CIFIT เซี่ยเหมิน..งานยักษ์ที่นักลงทุนต้องจับตามอง
25 Sep 2015CIFIT เซี่ยเหมิน..งานยักษ์ที่นักลงทุนต้องจับตามอง
งานมหกรรมการค้าและการลงทุนนานาชาติ ปี 2015 (CIFIT) ครั้งที่ 18 ณ เมืองเซี่ยเหมิน
งาน CIFIT 2015 (China International Fair for Investment and Trade) เป็นงานมหกรรมการค้าและการลงทุนนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเซี่ยเหมิน จัดตรงกับวันที่ 8 ก.ย. ของทุกปี (เรียกว่า “งานจิ่วปา” หรือ “9.8”) ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 18 ระหว่างวันที่ 8 -11 ก.ย. 58 ถือเป็นเวทีหารือ (platform) เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างจีนกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ในงานมีทั้งการจัดสัมมนาส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน การเงิน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และความเข้าใจในนโยบายต่างๆ หลาย session นอกจากนี้ ยังมีการออกบู๊ธของบริษัท/ห้างร้านจากทั้งในและต่างประเทศ
theme หลักของงาน CIFIT ในปีนี้คือ “ดึงเข้ามา” (引进来) และ “ก้าวออกไป” (走出去) เน้นการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและสนับสนุนส่งเสริมธุรกิจจีนให้ก้าวออกไปสู่สากล โดยงานในปีนี้ มีบริษัท/หน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมออกบู๊ธประมาณ 1,500 ราย บนเนื้อที่จัดแสดง 100,000 ตร.ม. และมีคณะผู้แทนจากภาครัฐและเอกชนทั้งหมด 635 คณะ จากกว่า 100 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมดูงานฯ และมีมณฑล/เมืองในจีน 10 เมือง อาทิ มณฑลส่านซี มณฑลไห่หนาน มณฑลเจียงซี นครเซี่ยงไฮ้ เป็นต้น ร่วมเปิดบู๊ธในงานดังกล่าวด้วย ผู้ร่วมงานประมาณ 1 แสนคน มีการลงนามข้อตกลงการลงทุนกว่า 1,571 โครงการ รวมมูลค่า 801 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ (ลงทุนจากต่างชาติ 362 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ)
พิธีเปิดงาน CIFIT 2015 (China International Fair for Investment and Trade) ณ เมืองเซี่ยเหมิน
พิธีเปิดงาน ในวันที่ 8 ก.ย. 2558 ที่ผ่านมา จัดขึ้น ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติเมืองเซี่ยเหมิน มีแขกผู้เข้าร่วมงานจากประเทศต่างๆ รวม 1,500 คน และมีการถ่ายทอดสดโดยสถานีโทรทัศน์เซี่ยเหมิน โดย Keynote Speaker สำคัญ อาทิ นายซู ซู่หลิน ผู้ว่าการมณฑลฝูเจี้ยน นายหลีหย่ง ผอ. UNIDO (United Nations Industrial Development Organization) และที่เรียกความฮือฮาใน Hall เป็นอย่างยิ่ง คือ Jack Ma หรือ นาย Ma Yun (马云) ประธาน บ. Alibaba Group บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ในจีน ที่ออกมาให้แนวคิดและแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ
นายซู ซู่หลิน ผู้ว่าการมณฑลฝูเจี้ยน กล่าวถึงศักยภาพที่โดดเด่นของมณฑลฝูเจี้ยน 5 ประการ ได้แก่
1.) มณฑลฝูเจี้ยนเป็นมณฑลที่ได้รับความสนับสนุนจากรัฐบาลกลางอย่างเต็มที่ นำโดย ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ซึ่งได้เดินทางลงสำรวจพื้นที่ในมณฑลฝูเจี้ยนด้วยตนเองหลายครั้ง ทั้งยังผลักดันให้ฝูเจี้ยนเป็นเขตการค้าเสรีนำร่อง (China (Fujian) Pilot Free Trade Zone) และเป็นพื้นที่สำคัญในนโยบายเส้นทางสายไหมทางทะเลในศตวรรษที่ 21 (21st Century Maritime Silk Road) ได้สำเร็จในเวลาต่อมาไม่นาน
2.) มณฑลฝูเจี้ยนมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง นับเป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงด้านคมนาคมที่สำคัญ ซึ่งในสิ้นปี 2558 นี้ เส้นทางหลวงเชื่อมตำบลต่างๆ ในมณฑลฝูเจี้ยนจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดใช้งานได้ และสนามบินทั้ง 5 แห่งในฝูเจี้ยนก็จะเปิดให้บริการการบินเส้นทางในประเทศและต่างประเทศกว่า 300 เส้นทางการบินด้วย
3.) ฝูเจี้ยนมีแหล่งทรัพยากรและระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งมณฑลมีพื้นที่ป่าถึงร้อยละ 69.5
4.) มีการพัฒนาระบบการบริการของหน่วยงานภาครัฐอย่างต่อเนื่อง อาทิ การบูรณาการขั้นตอนการตรวจสอบเพื่อขอใบรับรองต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการติดต่อราชการและจัดตั้งกิจการการค้าการลงทุนในมณฑล
5.) มีแนวโน้มการพัฒนาทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่ดี โดยในเดือน ม.ค.-ก.ค. 2558 GDP ของมณฑลฝูเจี้ยนมีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.7 การลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 มวลรวมการเจริญเติบโตของราคาผู้บริโภค เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.1 ทำให้อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมของฝูเจี้ยนนับว่าอยู่ในลำดับต้นๆ ของจีน
นาย Li Yong ผอ. UNIDO กล่าวว่า การพัฒนาของอุตสาหกรรมในอนาคตจะต้องอาศัยปัญญา ความอดทน และต้องรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ และกล่าวชื่นชมนโยบาย One Belt One Road ของจีนที่จะเป็นกลไกสำคัญในการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจทั้งของภูมิภาคและของโลก และเชื่อว่า จีนจะสามารถเป็นต้นแบบของการพัฒนาอย่างยั่งยืน (sustainable development) ได้
นาย Jack Ma ประธาน บ. Alibaba Group
นาย Jack Ma (马云) ประธาน บ. Alibaba Group ได้กล่าวถึงการดำเนินธุรกิจออนไลน์ที่ผ่านมา 30 ปี เปรียบเทียบกับอีก 30 ปีข้างหน้า และชี้ว่าในอนาคตจะเป็นสังคมแห่งภูมิปัญญา (wisdom society) จำเป็นต้องดำเนินธุรกิจด้วยการใช้ภูมิปัญญาในเชิงสร้างสรรค์ที่เป็นนวัตกรรม โดย 20 ปีที่ผ่านมามนุษย์พยายามสร้างหุ่นยนต์ แต่อีก 20 ปีข้างหน้าจะต้องพัฒนาหุ่นยนต์ให้มีสมองกลเหมือนมนุษย์ นอกจากนี้ ได้ให้แนวคิดและแรงบันดาลใจแก่นักธุรกิจในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ โดยชี้ให้เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจ แม้จะประสบปัญหาและความยุ่งยากทางการค้า แต่ขอให้นักธุรกิจ “พลิกวิกฤตเป็นโอกาส” ในการค้ายุคปัจจุบันที่เป็น “ยุคดิจิตอล” โอกาสทางธุรกิจจึงขึ้นกับว่า ผู้ประกอบการสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ดีเพียงใด อาทิเช่น หลักการการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะต้องมีสินค้าที่หลากหลายให้ผู้บริโภคเลือกตามความพอใจ การจัดส่งรวดเร็ว ผู้บริโภคไม่พอใจสามารถคืนสินค้าได้ ซึ่ง ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ธุรกิจการค้าออนไลน์กลายเป็นกระแสหลักของการค้าในปัจจุบัน ซึ่งยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก
งาน CIFIT 2015 ถือเป็นการเสนอโอกาสให้ประเทศต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมในนโยบาย One Belt One Road ของจีน ด้วยการจัดสัมมนาและกิจกรรมต่างๆ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องและสอดคล้องกับหัวข้อของงาน (คือ One Belt One Road Initiative) โดยทีมผู้จัดงานได้เชิญคณะผู้แทนจาก 37 ประเทศ ตามแนวเส้นทางสายไหมทางบกและเส้นทางสายไหมทางทะเล เพื่อแสวงหาโอกาสทางธุรกิจผ่านนโยบาย One Belt One Road Initiative ของจีน โดยงานฯ ในปีนี้ มีประเทศบาร์เรน เป็น Country of honor และมีมณฑลส่านซี ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางสายไหมในสมัยโบราณ ได้รับเกียรติให้เป็น Province of honor สำหรับงานในปีนี้
โซนสินค้าไทยในงาน CIFIT 2015 มีผู้ให้ความสนใจอย่างคับคั่ง
งานในปีนี้ มีผู้ประกอบการไทยมาร่วมออกบู๊ธกว่า 48 บู๊ธ แยกเป็นโซนสินค้าสุขภาพ 28 บู๊ธ โซนสินค้าทั่วไป (อาหาร หัตถกรรม) 20 บู๊ธ โดย สินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภท Health care อาทิ น้ำมันนวดสมุนไพร เครื่องสำอางค์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ สบู่สมุนไพร สมุนไพรลูกประคบ นอกจากนี้ ยังมีอัญมณี ของตกแต่งบ้าน ธูปหอม เทียนหอม เสื้อผ้า ฯลฯ
บู๊ธผู้ประกอบการไทยในงาน CIFIT
จากการสอบถามผู้ประกอบการไทยรายหนึ่งที่มาออกบู๊ธจำหน่ายน้ำมันนวดสมุนไพร หรือน้ำมันเหลือง ยี่ห้อ โกลด์ครอส จากบริษัท โกลด์ครอส จำกัด เป็นน้ำมันที่ใช้ทา ถู นวด บริเวณที่ปวดเมื่อย แมลงสัตว์กัดต่อย ซึ่งเป็นบู๊ธที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานที่เดินผ่านมายังโซนสินค้าไทยเป็นอย่างมาก ได้ความว่า เป็นบริษัทที่เปิดมานานหลายปีแล้ว ได้รับรางวัลและ certificate มากมายเป็นเครื่องการันตีคุณภาพ อาทิ Thailand Brand 2006 รางวัล Thailand Trust Mark 2012 รางวัล OTOP Product Champion 5 Stars เป็นต้น และด้วยการจัดตกแต่งบู๊ธด้วยสีเหลืองอร่าม เป็นที่ดึงดูดสายตาผู้คนที่เดินผ่านไปมาได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงแต่ผู้บริโภคชาวจีนเท่านั้นที่ให้ความสนใจเดินเข้ามาสอบถามราคา แต่ยังมีชาวต่างชาติจากชาติอื่นให้ความสนใจสินค้าของบริษัทนี้ด้วย เจ้าของบู๊ธฯ ยังได้กล่าวกับเจ้าหน้าที่ BIC พร้อมโชว์ธนบัตรใบ 100 หยวนปึกใหญ่ว่า ตั้งแต่เปิดงานฯ ในช่วงเช้ามาเพียงไม่กี่ชั่วโมง บู๊ธของบริษัทโกลด์ครอส ได้จำหน่ายสินค้าไปแล้วกว่า 100 ชุด โดยราคาจำหน่ายอยู่ที่ชุดละ 300 หยวน (หรือ 1,500 บาทโดยประมาณ) นอกจากนี้ บริษัทโกลด์ครอส ยังมีตัวแทนจำหน่ายตามเมืองใหญ่ๆ ในประเทศจีนด้วย ชี้ให้เห็นว่า ผู้บริโภคชาวจีนส่วนใหญ่ยังชื่นชอบและเชื่อในผลิตภัณฑ์สินค้าไทยเป็นอย่างดี และยิ่งถ้ามีรางวัลหรือใบรับรองมาการันตีคุณภาพด้วยแล้ว คุณก็สามารถกอบโกยส่วนแบ่งตลาดจีนไปได้อย่างง่ายดาย
บทสรุป จากการสังเกตพฤติกรรมผู้บริโภคชาวจีนส่วนใหญ่ในงาน CIFIT ครั้งนี้ พบว่า สินค้าไทยที่ได้รับความนิยมในงานส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพ วัตถุดิบธรรมชาติ และผู้ที่ให้ความสนใจและซื้อสินค้าประเภทนี้มักจะเป็นวัยทำงานและกลางคนถึงค่อนไปต้นวัยชรา จากการวิเคราะห์ เราสามารถเห็นได้ว่า ผู้บริโภคชาวจีนส่วนใหญ่ในเมืองเซี่ยเหมิน หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้น โดยเฉพาะวัยกลางคน ที่ต้องทำงานหารายได้ มีกำลังซื้อสูง แต่ไม่มีเวลาดูแลสุขภาพมากนัก ก็หันมาหาทางเลือกในการดูแลสุขภาพแบบง่ายและสะดวก อาจกล่าวได้ว่า นี่เป็น “โอกาสดี” อีกทางหนึ่งของผู้ประกอบการไทยที่ต้องการเจาะตลาดสินค้าประเภท Health care ในจีน เพียงแค่สินค้าของคุณจะต้องมี “จุดเด่น” ที่เป็นประโยชน์กับผู้บริโภค บวกกับการมีเครื่องหมายการันตีคุณภาพและมีความน่าเชื่อถือ คุณก็สามารถเข้ามาจับจองส่วนแบ่งตลาดในจีนได้
* * * * * * * * * *