“เมืองเป๋ยไห่” ทำเลทองของธุรกิจส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำของกว่างซี
29 Nov 2013เว็บไซต์ข่าวอ่าวเป่ยปู้ : ธุรกิจแปรรูปผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำได้กลายเป็นหนึ่งในสาขาธุรกิจดาวเด่นของ “เมืองเป๋ยไห่” (Beihai City, 北海市)
เมืองเป๋ยไห่ เป็น 1 ใน 3 เมืองของกว่างซีที่มีจุดเด่นด้านทำเลที่ตั้งอยู่รอบอ่าวเป่ยปู้ หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อ “อ่าวตังเกี๋ย”
อุตสาหกรรมเสาหลักของเมืองฯ ได้แก่ อุตสาหกรรมทางทะเลและมหาสมุทร อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง อุตสาหกรรมเกษตรสมัยใหม่ และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
เจ้าหน้าที่ศุลกากร เปิดเผยว่า ช่วง 10 เดือนแรก ปี 56 เมืองเป๋ยไห่มีการส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำมากเป็นอันดับหนึ่งของกว่างซี รวมน้ำหนัก 68,000 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 (YoY) มีมูลค่า 340 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 32 (YoY)
อานิสงค์จากราคาซื้อขายเฉลี่ยในตลาดต่างประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นส่งผลให้มูลค่าส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำของเมืองเป๋ยไห่มีอัตราขยายตัว 10 เดือนติดต่อกัน โดยเฉพาะเดือนตุลาคม 56 ที่ผ่านมา เมืองเป๋ยไห่มีการส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำมากถึง 10,000 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.7 (YoY) คิดเป็นมูลค่าสินค้า 48.664 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 48.1 (YoY)
ช่วง 10 เดือนมานี้ “สหรัฐอเมริกา” เป็นประเทศผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำรายใหญ่ของเมืองเป๋ยไห่ คิดเป็นน้ำหนัก 22,000 ตัน (คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 32.35 ของปริมาณส่งออกทั้งหมด) ลดลงร้อยละ 22.7 (YoY)
ขณะที่การส่งออกไป “เมืองฮ่องกง” มีอัตราขยายตัวสูงสุด คิดเป็นน้ำหนัก 9,761 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 73.9 (YoY) คิดเป็นมูลค่าสินค้า 110 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.2 เท่า อันดับรองลงมา คือ “สหภาพยุโรป” การส่งออกมีอัตราขยายตัวร้อยละ 44.1 (YoY)
ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำส่งออกหลัก คือ “ปลานิล” หรือที่ภาษาจีนเรียกว่า “ปลาหลัวเฟย” (Luofei, 罗非鱼) ขณะที่การส่งออกปลาหมึกมีอัตราขยายตัวสูงถึง 1.5 เท่า
ข้อมูล 10 เดือนแรก ปีนี้ เมืองเป๋ยไห่มีการส่งออกปลานิลและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง คิดเป็นน้ำหนัก 50,000 ตัน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 72.9 ของผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำส่งออกทั้งหมดของเมือง
เจ้าหน้าที่ศุลกากร วิเคราะห์ว่า ผลกระทบจากต้นทุนแรงงานและวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงการแข็งค่าของสกุลเงินหยวน ส่งผลให้ผลกำไรของภาคธุรกิจส่งออกหดตัวลง และส่งผลกระทบต่อศักยภาพการแข็งขันของธุรกิจส่งออกในตลาดต่างประเทศ
วิสาหกิจแปรรูปผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำจะต้องยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีคอนเทนต์ สร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ และสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
ขณะเดียวกันจะต้องมีการแลกเปลี่ยนหรือแบ่งปันข้อมูลข่าวสารระหว่างผู้ประกอบการด้วยกัน ส่งเสริมผลักดันโครงสร้างการดำเนินธุรกิจที่มีแบบแผนมาตรฐาน มีการรวมตัวเป็นกลุ่ม เพื่อสร้างอำนาจต่อรองและขยายช่องทางการตลาดใหม่ ๆ ในตลาดต่างประเทศร่วมกัน