สื่อมวลชนไทยร่วมเอี่ยวครั้งแรกในกิจกรรมแรลลี่นานาชาติจีน-อาเซียน ประจำปี 56
13 Aug 2013สำนักข่าวซินหัวเขตฯ กว่างซีจ้วง : นครหนานหนิงเตรียมระเบิดศึกการแข่งขันรถยนต์แรลลี่นานาชาติจีน-อาเซียน และการแข่งขันรถยนต์แรลลี่สื่อมวลชนจีน-อาเซียนประจำปี 2556 ต้นเดือนกันยายนศกนี้
การแข่งขันรถยนต์แรลลี่ฯ ได้กลายเป็นกิจกรรมประจำปีของกว่างซี(นครหนานหนิง)กับประเทศสมาชิกอาเซียนแล้ว
ปีนี้ มีรถยนต์จำนวน 26 คันจาก 8 ประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าร่วมการแข่งขัน (รวม 122 คน) โดยจะออกสตาร์ทจากนครหนานหนิง ในวันที่ 6 กันยายน 2556 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการจัดงานมหกรรมแสดงสินค้าจีน-อาเซียน ครั้งที่ 10 (10th CAEXPO)
นายเฉิน ลี่จี (Chen Li Ji, 陈立基) รองอธิบดีกรมการกีฬาเขตฯ กว่างซีจ้วง ให้ข้อมูลว่า การแข่งขันได้กำหนดเส้นทางผ่าน 6 ประเทศอาเซียน ได้แก่ เวียดนาม ลาว ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ และกัมพูชา) โดยจะใช้เวลา 22 วัน ซึ่งกลับเข้าด่านโหย่วอี้กวานของอำเภอระดับเมืองผิงเสียงในวันที่ 27 กันยายน 2556 รวมระยะทาง 10,000 กิโลเมตร
ความพิเศษของการแข่งขันในปีนี้ คือ มีรถยนต์แรลลี่ “ผู้สื่อข่าวไทย” เข้าร่วมแข่งขันด้วย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีรถยนต์สื่อมวลชนเข้าร่วมการแข่งขันนับตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา
นายเฉินฯ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สถานที่จัดการแข่งขันจะจัดขึ้นในประเทศไทยและกัมพูชา โดยโปรแกรมการแข่งขันแบ่งออกเป็น การแข่งขันรถยนต์ความเร็ว 2 สนาม การแข่งขันรถยนต์แรลลี่ 4 สนาม และการแข่งขันรถยนต์คาร์ท (Karting) อีก 1 สนาม
ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมการแข่งขันจะได้สัมผัสกับประเพณีวัฒนธรรมที่หลากหลายของประเทศสมาชิกอาเซียนตลอดเส้นทางการเดินทาง
ตามรายงาน ปี 2556 มีความสำคัญเนื่องจากเป็นปีครบรอบ 10 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างจีน-อาเซียน และเป็นปีครบรอบ 55 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนกับกัมพูชา ดังนั้น จึงกำหนดให้กัมพูชาเป็นประเทศเกียรติยศของการแข่งขันในปีนี้
ในระหว่างการแข่งขันในกัมพูชา ฝ่ายผู้จัดและกระทรวงกีฬากัมพูชาได้กำหนดจัดกิจกรรมสัมพันธ์ และการบริจาคอุปกรณ์กีฬาให้กับประเทศกัมพูชาอีกด้วย
BIC ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การแข่งขันรถยนต์แรลลี่นานาชาติจีน-อาเซียน เริ่มจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2549 ถึงปัจจุบันประสบความสำเร็จในการจัดมาแล้ว 7 ครั้ง
กิจกรรมดังกล่าวเป็นหนึ่งในกลไกที่มีประสิทธิภาพที่ช่วยส่งเสริมประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวระหว่างจีน-อาเซียนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการที่มีสื่อมวลชนเข้าร่วมการแข่งขันด้วยแล้วจะช่วยเสริมสร้างอิทธิพลและความเป็นที่รู้จักได้มากขึ้นอีก