ไทยจะเข้ามาลงทุนจีนอย่างไรให้ลด Cost และธุรกิจอะไรที่ไทยได้เปรียบ?
10 Aug 2016ด้วยค่าแรงจีนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนต่างชาติที่เคยใช้จีนเป็นฐานการผลิต ตัดสินใจย้ายฐานการลงทุนไปประเทศอื่น และบางธุรกิจต้องใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบใหม่เพื่อช่วยในการผลิตแทน สำหรับไทย การลงทุนในจีน ควรเป็นการลงทุนที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศจีนโดยเฉพาะ เนื่องจากจะมีข้อได้เปรียบของการอ่อนค่าของเงินหยวน ที่ทำให้สินค้าต่างชาติที่เข้ามาในจีนมีราคาแพง ผู้ประกอบการไทยสามารถใช้ประโยชน์จากข้อนี้ได้ในการดำเนินธุรกิจ แล้วธุรกิจไทยอะไรควรมาลงทุนในจีน?
โอกาสธุรกิจผลิตอาหารไทยด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ในจีน
เป็นที่น่าสนใจว่า เมื่อสิ้นปี 2558 จีนนำเข้าสินค้าอาหารจากต่างประเทศจาก 180 ประเทศทั่วโลก มีมูลค่ารวมถึง 299 แสนล้านหยวน แบ่งเป็นการนำเข้า 126 แสนล้านหยวน ส่งออก 173 แสนล้านหยวน การนำเข้าและการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเมื่อเทียบกับปี 2557 การนำเข้าเพิ่มขึ้นถึง 19.8% แต่การส่งออกกลับเพิ่มขึ้นเพียง 2.7% ตัวเลขข้างต้นสะท้อนให้เห็นว่า จีนมุ่งผลิตเพื่อบริโภคในประเทศแทนการส่งออก และยังแสดงให้เห็นว่า การผลิตเพื่อการบริโภคในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดในประเทศ อีกทั้งปัจจัยเศรษฐกิจโลกและภาวะเงินหยวนอ่อนค่าในปี 2558 ที่ผ่านมา ทำให้การนำเข้าอาหารจากต่างประเทศของจีนได้รับผลกระทบอย่างมาก เพราะสินค้าที่นำเข้ามีราคาแพงขึ้นมาก
ในเรื่องความสันทัดธุรกิจประเภทอาหารคงต้องยกให้ไทย ซึ่งเป็นผู้ผลิตอาหารอันดับต้น ๆ ของโลก และมีชื่อเสียงด้านอาหารมายาวนาน ประกอบกับมีเทคโนโลยี (Know – how) เป็นของตัวเอง นี่จึงเป็นโอกาสสำคัญของไทยในการเข้ามาช่วงชิงพื้นที่ในประเทศจีนเพื่อใช้เป็นฐานการผลิตอาหารสำหรับบริโภคในจีนแทนการส่งออกจากไทย เพราะในปัจจุบัน แนวโน้มการอ่อนค่าของเงินหยวนทำให้สินค้าต่างประเทศมีราคาแพง ทำให้สินค้าจากต่างประเทศที่จะเข้ามาในจีนต้องประสบปัญหาการบริหารต้นทุนนำเข้าและภาษี หากสินค้าต่างประเทศใช้แบรนด์ของตนเองเข้ามาผลิตในจีนก็น่าจะสามารถลดภาระปัญหาข้างต้นไปได้มาก ประเทศจีนมีประชากรจำนวนมากที่มีกำลังในการซื้อและใช้สินค้า อย่างไรก็ดี การเข้ามาลงทุนในจีนของผู้ประกอบการไทยในสภาวะปัจจุบันควรนำเทคโนโลยีการผลิตเข้ามาช่วยควบคุมต้นทุน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายภายในโรงงาน ซึ่งบริษัทต่างชาติหลายแห่งในโลก ปัจจุบันก็ใช้เทคนิคเดียวกันในการลดต้นทุน โดยใช้วีธีหลัก 3 วิธีดังนี้
1. การใช้หุ่นยนต์เข้ามาช่วยการผลิต (Robot Manufacturing) และใช้ทรัพยากรมนุษย์อย่างจำกัดเพื่อควบคุมเครื่องจักร (One Man, One Production Line)
การใช้หุ่นยนต์ในสายการผลิตโดยใช้ทรัพยากรมนุษย์เพียงคนเดียวในการควบคุมเครื่องจักร ทำให้บริษัทสามารถลดต้นทุนด้านทรัพยากรบุคคลอย่างมาก ปัจจุบันในเมืองคุนซาน มณฑลเจียงซูมีบริษัทหลายแห่งเริ่มใช้หุ่นยนต์แทนมนุษย์แล้ว (ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่นี่)
(โรงงานผลิตอาหารใช้หุ่นยนต์ในการผลิต)
2. การนำเข้าวัตถุดิบโดยผ่านเขตการค้าเสรีเพื่อลดต้นทุนในการขนส่ง
ปัจจุบันประเทศจีนมีเขตการค้าเสรีมากมาย เช่น เขตทดลองการค้าเสรีเซี่ยงไฮ้ เซินเจิ้น เทียนจิน
เป็นต้น และในอนาคตจะมีการจัดตั้งเขตการค้าเสรีอีกหลายแห่ง ผู้ประกอบการต่างประเทศจำนวนมากได้นำเข้าสินค้าและมาพักไว้ในเขตการค้าเสรีทีละมาก ๆ เพื่อลดต้นทุนการขนส่ง การชำระภาษี และค่าบริหารโกดังในเขตการค้าเสรี เมื่อผู้ประกอบการต้องการจำหน่ายสินค้าก็สามารถนำสินค้าเข้ามาจากเขตการค้าเสรีได้ทันทีตามจำนวนต้องการ
3. การซื้อวัตถุดิบจากแหล่งต้นทุนต่ำกว่า (Global Outsourcing)
แม้ว่าจีนจะเป็นประเทศที่มีทรัพยากรมากมาย แต่วัตถุดิบบางอย่างกลับมีราคาแพง เนื่องจากมีปริมาณจำกัด เช่น น้ำนมดิบ ผลไม้ เป็นต้น ดังนั้น การนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศมาทดแทนจึงมีราคา
ต่ำกว่า ประเทศจีนมีพรมแดนติดต่อกับอินเดีย เมียนมาร์ และไม่ไกลจากไทยนัก ประกอบกับมีเส้นทางคมนาคมทางรถไฟที่สะดวก การนำเข้าสินค้าจากแหล่งเหล่านี้จึงเป็นเรื่องที่ไม่ยากอย่างที่คิด
หากผู้ประกอบการไทยนำแนวคิด 3 ข้อข้างต้นไปประยุกต์ใช้ในการบริหารต้นทุนในจีนก็น่าจะช่วยลดต้นทุนการผลิตในประเทศจีนลงได้ ที่สำคัญคือ ผู้ประกอบการไทยต้องใช้ “แรงงานคน” ให้น้อยที่สุด ผลักดันเทคโนโลยีช่วยการผลิตเข้ามาทดแทน พยายามคิดเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในสินค้าของตัวเอง และจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อป้องกันการลอกเลียนแบบที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาได้ในอนาคต ทั้งนี้ ท่านสามารถดูวิธีการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาในจีนได้ ที่นี่
จัดทำโดย นายกองพล กำจรสุขรุจี
ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้
1) มุมมองของผู้เขียน
2) นสพ. 腾讯财经ฉบับวันที่ 22 ธันวาคม 2558 ในหัวข้อเรื่อง “明年中企海外并购将再创新高”
3) นสพ. 搜孤财经ฉบับวันที่ 6 มกราคม 2559 ในหัวข้อเรื่อง “不妨人民币释放贬值贬值压力”
4) นสพ. 凤凰财经ฉบับวันที่ 6 มกราคม 2559 ในหัวข้อเรื่อง “2016年人民贬值的高度会有多大?”
5) นสพ. 凤凰财经ฉบับวันที่ 13 มกราคม 2559 ในหัวข้อเรื่อง “2015年中国进口总值比去年下降”