เทศกาลช็อปปิ้ง 11-11 กับบททดสอบธุรกิจจัดส่งสินค้าด่วนจีน
13 Dec 2017มหกรรมช็อปปิ้งออนไลน์สะเทือนโลกอย่างมหกรรมช็อปปิ้งในเทศกาลวันคนโสดของจีนเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Tmall (天猫) ในเครือ Alibaba ได้ทำยอดขายสูงถึง 1.682 แสนล้านหยวน หรือราว 2.54 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 39.5% จากปี 2559 หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า 3,000 เท่าหากเทียบกับยอดสั่งซื้อตอนเริ่มจัดเทศกาลเมื่อปี 2552 จนเรียกได้ว่าเป็น “การปฏิวัติการใช้จ่าย” ตัวเลขรายได้จำนวนมหาศาลเหล่านี้แสดงถึงความสำเร็จของธุรกิจการค้าออนไลน์จีน ซึ่งแน่นอนว่ามหกรรมช็อปปิ้งนี้จะประสบความสำเร็จได้คงไม่ใช่แค่มีโปรโมชั่นลดราคาที่น่าดึงดูดใจเท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยที่สำคัญอื่น ๆ เป็นตัวสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง และหนึ่งในปัจจัยสำคัญเหล่านั้นก็คือ การจัดส่งสินค้าที่มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพนั่นเอง ท่านผู้อ่านเชื่อหรือไม่ว่า ในปีนี้ ปัญหากวนใจนักช็อปกลับไม่ใช่เรื่องการแย่งซื้อสินค้าไม่ทัน แต่กลายเป็นว่าสินค้ามาส่งไวเกินไป กำลังนอนฝันหวานอยู่ดี ๆ ก็โดนเคาะประตูแต่เช้าเรียกให้ตื่นมารับของที่สั่งไป !?
หลังจากเทศกาลช็อปปิ้งวันคนโสดผ่านไป ธุรกิจจัดส่งสินค้าด่วนของจีนก็มีงานหนักรออยู่ สำนักงานไปรษณีย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (State Post Bureau of The People’s Republic of China) เปิดเผยว่า ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2560 มียอดสั่งซื้อสินค้าจากร้านค้าออนไลน์รายใหญ่ 850 ล้านชิ้น เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 29.4% ตลอดทั้งวันของวันที่ 11 ไปรษณีย์และบริษัทจัดส่งสินค้าด่วนจัดการส่งสินค้าได้ 331 ล้านชิ้น เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 31.5% ทั้งนี้ ตามการคาดการณ์ของสำนักงานไปรษณีย์ฯ ในวันที่ 11-16 พฤศจิกายนนี้ จะมีพัสดุมากกว่า 1,500 ล้านชิ้นที่รอการส่งจ่าย ทำให้มีพัสดุที่ต้องจัดการสูงสุดถึง 340 ล้านชิ้น/วัน เกินกว่าความสามารถในการจัดการพัสดุตามช่วงเวลาปกติในปีนี้ถึง 2.2 เท่า ซึ่งถือเป็นบททดสอบอันยิ่งใหญ่ของธุรกิจจัดส่งสินค้าด่วนของจีน
ส่งของชิ้นแรกใช้เวลาเพียง 12 นาที
เบื้องหลังความสำเร็จในการจัดส่งสินค้า
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า การจัดส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็วนี้มาจากการเตรียมตัวเป็นอย่างดีของบริษัทจัดส่งสินค้าด่วนเอง ตามสถิติของสำนักงานไปรษณีย์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในช่วงเทศกาลวันคนโสด ได้มีการเพิ่มกำลังคนในธุรกิจไปรษณีย์ทั้งหมดเกือบ 3 ล้านคน ใช้พื้นที่โกดัง 30 ล้านตารางเมตร พาหนะขนส่ง 9 หมื่นคันและเครื่องบินบรรทุกสินค้าอีกมากกว่า 90 ลำ สำรองกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากปกติ 30–50% แต่นอกจากการเพิ่มจำนวนคน พาหนะ และพื้นที่โกดังดังกล่าวข้างต้นแล้ว ปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้ก็คือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นั่นเอง
Big Data : นำสินค้าไปไว้ใกล้ผู้ซื้อ
หุ่นยนต์เสริมทัพ : การจัดส่งสินค้าที่นับวันยิ่งฉลาด
ในโกดังสินค้าอัจฉริยะของไช่เหนี่ยว เน็ตเวิร์ค* (Cainiao Network) ที่ตั้งอยู่ในเมืองเจียซิง มณฑลเจ้อเจียง ได้ใช้ระบบเทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการแทนแรงงานคนทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มต้นรับสินค้าเข้าโกดังจนถึงส่งออก โดยเริ่มจากสินค้าจะถูกนำเข้ามาผ่านสายพานลำเลียงไปยังพื้นที่ที่ได้กำหนดไว้ อุปกรณ์อัจฉริยะจะนำสินค้าไปเก็บบนชั้นวาง เมื่อมีคำสั่งซื้อ สินค้าจะถูกหยิบใส่กล่อง แปะใบส่งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์บนกล่อง และปิดกล่องโดยอัตโนมัติ จากนั้นจะถูกส่งต่อไปยังเครื่องคัดแยกความเร็วสูง ที่จะแบ่งกลุ่มสินค้าตามเส้นทางที่ส่งออก ซึ่งใน 1 ชั่วโมงสามารถคัดแยกพัสดุได้มากกว่า 2 หมื่นชิ้น โดยโกดังสินค้าอัจฉริยะนี้กระจายตัวอยู่ตามเมืองหลักทั่วประเทศจีน
นอกจากโกดังสินค้าอัจฉริยะของไช่เหนี่ยว เน็ตเวิร์คแล้ว ในปีนี้ บริษัทจัดส่งสินค้าด่วนรายอื่นยังได้ลงทุนในระบบเทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้น เช่น STO Express ได้นำหุ่นยนต์สีเหลืองตัวเล็กมาใช้ในการคัดแยกพัสดุในหลายพื้นที่ ศูนย์ส่งผ่านสินค้าของบริษัท ZTO EXPRESS ได้นำเครื่องจักรที่สามารถยืดและหดอัตโนมัติ โดยมีความยาวที่สุดในโลก 16.4 เมตร มาใช้งานจำนวน 1 เครื่อง ทำให้งานลำเลียงสินค้าเสร็จภายใน 20 นาที จากแต่ก่อนที่ต้องใช้แรงงานคนอย่างน้อย 4 คนในการลำเลียงสินค้า และใช้เวลา 1 ชั่วโมงขึ้นไปในการทำงาน และบริษัท YTO EXPRESS ศูนย์เซี่ยงไฮ้ ได้นำอุปกรณ์คัดแยกสินค้าอัตโนมัติจำนวน 4 เครื่องมาใช้งาน ทำให้สามารถคัดแยกสินค้าได้เฉลี่ย 1,500,000 ชิ้น/วัน
การที่ธุรกิจจัดส่งสินค้าด่วนของจีนสามารถทำลายสถิติการจัดส่งสินค้าเดิมที่เคยสร้างไว้ และสร้างสถิติใหม่ให้เกิดขึ้นได้ในทุก ๆ ปี แสดงให้เห็นว่า ธุรกิจนี้ยังมีศักยภาพที่จะขยายตัวและพัฒนาต่อไปได้อีกในอนาคต โดยอาศัยเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวช่วยสนับสนุน ซึ่งรัฐบาลไทยเองก็ได้เล็งเห็นโอกาสนี้ จึงมีแผนที่จะยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจบริการด้านโลจิสติกส์การค้า เช่น บริการขนส่งสินค้า คลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า การส่งจดหมายและพัสดุ ให้พัฒนาจากธุรกิจบริการแบบดั้งเดิมให้กลายเป็นธุรกิจบริการที่มีมูลค่าสูง (High Value Service) ตามนโยบาย Thailand 4.0
หมายเหตุ
* ไช่เหนี่ยว เน็ตเวิร์ค (Cainiao Network) เป็นเครือข่ายบริหารจัดการโลจิสติกส์อัจฉริยะ ริเริ่มโดยนายแจ็ค หม่า เจ้าของบริษัท Alibaba Group และมีบริษัท Yintai Group, Fosun Group, Fuchun Holding Group, Shunfeng Group, STO Express, YTO Express, ZTO Express, Yunda, Zhaijisong และ Best Express ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำของจีนในด้านโลจิสติกส์ อสังหาริมทรัพย์ และสถาบันการเงินร่วมกันถือหุ้น โดยอาศัยเทคโนโลยี Internet of Things, Cloud Computing, Internet Finance เป็นต้น ในการสร้างแพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ โดยมุ่งหมายให้ไช่เหนี่ยว เน็ตเวิร์คเป็น backbone ของระบบโลจิสติกส์จีน เพื่อให้บริการที่ดี มีประสิทธิภาพและชาญฉลาดสำหรับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ภายในประเทศ