กระแสท่องเที่ยวไทยในตลาดนักท่องเที่ยวจีนตะวันตกภายในงาน “Amazing Thailand Road Show to China 2013” โดย ททท. (ตอนจบ)

29 Mar 2013

ศึกษาพฤติกรรมนักท่องเที่ยวชาวเฉิงตูที่ไปเที่ยวเมืองไทย สู่โอกาสการพัฒนารองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต

“การเดินทางจากนครเฉิงตูถึงประเทศไทยใช้เวลาเพียงไม่ถึง 3 ชม. ก็สามารถไปเที่ยวชื่นชมความงดงามของทะเลไทย ทานอาหารไทยอร่อยๆ ของทะเลสดๆ ผลไม้ไทยหลากชนิด พักโรงแรมหรูๆ สัมผัสการบริการที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มด้วยการต้อนรับอันอบอุ่น ช้อปปิ้งสินค้าคุณภาพราคายุติธรรม นำกลับไปเป็นของฝากที่ระลึก” – นี่เป็นความคุ้มค่าที่สามารถตอบคำถามในเบื้องต้นว่า เพราะอะไรนักท่องเที่ยวจากนครเฉิงตูถึงชอบที่จะมาเที่ยวเมืองไทยบ้านของเรา

ปัจจุบัน ชาวเฉิงตูมีคุณภาพชีวิตที่ดีเทียบเท่านครใหญ่ทางภาคตะวันออกของประเทศ ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานของเมืองเทียบเท่าชาติตะวันตก เรียกได้ว่า นครเฉิงตูได้ย่างก้าวเข้าสู่ยุคสังคม “อินเตอร์” เป็นที่เรียบร้อย ความต้องการแสวงหาการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพก็สูงขึ้นตาม

ตัวแทนบริษัททัวร์ในเฉิงตูให้ข้อมูลว่า รูปแบบการท่องเที่ยวไทยที่คิดว่าสามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวคุณภาพได้นั้น จำแนกได้ 2 กลุ่ม

กลุ่มที่ 1 นักท่องเที่ยวที่อยู่ในช่วงวัยกลางคน (ที่เกิดในช่วงทศวรรษ 50, 60 และ 70) กลุ่มนี้สนใจท่องเที่ยวดูชมในสิ่งที่ไม่เคยเห็นที่มีเฉพาะที่ประเทศไทยเท่านั้น เช่น วัดวาอาราม โบราณสถาน การแสดงสันทนาการต่างๆ เป็นต้น สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ เช่น พัทยา กาญจนบุรี (กิจกรรมสันทนาการบนแพ) เป็นต้น

กลุ่มที่ 2 นักท่องเที่ยววัยหนุ่มสาวรุ่นใหม่ (เกิดในช่วงทศวรรษ 80, 90) ที่เกิดและเติบโตมากับความเจริญและมีวิถีชีวิตในสังคมเมืองสมัยใหม่ (เทียบได้กับคนกรุงเทพฯ) นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จึงมักชอบผจญภัย ท่องเที่ยวธรรมชาติ นิยมกิจกรรมกลางแจ้ง ชอบเที่ยวแบบสไตล์ “แบ็คแพ็คเกอร์” ไม่ชอบขึ้นกับกรุ๊ปทัวร์ สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ เช่น เชียงใหม่ อัมพวา สมุย กระบี่ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวเฉิงตูในขณะนี้ ต้องยอมรับว่ามีความต้องการท่องเที่ยวไทยในเชิงคุณภาพและค้นหาเทรนด์แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างคาดหวังว่า การใช้จ่ายเงินจำนวนมากในการไปเที่ยวเมืองไทยเพื่อแสวงหาประสบการณ์แบบ “เที่ยว กิน อยู่ อย่างหรูหรา อย่างราชา” ในแบบฉบับที่จับต้องไม่ได้ในชีวิตประจำวัน หรือไม่ก็แสวงหาความเป็น “ยูนีค” ของแหล่งท่องเที่ยวที่ต้องมีเรื่องราวประวัติศาสตร์ มีรูปลักษณ์สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นเฉพาะถิ่น อาจเป็นการท่องเที่ยวแบบ “โฮมสเตย์” โดยอยู่อาศัย เรียนรู้วิถีชีวิตประจำวันของคนท้องถิ่นนั้นๆ ถือเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ของชีวิตที่สัมผัสไม่ได้ในนครเฉิงตู

แล้วนักท่องเที่ยวชาวเฉิงตู นิยมเที่ยวไทยที่ไหนบ้าง? ตัวแทนบริษัททัวร์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตลาดนักท่องเที่ยวของนครเฉิงตูนั้นนิยมเที่ยวในเส้นทาง กทม-พัทยา (6-7 วัน) รวมถึงเส้นทางท่องเที่ยวสู่ จ.สุพรรณบุรี เที่ยวอัมพวา และกาญจนบุรี (7-8 วัน) นอกจากนี้เริ่มมีเส้นทางยอดนิยม กทม.-เชียงใหม่ ตามรอยภาพยนตร์ “ไท่จ่ง หรือ ลอส อิน ไทยแลนด์” (5-6 วัน) อีกด้วย

และหากไปเที่ยวทะเลก็นิยมไปภูเก็ตมากเป็นอันดับ 1 โดยมีอัตราขยายตัวราว 30% รวมถึงกระบี่ (ทัวร์แต่งงานฮันนีมูน) และ สมุย ซึ่งเป็นทัวร์แบบอิสระ FIT (Foreign Individual Tourist) เป็นต้น กล่าวคือ จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวทั่วไปที่ขายดีสุดในตลาดนครเฉิงตู คือ กทม. ภูเก็ต พัทยา และเชียงใหม่ ส่วนจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวตามฤดูกาลที่ขายดีที่สุดในตลาดนครเฉิงตู คือ สมุย

นอกจากนี้ ยังมีการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่อยู่ในรูปของ “กลุ่มคาราวานรถยนต์ท่องไทย” จากมณฑลเสฉวนขับลงใต้สู่มณฑยูนนานผ่าน สปป.ลาว เชียงราย เชียงใหม่ สุโขทัย โคราช กทม. รวมถึงขับไปยังจุดหมายปลายทางแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น พัทยา หัวหิน สมุย กระบี่

ปัจจุบัน การท่องเที่ยวคาราวานรถยนต์ได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้เส้นทางท่องเที่ยวไม่จบอยู่ที่ไทยเท่านั้น ยังมีการขยายเส้นทางต่อลงไปถึงประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์อีกด้วย จนมีคำกล่าวที่ว่า “การท่องเที่ยวไทยไปแบบคาราวานนั้นดังมาก่อนหน้าหนังเรื่องไท่จ่งเสียอีก”

ตัวแทนบริษัททัวร์กล่าวต่อว่า รูปแบบการท่องเที่ยวตอนนี้เริ่มมีการปรับเปลี่ยน จากเริ่มแรกเมื่อ 6-7 ปีก่อนนั้นส่วนมากอยู่ในลักษณะกรุ๊ปทัวร์แบบเหมาบริการ ราคาอยู่ที่ 3,000-6,000 หยวน แต่ตอนนี้ นักท่องเที่ยวมีรายได้สูงเริ่มนิยมความเป็นส่วนตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้กรุ๊ปมีขนาดที่เล็กลง และมุ่งเป้าทำเป็นลักษณะครอบครัว (3 คน) นั้นได้รับความนิยมมากขึ้น (ทำราคาอยู่ที่ประมาณ 20,000-30,000 หยวน) รวมถึงท่องเที่ยวแบบอิสระ (6-7 คน) ซึ่งล้วนเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่ต้องวางแผนไว้เป็นพิเศษ หรือวางแผนการท่องเที่ยวโดยพิจารณาความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก

นอกจากนี้ ตัวแทนบริษัททัวร์มองว่า การไปเที่ยวไทยของนักท่องเที่ยวชาวเฉิงตูนั้น หากใครยังไม่กล้าที่จะไปเพราะติดปัญหาเรื่องภาษาและปัจจัยอื่นๆ ก็จะไปกับทัวร์เป็นครั้งแรกก่อน เมื่อไปแล้วส่วนใหญ่ก็มีความรู้สึกอยากกลับไปเป็นครั้งที่ 2 โดยเลือกที่จะไปเที่ยวแบบอิสระในแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ด้วยตนเอง ซึ่งมีตัวเลขเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 20% แล้วในขณะนี้ โดยเส้นทางใหม่ที่นักท่องเที่ยวแบบอิสระให้ความสนใจ ได้แก่ เส้นทางท่องเที่ยว กรุงเทพฯ-อัมพวา/กรุงเทพฯ-กาญจนบุรี (ราคา 4,000-5,000 หยวน) โดยเมื่อเทียบสัดส่วนกับแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมได้เพิ่มขึ้นแล้วราว 3-5% ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา นั่นเป็นเพราะการทำประชาสัมพันธ์ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สาขานครเฉิงตู ทำให้นักท่องเที่ยวที่นี่ได้รู้จักแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพเส้นทางใหม่ของไทยเพิ่มขึ้น

สินค้าท่องเที่ยว 5 ประเภทหลักของไทยที่นักท่องเที่ยวชาวเฉิงตูหลงใหลและต้องไปสัมผัสทุกครั้งที่ไปเที่ยวเมืองไทย

อันดับ 1 อาหารไทย ซีฟู้ด ผลไม้ไทย ขนมไทย ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วคนเฉิงตูชอบรับประทานเป็นชีวิตจิตใจ เมื่อไปเที่ยวเมืองไทยแล้วไม่พลาดที่จะต้องชิม ปัจจุบันอาหารไทยเริ่มเป็นที่ยอมรับของชาวเสฉวนแล้วซึ่งรสชาติเริ่มติดปากเป็นที่นิยม เนื่องจากมีรสเผ็ดๆ เปรี้ยวๆ

อันดับ 2 เล่นกิจกรรมเครื่องเล่น รวมถึงชอบไปที่ที่มีความบันเทิงในแหล่งท่องที่ยวต่างๆ เช่น ขี่มอเตอร์ไซด์ เครื่องเล่นทางน้ำ ทางทะเล ดำน้ำ เครื่องเล่นในสวนสนุก เป็นต้น ซึ่งตรงกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวเฉิงตูที่ชอบความสนุกสนาน ท้าทาย ผจญภัย

อันดับ 3 ช้อปปิ้ง นักท่องเที่ยวเฉิงตูเมื่อไปถึงไทยแล้วก็ต้องจับจ่าย สำหรับสินค้าไทยที่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อ คือ ผ้าฝ้ายไทย เพราะมีคุณภาพ ซื้อเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เพราะมีทั้งคุณภาพในราคาที่ถูก เสื้อผ้าสินค้าแบรนด์เนมก็มีราคาถูก อีกทั้งยังมีงานหัตถกรรมของที่ระลึกที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงสินค้าต่างๆ ที่สวนจตุจักรก็เป็นที่นิยมซื้อกลับมาเป็นของฝากด้วยเช่นกัน

อันดับ 4 ใช้บริการนวดไทยแผนโบราณ/การทำสปา ในโรงแรมรีสอร์ทต่างๆ ซึ่งมีชื่อเสียงมาก อีกทั้งมีราคาที่ถูกกว่าการใช้บริการภายในประเทศมาก นักท่องเที่ยวชาวเฉิงตูต่างรู้จักและชอบการทำสปาไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายที่เป็นสุภาพสตรีที่รักสวยรักงามเป็นชีวิตจิตใจ

อันดับ 5 พักรีสอร์ทท่ามกลางธรรมชาติ/โรงแรมหรูหราระดับ 5 ดาว นักท่องเที่ยวชาวเฉิงตูต่างต้องหลงมนต์เสนห์ในภาคการโรงแรมของไทยที่พร้อมไปด้วยคุณภาพ การบริการที่เป็นอันดับหนึ่ง รวมถึงบรรยากาศและการตกแต่งอย่างพิถีพิถัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาที่พักที่คุ้มแสนคุ้ม สมเหตุสมผลกับค่าใช้จ่าย

ข้อจำกัดที่เกิดขึ้นกับการท่องเที่ยวไทยในความเห็นผู้ประกอบการท่องเที่ยวจีนในนครเฉิงตู

เมื่อมองในอีกมุมของภาคการท่องเที่ยวไทยที่ถือเป็นข้อจำกัดต่อการยกระดับด้านการท่องเที่ยวไทยในเชิงคุณภาพ ซึ่งตัวแทนบริษัททัวร์ท้องถิ่นให้ความเห็นและข้อเสนอแนะที่หลากหลายล้วนมาจากประสบการณ์ทำงานตรงที่เป็นประโยชน์ถ่ายทอดให้กับศูนย์ข้อมมูลธุรกิจไทยฯ ให้ได้รับทราบในอีกด้านหนึ่ง

เรื่องที่ 1 “ปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ” (ที่กำลังจะกลายเป็นทัวร์ติดลบเหรียญ) ท่องเที่ยวไทยในรูปแบบเหมาบริการ เน้นปริมาณมากและเสนอราคาทัวร์ที่ต่ำเป็นหลักในการจูงใจให้นักท่องเที่ยวจีนไปไทยแล้วค่อยมีค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตามมาทีหลัง ถือเป็นปัญหาใหญ่และอาจทำลายภาพพจน์ สร้างผลกระทบต่อวงการท่องเที่ยวของไทย อีกทั้งปัญหาทางการเงินที่ความปรวนแปรสูงระหว่างบริษัททัวร์เอเย่นต์ในจีน

ดังนั้น หน่วยงานทั้งฝ่ายไทยและจีนที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและจริงใจ ปรับรูปแบบยกระดับการท่องเที่ยวโดยเน้นที่คุณภาพของนักท่องเที่ยวเป็นสำคัญมากกว่าตัวเลขของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางท่องเที่ยวไทยเพียงอย่างเดียว

เรื่องที่ 2 ปัจจุบันนักท่องเที่ยวชาวเฉิงตูรวมถึงภูมิภาคใกล้เคียงมีความต้องการเดินทางไปเที่ยวไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทว่าการเดินทางสู่ประเทศไทยยังรองรับไม่เพียงพอ มีเพียงเที่ยวบินธรรมดาบินตรงใน 2 เส้นทาง คือ นครเฉิงตู-กรุงเทพฯ และนครฉงชิ่ง-กรุงเทพฯ เที่ยวบินเหมาลำบินตรงในอีก 1 เส้นทาง คือ นครเฉิงตู-ภูเก็ต กอปรกับราคาตั๋วที่ค่อนข้างแพงและเวลาเดินทางที่มีทางเลือกได้ไม่มากนัก

แหล่งที่มา เอกสารประกอบจาก ททท. นครเฉิงตู “Market Briefing for TATAP 2013”

เรื่องที่ 3 นักท่องเที่ยวประสบปัญหารูปแบบการคมนาคมเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวที่ไม่สะดวก ซึ่งอาจเกิดจากระบบการคมนาคมขนส่งที่ไม่เพียงพอ และข้อจำกัดด้านภูมิประเทศของแหล่งท่องเที่ยวที่แตกต่างกัน

เรื่องที่ 4 การประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ของไทย ยังไม่สามารถเข้าถึงตลาดนักท่องเที่ยวจีนในทุกระดับ ทำให้นักท่องเที่ยวจีนไม่ทราบถึงแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพอย่างแท้จริง ดังนั้น การประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในภาพรวมเชิงรุกไปพร้อมๆกับการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ให้เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวจีน จะสร้างผลตอบรับในวงกว้างได้อย่างรวดเร็วและมากกว่าที่บริษัททัวร์ทำโปรโมทด้วยตนเองเพราะทำได้แค่ในวงจำกัด ก็จะยิ่งทำให้นักท่องเที่ยวชาวเฉิงตูกลายเป็นแขกประจำมีจำนวนเพิ่มขึ้น และมีโอกาสไปท่องเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ กระตุ้นการใช้จ่ายให้แก่ภาคการท่งเที่ยวไทยอีกครั้ง

เรื่องที่ 5 ตัวแทนบริษัททัวร์ในเขตจีนตะวันตกขาดการสร้างเครือข่ายโดยตรงกับบริษัททัวร์ของไทย ซึ่งหมายรวมถึงในส่วนภาคการโรงแรม แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นจุดหมายปลายทาง และขาดมัคคุเทศก์ท้องถิ่นที่มีคุณสมบัติตรงตามความต้องการของตลาดนักท่องเที่ยวจีนตะวันตก ทำให้รูปแบบการท่องเที่ยวถูกจัดสรรได้ไม่เต็มประสิทธิภาพที่จะก่อให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพอย่างแท้จริง

การเตรียมความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากจีนตะวันตกของผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย

นอกจากนี้ ศูนย์ข้อมูลธุรกิจฯ นครเฉิงตู ได้มีโอกาสพูดคุยสอบถามตัวแทนผู้ประกอบการไทยจากภาคใต้ (สมุย) และภาคเหนือ (เชียงใหม่) ที่ได้เดินทางมาร่วมงานในครั้งนี้ เกี่ยวกับแนวโน้ม มุมมอง การจัดการเตรียมความพร้อม และข้อเสนอแนะต่างๆ ที่เป็นประโยชน์และเกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยวจากจีนตะวันตกโดยเฉพาะในตลาดเฉิงตู

มุมมองจากตัวแทนผู้ประกอบกิจการโรงแรมจากสมุยที่มีต่อตลาดเฉิงตูและจีนตะวันตก

ภาพรวมการท่องเที่ยวในเกาะสมุย เมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีก่อน ส่วนใหญ่จะเป็นตลาดนักท่องเที่ยวจากแสกนดิเนเวีย เยอรมนี อังกฤษ ออสเตรเลีย แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่ถือว่าเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างชัดเจนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจนขยับขึ้นครองสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวเกาะสมุย ถึง 30%-40% โดยโตทั้งจำนวนและคุณภาพของนักท่องเที่ยว

อดีต อาจมองว่านักท่องเที่ยวจีนเป็นตลาดนักท่องเที่ยวราคาถูก แต่วันนี้ไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว กล่าวได้ว่า นักท่องเที่ยวจีนรุ่นใหม่มีความสุภาพ มีระดับ มีการใช้ชีวิตท่องเที่ยวได้อย่างคุณภาพเช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวตะวันตก หากมาเป็นกรุ๊ปทัวร์ก็จะฟังหัวหน้าทัวร์เป็นหลัก ทำให้มีการจัดการที่ง่าย มีความเป็นระเบียบกว่า

เมื่อมองดูในเรื่องการใช้จ่ายในการท่องเที่ยว จะพบว่า นักท่องเที่ยวจีนใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวเฉลี่ยใกล้เคียงกับนักท่องเที่ยวชาวตะวันตก และมีแนวโน้มที่จะจ่ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สำหรับค่าใช้จ่ายในโรงแรมเฉลี่ยอยู่ที่ราว 5,000 บาทต่อคนต่อวัน

“นักท่องเที่ยวจีนมีค่าใช้จ่ายต่อหัวเพิ่มขึ้น กล้าใช้ กล้าจ่าย กล้าให้ทิป สังเกตง่ายๆ จากการเข้ามาใช้บริการค็อกเทลเลาจน์ของโรงแรม นักท่องเที่ยวจีนให้ทิปแก่นักดนตรีมากกว่านักท่องเที่ยวตะวันตกแล้ว”

ปัจจุบัน ผู้ประกอบการโรงแรมในพื้นที่โดยส่วนใหญ่หันมาใส่ใจกับตลาดนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น พบว่า นักท่องเที่ยวจีนเข้าพักในโรงแรมจัดอยู่ในอันดับที่ 4 รองจากนักท่องเที่ยวจากยุโรปและออสเตรเลีย และมีแนวโน้มขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 3 อีกไม่ช้า

สำหรับระยะเวลาการเข้าพักโรงแรมของนักท่องเที่ยวจีนโดยทั่วไปนั้นจะเป็นช่วงสั้นๆ เฉลี่ย 5 วัน แต่มีการหมุนเวียน โดยทางโรงแรมจะควบคุมการเข้าพักของนักท่องเที่ยวจีนที่จำนวน 20% เนื่องจากต้องการแบ่งสัดส่วนการเข้าพักให้กัยนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ ด้วย ด้านนักท่องเที่ยวตะวันตกจะเข้าพักเป็นช่วงยาวประมาณ 7 วันจนถึง 1 เดือน แต่มีการหมุนเวียนน้อย มักอยู่ยาวและเดินทางมาเป็นประจำทุกปี

ด้านการทำธุรกิจโรงแรมกับตลาดจีนนั้นเรียกได้ว่า “เงินสดได้มาเร็ว” หากเงื่อนไขเหมาะสม มีศักภาพ ก็พร้อมจ่ายเงินทันที ต่างกลับตลาดยุโรปที่ “เครดิตต้องยาวหน่อย” อาจเป็นเพราะปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงก่อนหน้า รวมถึงบริษัทไทยออฟเฟอร์ให้กับตลาดยุโรปมาก จนทำให้มีตัวเลือกและอำนาจต่อรองในการทำธุรกิจสูง กล่าวได้ว่า ตลาดท่องเที่ยวจีน มีศักยภาพและมีโอกาสที่จะทำให้ธุรกิจการท่องเที่ยวไทย “บูม” ได้อย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น

ตัวแทนผู้ประกอบจากสมุยไทย มองว่า เมื่อมารู้จักกับจีนตะวันตกอย่างนครเฉิงตูด้วยตัวเองแล้วสัมผัสได้ถึงความมีศักยภาพของตลาดได้อย่างชัดเจนมาก จุดประกายความหวังที่จะขยายการตลาดมาสู่ที่นี่ เพื่อประชาสัมพันธ์และดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวเฉิงตูมาเที่ยวทะเลภาคใต้ของไทยให้มากขึ้น

มุมมองจากตัวแทนผู้ประกอบกิจการโรงแรมจากเชียงใหม่ที่มีต่อตลาดเฉิงตูและจีนตะวันตก

ภาพรวมการท่องเที่ยวของ จ.เชียงใหม่ พบว่ามีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาเที่ยวในเชียงใหม่มากขึ้นและมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ช่วงปลายปี 2555 ต่อเนื่องสู่เทศกาลตรุษจีนปี 2556 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนในช่วงเทศกาลส่งกรานต์ที่กำลังจะมาถึง เนื่องจากเชียงใหม่ มีจุดเด่นด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม อีกทั้งช่วงก่อนหน้านี้ ภาพยนต์เรื่อง “ลอสอินไทยแลนด์” ช่วยโปรโมทให้ชาวจีนทั่วประเทศรู้จักเชียงใหม่และอยากเดินทางมาเยือน อีกทั้งเห็นได้ว่า ปัจจุบัน เริ่มมีเที่ยวบินเหมาลำบินตรงมาสู่เชียงใหม่แล้ว คาดการณ์ได้ว่าเชียงใหม่ยังมีศักยภาพพร้อมที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนได้มาก

เชียงใหม่ ยังมีจุดเด่นที่สามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจีนโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวเฉิงตูเมื่อมาเชียงใหม่แล้วต้องเดินทางมาเที่ยวชมคือ “พิพิธภัณฑ์ เติ้ง ลี่จวิน” กล่าวได้ว่าเป็นจุดขายของโรงแรมดิอิมพีเรียล แม่ปิง และของจังหวัดไปแล้ว

คุณนงลักษณ์ ไชยเทพ (Director of sale & marketing) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับศูนย์ข้อมูลธุรกิจฯว่า เริ่มแรกเมื่อ 3 ปีก่อนหวังเจาะตลาดนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันเป็นหลัก แต่ปัจจุบันทำตลาดครอบคลุมนักท่องเที่ยวจีนด้วย จากสถิติพบว่า ในปี 2555 มีนักท่องเที่ยวจีนมาเยี่ยมชมจำนวน 4,600 คน มีอัตราเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เกือบ 50% สำหรับส่วนการเข้าพักโรงแรมของนักท่องเที่ยวจีนยังมีไม่ถึง 10% ของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกแต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

สำหรับระบบการจัดการนั้นนักท่องเที่ยวจีนนั้น คุณนงลักษณ์กล่าวว่า อย่างแรกต้องเข้าใจในวัฒนธรรมจีน และต้องปรับตัวกันคนละครึ่งทาง การแบ่งเวลาและแบ่งส่วนให้บริการดูแลนักท่องเที่ยวจีนเป็นพิเศษ และต้องปรับกลยุทธ์เพื่อสามารถต้อนรับได้ทั้งนักท่องเที่ยวจีนที่มาเป็นหมู่คณะและต้อนรับทั้งที่มาแบบอิสระให้ได้รับการบริการที่อบอุ่นจากเรา

“คนจีนสนใจประเทศไทยมาก ฉะนั้น เราคนไทยต้องต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยไมตรีจิต ยิ้มแย้ม อบอุ่น เพราะจีนไทยเป็นพี่น้องกัน ต้องทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกถึงความปลอดภัย สบายใจ “feel at home” เพราะจะได้กลับมาเที่ยวไทยอีก” –คุณนงลักษณ์กล่าวทิ้งท้าย

ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมบริการที่เป็นจุดแข็งเรียกได้ว่าดีที่สุดในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ นักท่องเที่ยวจีนโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากภาคตะวันตกและนครเฉิงตูมีความไว้วางใจที่จะมาเที่ยวเมืองไทยทั้งเรื่องคุณภาพและความปลอดภัย รวมถึงระบบจัดการด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยที่พัฒนา มีความเป็นสากล ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบคู่แข่งที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกัน

อย่างที่เข้าใจดีว่าเรื่องการบริการของไทยแล้วถือว่าอยู่ในระดับยอดเยี่ยมยากที่จะหาใดเหมือน นั่นเป็นเพราะ “ความมีน้ำใจ” “ความโอบอ้อมอารี” และ “มีมิตรไมตรีจิต” ล้วนเป็นเสน่ห์ที่อยู่ในสายเลือดและอยู่ในจิตวิญญาณอันเป็นเอกลักษณ์อันล้ำค่าเฉพาะของคนไทย กอปรกับธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณกล่าวไว้ว่า "แขกถึงเรือนชานต้องต้อนรับ" จึงไม่แปลกใจเลยที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่ได้เข้ามารู้จักเมืองไทยและได้รับทราบถึงความรู้สึกเหล่านี้ผ่านทางจิตสัมผัสมีโอกาสสูงมากที่จะหวนกลับมาเยือนแดนสยามที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและความอบอุ่นอีกครั้งซึ่งหาได้ยากขึ้นทุกทีบนโลกใบนี้

จัดทำโดย นายชลพรรษ ตั้งตระการ

ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในจีน ณ นครเฉิงตู

วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556

แหล่งที่มา

1. จากการสำรวจข้อมูลภายในงาน“Amazing Thailand Road Show to China 2013” วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556

2. ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

3. www.chiangmainews.co.th

4. Market Briefing for TATAP 2013

ขอขอบคุณตัวแทนผู้ประกอบการท่องเที่ยวในนครเฉิงตู

1. 巫文茂；四川省中国青年旅行社有限公司

2. 胡晓；成都招商国际旅行社

3. 蔡佳佳；深圳市海外国际旅行社有限公司成都分公司

ขอขอบคุณตัวแทนผู้ประกอบการโรงแรมจากประเทศไทย

1. คุณสมชาย แสงฉายศุภกร, Managing Director, Holiday Destination, Orapin Group.

2. คุณภัคคพงษ์ ถีระวิรัตน์กุล, Director Of Sales, Baan Haad Ngam Boutique Resort & Spa, Koh Samui.

3. คุณนงลักษณ์ ไชยเทพ, Director Of Sale & Marketing, The Imperial Mae Ping Hotel, Chiang Mai

สามารถสอบถามข้อมูลทั่วไปกับศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในจีนได้โดยผ่านทางอีเมลล์ [email protected]