ไทยอย่ารอช้า…อุตสาหกรรมอาหารฮาลาลหนิงเซี่ย อีกหนึ่งฐานเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างจีนกับนานาชาติ
6 Jul 2015เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยมีประชากรจีนชนชาติหุยซึ่งเป็นชาวมุสลิมที่อาศัยรวมกันมากที่สุดในประเทศจีน ร้อยละ 36 ของจำนวนประชากรทั้งเขตฯ จากนโยบายการพัฒนาและนำความเจริญมายังจีนตะวันตกของรัฐบาลส่งผลให้หนิงเซี่ยมีการพัฒนาทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคมอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมารวมไปถึงอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลของ หนิงเซี่ย ซึ่งกลายเป็นฐานผลิตสินค้าอาหารฮาลาลที่ใหญ่ที่สุดของจีนที่สามารถส่งออกไปยังตลาดผู้บริโภคในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง
ด้วยจำนวนประชากรมุสลิมทั่วโลกกว่า 1,800 ล้านคนจาก 186 ประเทศ มีการประเมินถึงตลาดและความต้องการสินค้าฮาลาลในอนาคตว่าจะมีมูลค่าต่อปีสูงถึง 547,000 ล้านเหรียญสหรัฐ1 และมูลค่าการค้าของอาหารฮาลาลทั่วโลกต่อปีกว่า 150,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ตลาดสินค้าอาหารฮาลาลได้รับความสนใจจากประเทศมุสลิม รวมไปถึง กระแสความต้องการของประชากรทั่วไปที่เริ่มเห็นว่า สินค้าฮาลาลไม่ใช่สินค้าตลาดเฉพาะ (niche market) อีกต่อไป ยิ่งส่งเสริมให้ตลาดสินค้าอาหารฮาลาลมีขนาดโตขึ้นเรื่อยๆ โดยส่วนแบ่งทางการตลาดจาก “เค้กชิ้นใหญ่” ชิ้นนี้ต่างเป็นที่สนใจแก่บรรดาประเทศผู้ผลิตและแปรรูปอาหารฮาลาล รวมไปถึงประเทศจีนที่เร่งผลักดันเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยให้เป็นฐานเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างจีนกับต่างประเทศโดยเฉพาะกลุ่มประเทศอาหรับและประเทศมุสลิมด้วยเช่นกัน
ข้อได้เปรียบในการใช้หนิงเซี่ยเป็นฐานรองรับอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลของจีน
1.นอกจากจะเป็นฐานที่ตั้งของประชากรจีนชนชาติหุยที่นับถือศาสนาอิสลามมากที่สุดแล้ว ชนชาติหุยที่อาศัยอยู่ในหนิงเซี่ยถือเป็นชนกลุ่มน้อยที่รักษาประเพณีขนบธรรมเนียมมุสลิมท้องถิ่นที่สืบต่อกันมาอย่างเคร่งครัด รัฐบาลจึงให้ความเชื่อมั่นว่าหนิงเซี่ยจะยึดถือหลักปฏิบัติของศาสนาอิสลามและนำมาใช้ในกระบวนการผลิตและแปรรูปอาหารฮาลาลอย่างถูกต้องครบถ้วน และจะสามารถเป็นสะพานเชื่อมโยงกับชาวมุสลิมในต่างประเทศได้โดยไม่ยากนัก
2. การมีแหล่งทรัพยากรพื้นฐานอันสมบูรณ์ด้านการเกษตรเป็นอีกหนึ่งข้อได้เปรียบที่สำคัญของหนิงเซี่ย จากสภาพภูมิศาสตร์บริเวณตอนเหนือของหนิงเซี่ยเป็นพื้นที่ที่เหมาะแก่การเพาะปลูกข้าวโพดที่ถือเป็นวัตถุดิบพื้นฐานของการปศุสัตว์ซึ่งสอดคล้องกับอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปอาหารฮาลาลจำพวกเนื้อสัตว์ที่ใช้สำหรับผลิตอาหารฮาลาลได้แก่ แพะ แกะ วัว ที่หนิงเซี่ยสามารถดำเนินการด้วยตนเองได้ทั้งหมด
3. การที่หนิงเซี่ยเป็นมณฑลที่มีพื้นที่ไร้ทางออกสู่ทะเลซึ่งอาจมองว่าเป็นข้อจำกัดในด้านการคมนาคมขนส่งสินค้า แต่รัฐบาลกลางกลับมิได้เล็งเห็นเช่นนั้น ข้อมูลจากหนังสือNingxia Party newspaper ฉบับที่ 11 ปี 2552 ตีพิมพ์ว่า “เป้าหมายการพัฒนาพื้นที่ห่างไกลความเจริญอย่างหนิงเซี่ยซึ่งเป็นพื้นที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลจำเป็นต้องใช้เส้นทางการคมนาคมทางบกและทางอากาศเป็นหลักและเนื่องด้วยหนิงเซี่ยตั้งอยู่ห่างจากประเทศในแถบเอเชียกลางไม่มาก จึงถือเป็นแหล่งการเชื่อมโยงระหว่างประเทศอาทิ อินเดีย ปากีสถาน มองโกเลียที่สำคัญอีกด้วย” ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลกลางยังคงเร่งพัฒนาศักยภาพในพื้นที่อย่างต่อเนื่องอาทิ โครงการก่อสร้างคลังสินค้าทัณฑ์บนนครหยินชวน เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยที่ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว
เขตเศรษฐกิจพิเศษนำร่อง(Ningxia inland economic pilot zone) ที่อนุมัติแผนการก่อสร้างในปี 2012 รวมไปถึงความพยายามในการเปิดเที่ยวบินระหว่างประเทศซึ่งปัจจุบันสนามบินนานาชาติเหอตง เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ย ได้เริ่มมีเที่ยวบินไปยังเมืองดูไบ กรุงโซลและกรุงเทพมหานครแบบเหมาลำบ้างแล้วเช่นกัน
หนิงเซี่ยกับการยกระดับศักยภาพการเป็นฐานอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลที่ครบวงจร
สืบเนื่องจากการที่เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยเป็นพื้นที่ที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดและรัฐบาลกลางสนับสนุนให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นฐานรองรับการผลิตในอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล รัฐบาลท้องถิ่นจึงขานรับแนวทางการพัฒนาศักยภาพในอุตสาหกรรมดังกล่าวตั้งแต่ปี 2546 เป็นต้นมาโดยผลงานหลักที่รัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นร่วมกันผลักดันและประสบผลสำเร็จเป็นรูปธรรมได้แก่
1.การก่อตั้งเขตนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลเฮ่อหลานเต๋อเซิ่ง (贺兰德胜清真食品工业园)
2.การก่อตั้งเขตนิคมอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารฮาลาลหย่งหนิงวั่งหยวน (永宁望远食品加工园)
ซึ่งเขตนิคมฯทั้งสองแห่งถือเป็นฐานการผลิตและแปรรูปอาหารฮาลาลโดยเฉพาะ หลังจากที่พบว่ามีเขตพื้นที่หลายแห่งวางโครงการจัดตั้งพื้นที่ผลิตและแปรรูปอาหารฮาลาล อาทิ โครงการก่อตั้งนิคมอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องใช้ประจำวันของชาวมุสลิมขนาดพื้นที่รวม 833 ไร่ โดยรัฐบาลท้องถิ่นนครอู๋จง เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ย นอกจากนี้มีโครงการก่อสร้างขยายฐานการผลิตเดิมอยู่เป็นระยะๆ
ล่าสุดผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลของนครอู๋จง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จากนม น้ำมัน เก๋ากี้ เมล็ดเชีย ผลิตภัณฑ์เนื้อแกะและแพะแปรรูปกว่า 60 รายการ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากการเข้าร่วมงานมหกรรมอาหารนานาชาติเอเชียตะวันออกครั้งที่ 10(The 10th East Asia International Food Expo) ณ นครเยียนไถ มณฑลซานตง ปัจจุบันผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลแปรรูปของหนิงเซี่ยได้รับการยอมรับจากหน่วยงานตรวจสอบมาตรฐานอาหารฮาลาลในหลายๆประเทศ อาทิ มาเลเซีย(IFANCA) สิงคโปร์ (MUIS) ในปี 2013 มูลค่าการผลิตและแปรรูปอาหารฮาลาลคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 69.67 ของมูลค่าการผลิตสินค้าอิสลามทั้งหมดของหนิงเซี่ยในปี 2014 มูลค่าการผลิตและแปรรูปอาหารฮาลาลอยู่ที่ 32,123 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 80 ของมูลค่าการผลิตสินค้ามุสลิมทั้งหมด
“อาหารทะเลแปรรูป” โอกาสทางธุรกิจสินค้าฮาลาลในหนิงเซี่ยของไทย
หากพิจารณาในเชิงประชากรศาสตร์จะพบว่า ประชากรชาวจีนมุสลิมมีอัตราการขยายตัวสูงและเร็วกว่าประชากรชาวจีนฮั่น อันเนื่องมาจากชาวจีนมุสลิมได้รับการยกเว้นจากนโยบายลูกคนเดียว(One Child Policy) ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้ปริมาณความต้องการสินค้าฮาลาลขยายตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ประเทศไทยเป็นอีกหนึ่งมิตรประเทศที่มีโครงการแลกเปลี่ยนความร่วมมือทางด้านอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลกับหนิงเซี่ยในหลายโอกาส แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือในเชิงองค์ความรู้ร่วมกัน แต่เมื่อพิจารณาด้านการค้าและการลงทุน พบว่าจำนวนวิสาหกิจไทยที่ส่งออกสินค้ามายังจีนตะวันตกเฉียงเหนือหรือการเข้าลงทุนของไทยในธุรกิจประเภทดังกล่าวในหนิงเซี่ยยังมีจำนวนน้อยมาก ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยหลายประการอาทิ ผู้ประกอบการไทยอาจกังวลต่อความมั่นใจในตลาดจีนรวมไปถึงไม่มั่นใจในศักยภาพของหนิงเซี่ยแต่เนื่องจากไทยมีศักยภาพในการผลิตอาหารทะเลซึ่งมีความขาดแคลนในเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยและจีนตะวันตก จึงน่าจะเป็นโอกาสของวิสาหกิจฮาลาลของไทยที่จะเจาะตลาดอาหารทะเลฮาลาลในเขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยและตลาดอาหารฮาลาลของจีน
ความต้องการอาหารทะเลในพื้นที่ Landlocked
หากพิจารณาสภาพทางภูมิศาสตร์ของพื้นที่มณฑลส่านซี กานซู และหนิงเซี่ยแล้ว จะพบว่าเป็นพื้นที่ที่ขาดแคลนแหล่งอาหารทางทะเล โดยต้องอาศัยการบริโภคสัตว์น้ำจืดจากแม่น้ำฮวงโห(แม่น้ำเหลือง) เป็นหลัก ส่วนประเทศไทยมีทะเลขนาบทั้งสองด้าน มีศักยภาพทางด้านการผลิตและแปรรูปอาหารทะเลซึ่งจากสถิติข้อมูลการค้าระหว่างประเทศไทยกับส่านซีในปี 2011 พบว่ามีการนำเข้านำเข้าสัตว์ประเภทหอยทะเลทั้ง ชนิดมีเปลือกและไร้เปลือกมูลค่ากว่า 375,580 เหรียญสหรัฐ รวมไปถึงมีการนำเข้าสัตว์น้ำเปลือกแข็งมูลค่ากว่า 414,240 เหรียญสหรัฐ แต่ไม่ปรากฎข้อมูลการนำเข้าสินค้าสัตว์น้ำจากไทยอีกหลังจากนั้น เนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์ที่ห่างไกลทำให้การนำเข้าสินค้าอาหารทะเลสดจากไทยมายังเขตปกครองหนิงเซี่ยมีข้อจำกัดและใช้ระยะเวลาการขนส่งนาน เพราะฉะนั้นจึงควรส่งเสริมให้ภาคเอกชนไทยที่เป็นผู้ผลิตอาหารทะเลสำเร็จรูปและแปรรูปสัตว์น้ำส่งออกสินค้าประเภทกึ่งสำเร็จรูปหรืออาหารทะเลแช่แข็งมายังมณฑลส่านซี กานซูและหนิงเซี่ยมากขึ้นเพราะนอกจากจะสามารถตอบสนองความต้องการสินค้าอาหารทะเลให้แก่ประชากรในพื้นที่แล้ว อาหารทะเลแปรรูปสามารถจัดเก็บได้นานและขนส่งได้ปริมาณที่มากกว่าการขนส่งสัตว์น้ำ จึงถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสการเข้าทำตลาดอาหารทะเลแปรรูปจากไทยมายังพื้นที่ตอนในของจีนที่ยังคงเปิดกว้างอยู่ในขณะนี้
ข้อมูลอ้างอิง
1. http://www.thaifranchisecenter.com/download_file/files/group12120130102152448.pdf
2. http://www.nx.xinhuanet.com/2015-06/15/c_1115613107.htm
ข้อมูลเพิ่มเติม
1.ไทยอย่ารอช้า! กับโอกาสทางธุรกิจฮาลาลในหนิงเซี่ย https://wordpress-575750-3524419.cloudwaysapps.com/thaibizchina/th/china-economic-business/result.php?SECTION_ID=458&ID=12166
2.หนิงเซี่ยผลักดันอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าจากถั่วเหลืองแบบฮาลาล
3.หนิงเซี่ย-มาเลเซีย ก้าวไปอีกขั้น จับมือรุกตลาดฮาลาลโลก