญ่จนเกินพอดี” นี้เอง ที่สะท้อนปัญหาของวิสาหกิจการไฟฟ้าที่ผูกขาดการซื้อการขาย ขณะที่การกำหนดราคาค่าไฟก็ไม่มีกลไกตลาดใดๆมารองรับ จากสถิติปี 2553 ค่าไฟเฉลี่ยของจีนอยู่ที่ 0.58 หยวน/ยูนิต โดยในบางพื้นที่ ค่าไฟที่ใช้ในการพาณิชย์และอุตสาหกรรมสูงเกิน 1 หยวน/ยูนิต เมื่อเทียบกับประเทศอื่น เช่น เกาหลีใต้ ค่าไฟที่ใช้ในครัวเรือนอยู่ที่ประมาณ 0.48 หยวน/ยูนิต และค่าไฟที่ใช้ในการพาณิชย์และอุตสาหกรรมอยู่ที่เพียง 0.36 หยวน/ยูนิตเท่านั้น ขณะที่ประเทศอื่นอย่างฝรั่งเศส อังกฤษ ญี่ปุ่น และสหรัฐ ต่างมีอัตราค่าไฟต่อรายได้ต่อหัวของประชากรต่ำกว่าจีนทั้งสิ้น
นอกจากการผูกขาดทั้งด้านอุปสงค์อุปทานและการควบคุมราคาแล้ว การที่ State Grid นำเงินจำนวนมหาศาลไปลงทุนในธุรกิจประเภทอื่นนอกเหนือไปจากธุรกิจไฟฟ้า รวมทั้งไปลงทุนในต่างประเทศ ก็ก่อให้เกิดข้อวิจารณ์ความไม่เหมาะสมของสถานะของการเป็นรัฐวิสาหกิจด้านการไฟฟ้าของชาติ เนื่องจากยังมีอีกหลายพื้นที่ในชนบทของจีนที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้อย่างเพียงพอ และรัฐบาลต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบด้านเงินลงทุนเหล่านี้แทน ความกว้างและซับซ้อนในการลงทุนของ State Grid ยังทำให้การกำกับดูแลของรัฐเป็นไปอย่างยากลำบาก และเมื่อไม่สามารถควบคุมบัญชีของ State Grid ได้ การคำนวณต้นทุนค่าไฟที่แท้จริงของจีนจึงได้รับผลกระทบไปด้วย
ล่าสุด ภายหลังการประชุม “สองสภา” แนวทางการปฏิรูปได้รับการตอกย้ำอีกครั้งจากคณะผู้นำจีนชุดใหม่ โดยคณะรัฐมนตรีจีนได้มีมติควบรวม “คณะกรรมการกำกับดูแลพลังงานไฟฟ้าแห่งชาติ” ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ความพยายามในการปฏิรูปครั้งแรกแต่กลับไม่มีบทบาทมากนัก เข้ารวมกับกรมพลังงานแห่งชาติ และเมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา กรมพลังงานได้ประกาศว่า นายอู๋ ซินสยง ประธานคณะกรรมการพลังงานไฟฟ้าดังกล่าว จะเข้ามารับตำแหน่งเป็นเป็นอธิบดีกรมคนใหม่พร้อมควบตำแหน่งรองประธานคณะกรรมพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (National Development and Reform Commision—NDRC)
การเข้ารับตำแหน่งของนายนายอู๋ ซินสยงถูกคาดการณ์ว่า เป็นการเข้ามาเพื่อผลักดันวาระการปฏิรูปโดยเฉพาะ โดยแนวทางการปฏิรูปนั้น คาดว่า จะมีการแบ่ง State Grid เป็น 5 บริษัทย่อยตามภูมิภาคอันได้แก่ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันตกเฉียงเหนือ และสร้างกลไกการกำหนดราคาค่าไฟที่สมเหตุสมผล รวมทั้งผลักดันบริษัทที่มีศักยภาพเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เพื่อให้มีความโปร่งใสในการบริหารมากขึ้น หลังจากการปฏิรูปที่หยุดชะงักมากว่า 10 ปี ความพยายามในการปฏิรูปครั้งใหม่นี้จะไปได้ไกลแค่ไหน เป็นเรื่องที่ต้องติดตามดูกันต่อไปครับ