เขตการค้าเสรีเซี่ยเหมินเปิดมาครึ่งปีกว่า มีผู้จดทะเบียนกิจการใหม่เพิ่มขึ้น 4,699 ราย มากสุดใน 3 แห่งของเขตการค้าเสรีฝูเจี้ยน
25 Nov 2015
เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 58 เว็บไซด์ของสำนักงานส่งเสริมการลงทุนระหว่างประเทศมณฑลฝูเจี้ยน (www.fjfdi.com) ได้รายงานข้อมูลจากคณะกรรมการบริหารเขตการค้าเสรีฝูเจี้ยนว่า หลังจากที่เขตการค้าเสรีฝูเจี้ยนเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการครึ่งปีมานี้ พบว่าพัฒนาการด้านเศรษฐกิจ การลงทุน นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ รวมทั้งความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนด้านต่างๆ กับต่างประเทศของมณฑลฝูเจี้ยนเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะพื้นที่เขตการค้าเสรีเซี่ยเหมิน ที่มีกิจการใหม่เข้ามาลงทุนจดทะเบียนก่อตั้งกิจการ 4,699 บริษัท มีการเปิดตัวโครงการเกี่ยวกับระบบนวัตกรรมใหม่และนโยบายริเริ่มรวม 74 โครงการ และมีการนำเข้าเครื่องบินเช่าซื้อเหมาลำรวม 14 ลำ
พื้นที่เขตการค้าเสรีเซี่ยเหมิน เป็นพื้นที่ที่มีนักลงทุน/บริษัททั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในเขตการค้าเสรีเซี่ยเหมินเป็นอย่างมาก โดยตั้งแต่เปิดเขตการค้าเสรีเซี่ยเหมินเมื่อวันที่ 21 เม.ย. 58 จนถึง 31 ต.ค. 58 มีกิจการใหม่เข้ามาลงทุนแล้ว 4,699 บริษัท เพิ่มขึ้น 3.06 เท่า เงินลงทุนจดทะเบียนรวม 7.61 หมื่นล้านหยวน เพิ่มขึ้น 3.21 เท่า นับเป็นพื้นที่ที่มีอัตราการเติบโตมากที่สุดในบรรดาเขตการค้าเสรีฝูเจี้ยนทั้ง 3 แห่ง (ประกอบด้วย เขตฝูโจว เขตผิงถาน และเขตเซี่ยเหมิน) จำนวนกิจการสะสมรวมในเขตการค้าเสรีเซี่ยเหมินอยู่ที่ 14,144 บริษัท เพิ่มขึ้นร้อยละ 58.99 มูลค่าเงินลงทุนรวม 194,200 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 71.22
ปัจจุบัน เขตการค้าเสรีเซี่ยเหมิน มีนโยบายริเริ่มนวัตกรรมใหม่และโครงการเกี่ยวกับระบบนวัตกรรมใหม่ที่ได้รับการอนุมัติแล้วทั้งหมด 74 โครงการ โดย 45 โครงการหลักของปี 2558 ได้มีการทดลองดำเนินการแล้ว 31 โครงการ มี 12 โครงการ “นวัตกรรมอิสระ” (Independent innovation) ของเทศบาลเมืองเซี่ยเหมิน ซึ่งเน้นผลักดันอุตสาหกรรมผลสำเร็จทางวิทยศาสตร์และเทคโนโลยี และการก่อตั้งฐานอุตสาหกรรมเทคโนโลยีไฮเทค ก็ได้เริ่มดำเนินการแล้ว นอกจากนี้ จาก 109 โครงการเกี่ยวกับนโยบายริเริ่มนวัตกรรมใหม่ที่มีการขออนุมัติจากรัฐบาลมณฑลฝูเจี้ยน เขตการค้าเสรีเซี่ยเหมินได้รับอนุมัติทั้งหมด 52 โครงการ ในจำนวนนี้ 18 โครงการ เป็นโครงการระดับแนวหน้าของจีน อาทิ โครงการระบบปฎิบัติการ One License One Code ในการเขตการค้าเสรีเซี่ยเหมิน โครงการชำระภาษีผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ และโครงการเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านคุณภาพชีวิต เป็นต้น
นอกจากนี้ เขตการค้าเสรีเซี่ยเหมินยังเป็นพื้นที่ริเริ่มระบบ “Single Window” สำหรับการค้าระหว่างประเทศ โดยบูรณาการขั้นตอนในพิธีศุลกากรให้มีความสะดวกรวดเร็วสำหรับผู้ใช้บริการ กล่าวคือ “One platform One window Once submitted and Once completed” และที่ผ่านมาพบว่า การใช้ระบบ Single Window ในเขตการค้าเสรีเซี่ยเหมินสามารถลดอัตราความยุ่งยากของข้อมูลในการยื่นคำร้องได้ถึงร้อยละ 32.7 ยกระดับประสิทธิภาพในการยื่นคำร้องได้มากกว่าร้อยละ 50 และลดระยะเวลาในการยื่นคำร้องขอเทียบท่าเรือนำเข้า-ส่งออกจาก 1 วันครึ่ง เหลือ 2.30 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมีแพล็ตฟอร์มที่เป็นบริษัทสำหรับให้บริการยื่นคำร้องโดยตรงมากกว่า 3,700 บริษัท และบริษัทสำหรับรับบริการทางอ้อมมากกว่า 15,000 บริษัท ทำให้ในแต่ละวันมีเอกสารคำร้องต่อวันสูงถึง 30,000 รายการ
ในขณะเดียวกัน เขตการค้าเสรีเซี่ยเหมินยังเป็นพื้นที่ต้นแบบในการใช้ระบบ “One Stop Service” สำหรับการลดขั้นตอนการตรวจสอบในพิธีศุลกากร โดยใช้สถานที่ตรวจสอบ 1 แห่ง บันทึกข้อมูล 1 ครั้ง จากนั้นแยกประเภทคำร้อง/สินค้า แล้วส่งต่อมายังเจ้าพนักงานเพื่อเปิดตู้ตรวจสอบสินค้า 1 ครั้ง เมื่อตรวจสอบว่าถูกต้องตามกฏหมายแล้ว จะทำการอนุมัติผ่านทางอินเทอร์เน็ตและปล่อยสินค้า ถือเป็นอันจบขั้นตอนการตรวจสอบในพิธีศุลกากร ซึ่งระบบดังกล่าว สามารถลดเวลาได้ถึงร้อยละ 40 ลดต้นทุนแรงงานคนได้ร้อยละ 50 และประหยัดต้นทุนสินค้าในแต่ละตู้คอนเทนเนอร์ได้ตู้ละ 600 หยวน นอกจากนี้ ศุลกากรยังพัฒนาระบบให้ทั้งสองฝ่ายสามารถตรวจสอบข้อมูลผลลัพธ์และสถานะการตรวจสอบได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการทำงาน และอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ ทั้งนี้ ประโยชน์ที่ได้รับจากนวัตกรรมระบบการค้าใหม่นี้ ทำให้มีปริมาณการนำเข้าผลไม้ไต้หวัน เบียร์ และไวน์แดงผ่านท่าเรือเซี่ยเหมินเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 70 ร้อยละ 26 และร้อยละ 8 ตามลำดับ
* * * * * * * * * *