เทคนิค 4 “อย่า” ค้าขายกับคนจีนอย่างไรไม่ให้โดนหลอก

27 Feb 2013

เมื่อพูดถึง “จีน” ทุกคนล้วนเห็นตรงกันว่าเป็นประเทศที่มีตลาดขนาดใหญ่ยักษ์ ผู้บริโภคจำนวนมหาศาล อีกทั้งยังเป็นฐานการผลิตสินค้าหลากหลายชนิดที่มีต้นทุนต่ำ ด้วยจุดแข็งดังกล่าว นักธุรกิจไทยจำนวนมากต่างเห็นถึงโอกาสที่จะนำเข้าสินค้าราคาถูกจากจีนและต้องการส่งออกสินค้าไทยไปตีตลาดยังแดนมังกร อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่ “สุจริตชน” เท่านั้นที่เล็งเห็นถึงโอกาสนี้ เหล่า “มิจฉาชีพ” ที่แฝงตัวมาในหลากหลายรูปแบบก็พร้อมจะฉวยโอกาสหลอกลวงผู้ที่ประมาทเผลอเรอและไม่ระมัดระวังเพียงพอ ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้เกิดกรณีนักธุรกิจไทยจำนวนไม่น้อยถูกฉ้อโกงจากมิจฉาชีพจีนสร้างความเสียหายเป็นมูลค่ามหาศาล จนถึงปัจจุบันปัญหานี้ยังมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ทั้งยังส่งผลลุกลามจนทำให้เสียภาพลักษณ์และความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันด้วย

จากข้อมูลสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ณ กรุงปักกิ่ง พบว่าปัญหาผู้ประกอบการไทยสั่งซื้อสินค้าจากผู้ผลิตจีนแล้วถูกโกงเงินกำลังขยายวงกว้างขึ้น จากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เฉพาะที่สำนักงานที่กรุงปักกิ่งได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ประกอบการไทยเกี่ยวกับปัญหาการฉ้อโกงทางการค้ากว่า 50 กรณี สร้างมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท!!!

ดังนั้น บทความในวันนี้จะนำเสนอถึงแนวทางเพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพรวมทั้งวิธีการดำเนินการเมื่อประสบปัญหา

1. อย่าเชื่อในสิ่งที่คุณ เห็น

ปกติแล้วหากเราต้องการซื้อหรือขายสินค้า มักจะเริ่มต้นด้วยการหาข้อมูลของสินค้า ผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่าย ซึ่งสามารถทำได้ผ่านหลายช่องทางไม่ว่าจะเป็น พบปะกับผู้ค้าโดยตรงผ่านงานแสดงสินค้า อ่านจากสื่อสิ่งพิมพ์โฆษณา หรือผ่านคนแนะนำ สำหรับการหาคู่ค้าที่อยู่ในต่างประเทศซึ่งผู้ซื้อและผู้ขายไม่สามารถมาเจอหน้ากันได้โดยตรงและไม่สะดวกที่จะเดินทางมาตรวจสอบว่าผู้ขายมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ สื่อที่จะได้รับความนิยมมากที่สุดในขณะนี้คงจะหนีไม่พ้น “อินเตอร์เน็ต” ที่ทั้งสะดวกและรวดเร็ว (จากข้อมูลพบว่าร้อยละ 80 ของนักธุรกิจไทยใช้อินเตอร์เน็ตเป็นสื่อหลักในการติดต่อและหาข้อมูลคู่ค้า)

แต่กระนั้น ประเด็นที่ต้องนึกถึงก็คือจำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตชาวจีนมีจำนวนมหาศาลเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก โดยข้อมูลจาก China Internet Networks Information Center ปี 2555 ระบุว่าประเทศจีนมีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตถึง 538 ล้านคน ซึ่งแน่นอนว่าโลกออนไลน์นี่เองที่เป็นแหล่งซึ่งคนร้ายจำนวนมากแฝงตัวอยู่!!!

เมื่อพิจารณากรณีศึกษาที่เคยเกิดขึ้นกับนักธุรกิจไทยพบว่า เหยื่อหลายรายมักจะ "ติดกับ" เหล่ามิจฉาชีพตั้งแต่เริ่มต้นในการหาคู่ค้าผ่านทางอินเตอร์เน็ต โดยรูปแบบการหลอกลวงที่พบเห็นบ่อยจนกลายเป็นสูตรสำเร็จคือ การสร้างเว็บไซต์ที่เพียบพร้อมด้วยข้อมูล รูปภาพของสินค้าและที่ตั้งของโรงงานหรือบริษัทขึ้นมาเพื่อตบตาเหยื่อให้ดูมีความน่าเชื่อถือ แต่เบื้องหลังที่แท้จริงแล้วกลับเป็นว่าบริษัทไม่มีอยู่จริงหรือถ้ามีก็ไม่ตรงกับข้อมูลที่นำเสนอ

เพราะฉะนั้น ขอเตือนผู้ประกอบการไทยให้ระมัดระวัง รวมถึงอย่าเชื่อถือข้อมูลคู่ค้าที่ค้นหาได้และติดต่อสื่อสารทางอินเทอร์เน็ตโดยง่ายดาย พยายามเลือกคู่ค้าที่เป็นผู้ผลิตและเจรจากันตัวต่อตัว มีโรงงานและที่ตั้งเป็นหลักแหล่ง นักธุรกิจไทยต้องพึงตระหนักเสมอว่า โลกอินเตอร์เน็ตสามารถเป็นทุกสิ่งทุกอย่างได้ ตามที่ผู้สร้างข้อมูลจินตนาการหรืออยากให้เป็น อินเตอร์เน็ตจึงเป็นเพียง สังคมสมมติ เป็นโลกเสมือนจริงที่ทุกคนสามารถสร้างตัวตนให้ดีเลิศเพียงใดก็ได้ อีกทั้งข้อมูลในอินเตอร์เน็ต เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถยืนยันความถูกต้องได้แน่นอน ดังนั้น โรงงานใหญ่ยักษ์ที่เห็นอยู่ในโลกอินเตอร์เน็ตอาจจะเป็นเพียงห้องเช่าซอมซ่อในโลกแห่งความจริงก็ได้

2. อย่าเอาแต่ สะดวก

จากกรณีที่เคยเกิดขึ้นไม่น้อย นักธุรกิจไทยบางรายต้องเสียรู้ให้แก่เหล่ามิจฉาชีพเพราะว่าต้องการความสะดวกรวดเร็วในการทำธุรกรรม โดยมักติดต่อกันผ่านทางอีเมล์และตกลงซื้อขายสินค้ากันในทันที ละเลยกับการตรวจสอบ “ความน่าเชื่อถือ” ของบริษัทคู่ค้า ดังนั้นนักธุรกิจไทยต้องให้ความสำคัญถามหากเอกสารทางการค้าที่จำเป็นจากผู้ขายหากไม่แน่ใจว่าบริษัทที่ติดต่อด้วยมีตัวตนจริงหรือไม่ ควรใช้ทุกวิถีทางตรวจสอบโดยละเอียด อย่าใช้นิสัย “เกรงใจ” แบบคนไทย เพราะตราบใดที่ยังไม่มีการโอนเงินไปให้คู่ค้า อำนาจการต่อรองของเราจะยังมีเหนือกว่าเสมอ

ดังนั้น เพื่อเป็นการคัดกรองว่าคู่ค้ามีความน่าเชื่อถือแค่ไหน ควรปฏิบัติดังต่อไปนี้

1) เริ่มสอบถามข้อมูลบริษัทในเบื้องต้น ถามรายละเอียดกับพนักงานขายอย่างละเอียด ว่าเป็นผู้ผลิตหรือเป็นตัวแทนจัดจำหน่าย สถานที่ตั้ง ประเภทสินค้า ราคา ขอบเขตการดำเนินธุรกิจ เป็นต้น

2) ตรวจสอบหนังสือจดทะเบียนบริษัท หนังสืออนุณาตการนำเข้าส่งออกหรือใบรับรองคุณภาพมาตรฐานการผลิตในโรงงาน โดยเอกสารดังกล่าวจะต้องให้คู่ค้ามีการรับรองเอกสารอย่างถูกต้องจากรัฐบาล กล่าวคือ มีการประทับตราและลงวันที่จากหน่วยงานอย่างชัดเจน ซึ่งโดยปกติแล้วหากเป็นบริษัทที่มีตัวตนอยู่จริงก็จะสามารถส่งเอกสารเหล่านี้ทันทีเมื่อได้รับการร้องขอ

3) Cross Check หรือตรวจสอบใบจดทะเบียนอีกครั้งเพื่อความมั่นใจกับหน่วยงานของรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับหน่วยงาน SAIC (State Administration of Industry and Commerce) ของแต่ละพื้นที่

เมื่อพร้อมตกลงจะทำการซื้อขายระหว่างกันแล้ว โดยเฉพาะการซื้อขายสินค้าที่มีมูลค่าจำนวนมาก เพื่อสร้างความมั่นใจอีกระดับ ควรมีการทำสัญญาทางการค้าที่เป็นกิจลักษณะ เพราะหากเกิดกรณีพิพาท สัญญาทางการค้าจะมีประโยชน์ในการฟ้องร้องทางกฎหมายหรือการหาตัวกลางในการระงับข้อพิพาท จากข้อมูลพบว่ามีเพียงร้อยละ 10 ของผู้ประกอบการไทยเท่านั้นที่มีการทำสัญญาทางการค้า

นอกจากนี้ ทางที่ดีก่อนการรับมอบสินค้าและชำระเงินทั้งหมดให้แก่คู่ค้า หากเป็นไปได้ควรมีการตรวจสอบโดยการจ้างบริษัท Surveyer สุ่มตรวจสินค้าทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ ณ ท่าเรือต้นทางก่อนจะส่งสินค้ามายังเป้าหมาย เพราะหากได้สินค้าคุณภาพ และปริมาณไม่ตรงตามที่ตกลงไว้ คู่ค้าจีนก็มักใช้เทคนิคเตะถ่วงหนี้และรักษาลูกค้าควบคู่กันไปในตัว ทำให้ผู้ประกอบการไทยไม่ได้เงินคืนเต็มจำนวน ซึ่งเมื่อเกิดการฟ้องร้องกันขึ้นผู้ประกอบการไทยจะเสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี

จากกรณีล่าสุดที่ทางศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยได้รับข้อมูลพบว่ามีผู้ประกอบการไทยรายหนึ่งสั่งซื้อสินค้าและอุปกรณ์ที่ใช้ในโรงแรม ประเภทผ้าห่มและผ้าปูเตียงจากผู้ค้าจีนผ่านทางอินเตอร์เน็ต การดำเนินธุรกิจทุกอย่างเป็นไปด้วยดี จนกระทั่งวันรับมอบสินค้าที่ท่าเรือไทย ปรากฏว่าสินค้าที่ได้รับมีเพียงร้อยละ 10 ของปริมาณสินค้าที่ชำระเงินเท่านั้น!!! อีกทั้งสินค้าที่ได้รับยังไม่ตรงตามมาตรฐานที่ระบุในคำสั่งซื้ออีกด้วย

3. อย่า ประมาท

ในปัจจุบันยังพบแฮกเกอร์ระบาดในจีนมากขึ้น โดยกลุ่มมิจฉาชีพมักจะเฝ้าติดตาม เจาะข้อมูลอีเมล์คู่ค้า รอจนกระทั่งเข้าสู่ช่วงโอนชำระเงินและสวมรอย โดยอาจจะเปลี่ยนชื่ออีเมล์ของทั้งสองฝ่ายเพียงเล็กน้อย เช่น จากเดิม [email protected] เป็น [email protected] โดยที่นักธุรกิจไม่ทันสังเกตว่ามีการเปลี่ยนแปลงว่าเราได้คุยกับคู่ค้าตัวจริงหรือไม่ หรืออาจมีการแจ้งเปลี่ยนชื่อ-สกุล เลขบัญชีธนาคารและข้อมูลอื่นๆ ซึ่งเหล่ามิจฉาชีพจะทำกันเป็นขบวนการ

ดังนั้น ก่อนการโอนเงินชำระค่าสินค้าทุกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นการดำเนินธุรกิจระหว่างกันเป็นครั้งแรก หรือได้รับการแจ้งทางอีเมล์ถึงการเปลี่ยนแปลงเลขที่บัญชีใหม่ ต้องมีการโทรศัพท์สอบถามโดยตรงกับผู้ขายสินค้าก่อนเพื่อยืนยันความถูกต้องข้อมูลที่เปลี่ยนแปลง อีกทั้งยังต้องหมั่นติดตั้งซอฟแวร์ป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัย และเปลี่ยนรหัสผ่านเข้าอีเมล์ให้ซับซ้อนยากแก่การเจาะระบบของมิจฉาชีพ

4. อย่าเห็นแก่ของ ถูก

“ของถูกมักเป็นของไม่ดี ของดีราคามักไม่ถูก” เป็นคำพูดที่ชาวจีนมักพูดอยู่เสมอเพื่อเตือนใจก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าใดว่าของที่ถูกนั้นอาจไม่ใช่ของดีเสมอไป นักธุรกิจไทยจำนวนไม่น้อยมองเพียงแค่อยากได้สินค้าราคาถูกเพื่อจะนำไปขายให้ได้กำไรสูงสุด เหล่ามิจฉาชีพก็เล็งเห็นถึงความต้องการดังกล่าวและมักจะวางแผนหลอกล่อคู่ค้าที่เจรจาโดยยื่นข้อเสนอขายสินค้าให้ราคาต่ำกว่าราคาตลาด แต่กลับให้เวลาตัดสินใจซื้อในช่วงสั้น ๆ เพื่อเร่งให้ตัดสินใจซื้อและโอนเงินก้อนแรกเป็นค่ามัดจำ และเมื่อได้เงินแล้วก็จะหลบหนีไป

เพราะฉะนั้น จงอย่าเห็นแก่ข้อเสนอราคาที่เย้ายวนให้รีบตัดสินใจซื้อสินค้าในราคาต่ำ หากพบสินค้าที่มีราคาต่ำกว่าท้องตลาดมาก ควรตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนว่าอาจจะเป็นคู่ค้าในคราบมิจฉาชีพและต้องเพิ่มการตรวจสอบบริษัทดังกล่าวเป็นทวีคูณ

หากประสบปัญหาฉ้อโกงแล้ว คุณควรทำอย่างไร?

1. แจ้งเจ้าหน้าที่ ณ ด่านศุลกากรทันทีเมื่อพบปัญหา โดยอาจมีการลงบันทึกตู้สินค้า รายละเอียดของปัญหาในเบื้องต้น

2. ประสานหน่วยงานตรวจสอบสินค้าที่มีความเชี่ยวชาญ เช่น บริษัท SGS, กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ฯลฯ เก็บข้อมูลของสินค้าอย่างละเอียดเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี

3. รวบรวมข้อมูลเอกสารและหลักฐานการติดต่อทางการค้าให้ครบถ้วน

4. แจ้งความกับสถานีตำรวจไทย

5. ประสานแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งไทยและจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานเอกอัคราชทูตหรือสถานกงสุลใหญ่เพื่อเป็นหน่วยงานกลางในการประสานให้ความช่วยเหลือต่อไป

แหล่งข้อมูล:

การบรรยายในหัวข้อ “รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมกลโกงการค้า” โดยนายเถลิงศักดิ์ วงศ์สามศร อทป. (ฝ่ายพาณิชย์)

– www.chinadaily.com

เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครเฉิงตู

ข่าวที่เกี่ยวข้อง


ข่าวยอดนิยม

อ่านข่าวอื่น

BACK TO TOP

กลับขึ้นด้านบน