กระแสท่องเที่ยวไทยในตลาดนักท่องเที่ยวจีนตะวันตกภายในงาน “Amazing Thailand Road Show to China 2013” โดย ททท. (ตอนแรก)
29 Mar 2013หลายปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจีนได้กลายมาเป็นตลาดที่สำคัญและมีอนาคตของประเทศไทย จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสถิติของกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาระบุว่า ในปี 2555 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปเที่ยวไทยมีจำนวนถึง 2.8 ล้านคน เพิ่มขึ้นกว่า 60% ครองสัดส่วนตลาดท่องเที่ยวจีนที่ 9%

ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
นอกจากนี้ ตลาดนักท่องเที่ยวจีนในภาคตะวันตกที่เดินทางไปเที่ยวประเทศไทยก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน จากสถิติของ สกญ. ณ นครเฉิงตู ระบุว่า มีปริมาณชาวจีนทั้งในพื้นที่มณฑลเสฉวนและนครฉงชิ่งที่ได้ขอรับตรวจลงตราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยในปี 2555 มีทั้งสิ้น 171,910 ราย เพิ่มขึ้น 57.7% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จากตัวเลขทั้ง 2 ชี้ให้เห็นว่าไทยเรานั้นได้กลายมาเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของนักท่องเที่ยวจากแดนมังกรไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยรวมถึงนักท่องเที่ยวจากภาคตะวันตกอย่างมณฑลเสฉวน นครฉงชิ่ง และอื่นๆ ด้วยอีกเช่นกัน
ลองมาดูสถิติการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศของชาวจีนทั่วประเทศในช่วงที่ผ่านมาโดยสังเขปจากข้อมูลของ Market Briefing for TATAOP 2013 ระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องราว 20% นับจากปี 2525 เป็นต้นมา
ย้อนไปดูตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนไปเที่ยวต่างประเทศในปี 2554 พบว่ามีจำนวนราว 70.25 ล้านคน เพิ่มขึ้น 22% และเพิ่มขึ้นเกิน 80 ล้านคนแล้วในปี 2555 ทางการจีนยังได้คาดการณ์ว่าอัตราการเพิ่มขึ้นจำนวนนักท่องเที่ยวจีนไปเที่ยวต่างประเทศระหว่างปี 2555-2556 นั้นจะมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่ำที่ 10% จะมีตัวเลขถึง 100 ล้านคน ภายในปี 2558
เป็นที่น่ายินดีว่าไทยมีส่วนแบ่งตลาดนักท่องเที่ยวจีนในปี 2555 ที่จำนวนถึง 9% นับว่าเป็นความ “เฮง” ส่งท้ายปีเก่าและต้อนรับปีใหม่ 2556 กับความ “เฮง” อีกครั้งด้วยด้วยคลื่นนักท่องเที่ยวจีนระลอกแรกของปีที่ได้เดินทางมาเที่ยวไทยในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา ซึ่งจากสถิติของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ระบุว่าในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2556 มีนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวไทยเป็นจำนวนถึง 417,099 คน เป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นสูงถึง 162.75% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว ส่งผลให้แนวโน้มภาคการท่องเที่ยวไทยในไตรมาสแรกของปีสดใสคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวอีกไม่ต่ำกว่า 800,000 คน เพิ่มขึ้น 37.9% สร้างรายได้สะพัดให้กับประเทศไทยกว่า29,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 44.4% อีกทั้งยังคาดว่า เมื่อสิ้นสุดปี 2556 จะมีนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวไทยเป็นจำนวนกว่า 3.3 ล้านคน
สำหรับความ “เฮง” ครั้งใหม่ที่กำลังจะมาถึงกับคลื่นนักท่องเที่ยวจีนที่กำลังจะมาเยือนประเทศไทยในช่วงสงรานต์ เม.ย. 56 ของบ้านเราที่ใกล้เข้ามาแล้วในอีกไม่กี่สัปดาห์ หนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจีนที่มีแนวโน้มไปเยือนเป็นจำนวนมาก คือ จ.เชียงใหม่ ซึ่งพบว่ายอดการจองห้องพักจนถึงขณะนี้เต็มเกือบแล้วถึง 90% โดย 45% เป็นของนักท่องเที่ยวจีน อีกทั้งยังมีคาราวานรถยนต์กว่า 200 คัน เตรียมเคลื่อนขบวนจากจีนมุ่งหน้าสู่ไทยโดยมีจุดหมายปลายทางที่เชียงใหม่ด้วยเช่นกัน
กล่าวได้ว่ากระแสท่องเที่ยวไทยเริ่มร้อนแรงขึ้นเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา และมากขึ้นๆ อย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ 2555 ต่อเนื่องจนถึงขณะนี้ โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ในประเด็นสนทนาอย่างหนาหูและเริ่มรู้จักกันอย่างกว้างขวางของเหล่าบรรดานักท่องเที่ยวชาวจีน เรียกได้ว่าแทบทุกคนตั้งเป้าหมายอยากไปเยือน คือ จ.เชียงใหม่
เชียงใหม่ได้กลายมาเป็นจังหวัดยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีนอย่างรวดเร็วแบบชนิดชาวเชียงใหม่เอง “ตั้งหลักให้บริการกันไม่ทัน” ส่วนหนึ่งต้องขอขอบคุณภาพยนตร์จีนแนวคัมมาดี้เรื่อง “ไท่จ่ง” หรือ “Lost in Thailand” ที่ยกคณะกองถ่ายจากจีนแผ่นดินใหญ่เขามาถ่ายทำใน จ.เชียงใหม่ หลังจากที่ได้เข้าฉายทั่วประเทศจีน ซึ่งนอกจากจะกวาดรายได้เข้ากระเป๋าสูงสุดในประวัติศาสตร์วงการแผ่นฟิล์มแดนมังกรแล้ว ยังช่วยปลุกกระแสคลั่งไคล้ท่องเที่ยวไทยกันอย่างชนิด “ตามรอยภาพยนตร์” กันเลยทีเดียว
“ไท่จ่ง หรือ แก๊งม่วนป่วนไทยแลนด์” ยังปลุกดีกรีความกล้าของเหล่าบรรดาหนุ่มสาววัยรุ่นจีนยุคใหม่ที่รักความท้าทายและความเป็นอิสระให้ก้าวออกนอกประเทศไปเที่ยวเมืองไทยตามแบบภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว จนเกิดกระแสท่องเที่ยวไทย “แบบอิสระ” หรือ “แบบแบ็คแพ็ค” เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวตะวันตก
เห็นได้ว่านักท่องเที่ยวจีนเริ่มมีรูปแบบการท่องเที่ยวที่หลากหลายมากขึ้น สเกลของปริมาณนักท่องเที่ยวแบบเป็นหมู่คณะเริ่มเล็กลงกว่าแต่ก่อนที่ทุกคนนิยมท่องเที่ยวเป็นกรุ๊ปทัวร์กลุ่มใหญ่ๆ ไปตามโปรแกรมท่องเที่ยวเดิมๆ สถานที่เดิมๆ ทำกิจกรรมเดิมๆ ที่จัดเตรียมโดยบริษัทท่องเที่ยว
ปัจจุบัน คนจีนโดยเฉลี่ยมีรายได้เข้ากระเป๋ามากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นผลมากจากการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งของเศรษฐกิจภายในประเทศ จำนวนรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คนระดับกลางในสังคมเพิ่มจำนวนมากขึ้น เมื่อมีเงิน ย่อมหมายถึงความมีศักยภาพในการจับจ่าย สรรหาสิ่งที่มีคุณภาพให้กับของตนเองและครอบครัว รวมไปถึงการให้รางวัลของชีวิตด้วยการเดินทางไปเที่ยวนอกประเทศ ซึ่งจากทัศนคติของคนจีนสมัยใหม่เป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยากเลย
ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายบริษัทท่องเที่ยวจีนท้องถิ่นที่ต้องปรับกระบวนท่าสรรหารูปแบบกิจกรรมสถานที่ท่องเที่ยวแบบใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์สร้างจุดขายเพื่อจูงใจลูกค้า เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวจีนด้วยกันเองที่นับวันเริ่มมีความพิถีพิถัน มีความละเอียดถี่ถ้วน ใส่ใจเรื่องคุณภาพและการบริการด้านการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เข้ามาแทนที่การทำทัวร์ที่เน้นแต่การป้อนจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในลักษณะกรุ๊ปทัวร์แบบเหมาบริการและเสนอราคาแพ็คเกจที่ถูกเพียงอย่างเดียว
เมื่อกระแสท่องเที่ยวไทยในตลาดจีนทวีความเข้มข้นขึ้นเช่นนี้ จึงเป็นโอกาสที่ดีในการต่อยอดการท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดรายได้เข้าสู่ประเทศไทยของเรา โดยที่เราเองต้องพยายามสร้าง “แบรนด์การท่องเที่ยวไทย” สู่ “แบรนด์การท่องเที่ยวคุณภาพ” เพื่อครองใจนักท่องเที่ยวจีนกระเป๋าหนักรุ่นใหม่
ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวเที่ยวไทย จัดงานส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวในตลาดจีนแบบ “โรดโชว์” ในโครงการ “
Amazing Thailand RoadShow to China 2013” อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปีหมุนเวียนไปตามเมืองสำคัญที่มีศักยภาพของจีน
งานดังกล่าวจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11,13 และ 15 มี.ค. 56 โดย ททท. เลือกเฟ้น 3 เมืองสำคัญที่มีศักยภาพ ซึ่งมี 2 เมืองใหญ่จากภาคตะวันตกอย่างนครคุนหมิง นครเฉิงตู และอีก 1 เมืองสำคัญอย่างเมืองเซินเจิ้น โดยหวังกระตุ้นตลาดและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในตลาดนครเฉิงตู เร่งยอดขายรายการนำเที่ยวแบบ “แพ็คเกจ” ประเทศไทย นำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวใหม่ๆ ของไทย ภายใต้คอนเซ็ปท์ “Amazing Thailand Always Amazes You”

ภาพ เรือโท โกเมศ กมลนาวิน กงสุลใหญ่ ณ นครเฉิงตู ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในงาน Amazing Thailand Road Show to China 2013
ด้านผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยในฐานะ “ผู้ขาย” ที่ได้เดินทางมาร่วมงานมีจำนวน 39 หน่วยงาน (ได้แก่ ผู้ประกอบการโรงแรม 20 แห่ง บริษัทนำเที่ยว 11 แห่ง ธุรกิจสนามกอล์ฟ 2 แห่ง และอื่นๆ 6 แห่ง ได้แก่ สายการบิน ดิวตี้ฟรี ผู้ประกอบการด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ และสวนสัตว์) และผู้ประกอบการท่องเที่ยวมณฑลเสฉวน ซึ่งทั้งหมดรวมแล้วเป็นจำนวนมากกว่า 100 บริษัท สร้างโอกาสการพบปะเจราจาระหว่างผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยวทั้ง 2 ฝ่ายโดยตรง เพื่อบรรลุผลสำเร็จความต้องการของตลาดจีนในภาคตะวันตกอย่างแท้จริง
และนี่เป็นสิ่งที่ยืนยันให้เห็นว่า ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับจีน โดยเฉพาะในมณฑลเสฉวน ได้เดินมาถึงก้าวย่างที่สำคัญ ถึงเวลาที่จะต้องยกระดับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่าง 2 ภูมิภาคให้พัฒนาต่อไปยิ่งขึ้น
ศูนย์ข้อมูลธุรกิจฯ นครเฉิงตู ได้ทำการสำรวจข้อมูลภาพรวมสถานการณ์การท่องเที่ยวภายในงานพบว่า นักท่องเที่ยวจีนที่ไปเที่ยวต่างประเทศโดยผ่านบริษัททัวร์รายใหญ่ในจีนเติบโตเฉลี่ย 42% ต่อปี หากมองเฉพาะภาคตะวันตกของจีนนั้นเติบโตเฉลี่ยถึง 47% ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวที่มาจากเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยและซินเจียงเติบโตทะลุ 70%
ตลาดนักท่องเที่ยวในภาคตะวันตกเติบโตอย่างรวดเร็วมาก ททท. จึงมีแผนประชาสัมพันธ์ต่อเนื่องโดยโฟกัสไปสู่ตลาดท่องเที่ยวในเมืองใหญ่ระดับ 2 และ 3 ของมณฑลในภาคตะวันตก สำหรับแนวทางกระตุ้นนักท่องเที่ยวภาคตะวันตกในปี 2555-2556 ให้มาเที่ยวเมืองไทยนั้น เน้น “เทรนด์การท่องเที่ยวแบบใหม่” และขยายตลาดครอบคลุมกลุ่มนักท่องเที่ยววัยหนุ่มสาว (เกิดในช่วงทศวรรษ 80 และ 90) ที่กำลังขึ้นก้าวขึ้นมาเป็นตลาดกลุ่มสำคัญของภาคการท่องเที่ยวไทย รวมถึงเพิ่มเติมแหล่งนวัตกรรมด้านการท่องเที่ยวใหม่ๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวจีนได้สัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวไทย “เชิงคุณภาพ หรูหรา ไฮเอ็น” อย่างแท้จริงที่นับวันเริ่มมีดีมานด์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ การเพิ่มช่องทางการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยในตลาดจีนโดยใช้ “โซเชียลมีเดีย” อาทิ Weibo, Weixin, QQ, MSN, Email เป็นต้น ได้กลายเป็นช่องทางใหม่ที่จะนำข้อมูลข่าวสารเข้าถึงผู้คนในสังคมจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับการเพิ่มจำนวนในกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบอิสระ

ภาพบรรยากาศภายในงาน
จุดเด่นการท่องเที่ยวไทยมีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนตะวันตก
ตัวแทนบริษัททัวร์เอเย่นต์ในนครเฉิงตูให้ข้อมูลกับศูนย์ข้อมูลธุรกิจฯ นครเฉิงตูว่า ตลาดนักท่องเที่ยวในมณฑลเสฉวน โดยเฉพาะจากนครเฉิงตูครองสัดส่วนนักท่องเที่ยวจากภาคตะวันตกมากถึง 70% รองลงมาคือนักท่องเที่ยวจากนครฉงชิ่ง กุ้ยโจว ซีอัน และซินเจียง และเมื่อมีความคิดอยากเดินทางไปเที่ยวในแถบเซาท์อีสเอเซียแล้วนักท่องเที่ยวจากจีนตะวันตกส่วนใหญ่มากกว่า 60% จะนึกถึงประเทศไทยและต้องการมาเที่ยวไทยเป็นประเทศแรก เพราะมีทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงาม โดยนักท่องเที่ยวชาวเฉิงตูจะชอบไปเที่ยวทะเลที่เมืองไทยมากที่สุด
นอกจากนั้น ประเทศไทยยังมีวัฒนธรรมประเพณีอันเป็นเอกลักษณ์อันล้ำค่า มีศาสนสถาน วัดวาอารามให้นักท่องเที่ยว เข้ามาสักการะ และชื่นชมความงดงาม ความเป็นมิตรและรอยยิ้มของคนไทย การมีกิจกรรมไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพียบพร้อม มีอาหารการกินที่แสนอร่อย ระบบการบริการภาคการท่องเที่ยวที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งมีค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวที่ถูกเมื่อเทียบกับการไปเที่ยวต่างมณฑลในจีนเองหรือในประเทศอื่นๆ สิ่งเหล่านี้เป็นจุดเด่นของประเทศไทยที่นักท่องเที่ยวจากจีนตะวันตกที่ได้มาแล้วจะต้องกลับมาอีก
จุดเด่นของนักท่องเที่ยวที่มาจากนครเฉิงตู
เป็นที่รู้กันดีว่าชาวเฉิงตู “ชอบมีหน้ามีตา กล้าจ่าย กล้าซื้อ” เห็นได้จากสินค้าแบรนด์เนมดังต่างๆ จากทั่วโลก พร้อมใจกันเข้ามาเปิดตลาดในนครเฉิงตูกันอย่างคับคั่ง ซึ่งสินค้าแต่ละอย่างราคาแพงชนิดคนธรรมดาอย่างเราๆ แทบจะจับต้องไม่ได้
แต่สำหรับคนเฉิงตูแล้วเรียกได้ว่าสังคมในปัจจุบันมีการพัฒนาจนทำให้วิถีชีวิตเริ่มผูกติดกับสินค้าฟุ่มเฟือยสินค้าจากต่างประเทศราคาสูง ทำให้รู้สึกว่าหากจะซื้อสินค้าแบรนด์ดังราคาแพงนั้น สามารถทำได้ กล้าใช้ กล้าจ่าย กล้าอวด เพื่อให้ได้รับการยอมรับและความมีหน้ามีตาในสังคม ทัศนคติเหล่านี้นั้นทำให้มีคำพูดติดสนุกในกลุ่มคนสนทนาที่ว่า “สิ่งที่น่าเสียดายที่สุดในชีวิต คือ การที่เราจากโลกนี้ไปแล้วแต่เงินยังอยู่เต็มในบัญชีธนาคาร”
ปัจจุบัน คนระดับสูงมีฐานะรวมถึงคนระดับกลางในสังคมก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นตามการเติบโตทางเศรษฐกิจ ส่งผลต่อค่าครองชีพในนครเฉิงตูสูงขึ้น ซึ่งนับว่าแพงสุดเมื่อเทียบกับนครใหญ่ในเขตภาคตะวันตก (โดยใกล้เคียงกับนครใหญ่ทางภาคตะวันออกอย่างนครเซียงไฮ้ กวางโจว เซินเจิ้น แล้ว) แต่สินค้าบริโภคที่แพงถึงกระนั้น ผู้คนก็ยังคงปรับตัวจับจ่ายใช้สอยกันตามปกติ
แน่นอนที่สุด เมื่อได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาเที่ยวเมืองไทย นักท่องเที่ยวชาวเฉิงตูแทบทุกคนต่างตกตะลึงกับราคาสินค้าไทยในตลาดที่ถูกและเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ซึ่งถ้าซื้อสินค้ารายการเดียวกันในนครเฉิงตูแล้วราคาจะแพงกว่าหลายเท่า นั่นหมายความว่า “จ่ายเงินในราคาเดียวกันแต่ได้สินค้าและบริการในประเทศไทยที่สุดยอดกว่านั่นเอง” หลายคนที่นี่จึงมีแนวความคิด “ขวนขวายหาเงินที่นี่ออมไว้ไปท่องเที่ยวใช้จ่ายอย่างมีความสุขที่เมืองไทยดีกว่า”
โปรดติดตาม กระแสท่องเที่ยวไทยในตลาดนักท่องเที่ยวจีนตะวันตกภายในงาน “Amazing Thailand Road Show to China 2013” โดย ททท. (ตอนจบ) ในครั้งต่อไป
จัดทำโดย นายชลพรรษ ตั้งตระการ
ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในจีน ณ นครเฉิงตู
วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556
แหล่งที่มา
1. จากการสำรวจข้อมูลภายในงาน“Amazing Thailand Road Show to China 2013” วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556
2. ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
3. www.chiangmainews.co.th
4. Market Briefing for TATAP 2013
สามารถสอบถามข้อมูลทั่วไปกับศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในจีนได้โดยผ่านทางอีเมลล์ [email protected]