“ภาษีศูนย์” บีบอุตสาหกรรมการผลิตผลไม้กว่างซีต้อง “รุก รับ และปรับตัว”

5 Jul 2013

หนังสือพิมพ์กว่างซี เดลี่ : ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เขตฯ กว่างซีจ้วง พยายามปรับโครงสร้างการผลิตผลไม้ของตนเอง เพื่อลดผลกระทบจากการดำเนินข้อตกลง ภาษีศูนย์ ภายใต้กรอบ FTA ระหว่างจีน-อาเซียน

จีน-ไทย เริ่มลดภาษีระหว่างกันในกลุ่มสินค้าเกษตรพิกัด 07-08 (ผัก และผลไม้) ภายใต้กรอบ Early Harvest จีน-อาเซียน เหลือร้อยละ ศูนย์ ล่วงหน้า 3 เดือน (เริ่ม 1 ตุลาคม 2546) ก่อนที่กรอบข้อตกลงกรอบใหญ่ (จีนกับสมาชิกเดิม 6 ประเทศ) จะดำเนินการลดภาษีระหว่างกันในวันที่ 1 มกราคม 2547

การดำเนินนโยบายดังกล่าวสร้างผลกระทบต่ออุตสาหกรรมผลไม้ในเขตฯ กว่างซีจ้วงไม่น้อย กว่างซีจึงจำเป็นต้องปรับปรุงโครงสร้างการผลิตในมณฑลใหม่ โดยลดพื้นที่การปลูกผลไม้เมืองร้อนและหันมาสนับสนุนการผลิตผลไม้เขตกึ่งร้อนทดแทน

ตามรายงาน หลังจากที่จีน-ไทย ดำเนินนโยบาย ภาษีศูนย์ได้สร้างความเสียหายให้กับการปลูกผลไม้เมืองร้อนในกว่างซี เช่น ลำใย ลิ้นจี่ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายมากกว่า 600 ล้านหยวน

ความได้เปรียบด้านคุณภาพ ราคา และรสชาติของผลไม้ชนิดเดียวกันจากอาเซียน ส่งผลให้กว่างซีจำต้องลดพื้นที่การปลูกลง โดยเมื่อเทียบกับ 10 ปีก่อน พบว่า พื้นที่ปลูกลำไย ลิ้นจี่ในกว่างซีลดลงมากกว่า 1 ล้านหมู่จีน (ราว  4.16 แสนไร่)

กว่างซีได้ปรับตัวและเบนเข็มไปปลูกผลไม้ประเภทอื่น โดยเฉพาะผลไม้เขตกึ่งร้อน เช่น ส้มชนิดต่างๆ ลูกพลับ กล้วยหอม องุ่น กีวี ฯลฯ เพื่อลดผลกระทบและสร้างแรงแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมผลไม้ของตนเอง

ปัจจุบัน กว่างซีก้าวขึ้นมาเป็นมณฑลที่มีศักยภาพการผลิตผลไม้รายใหญ่อันดับ 5 ของจีน โดยผลไม้หลายชนิดมีปริมาณการผลิตมากเป็นอันดับหนึ่งของจีน โดยเฉพาะผลไม้ตระกูลส้ม และลูกพลับ

จากข้อมูลปี 55 กว่างซีมีพื้นที่ปลูกผลไม้ 14.96 ล้านหมู่จีน (ราว 6.23 ล้านไร่) ปริมาณผลผลิต 10.31 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าการผลิต 25,200 ล้านหยวน (คิดเป็นสัดส่วนเกินกว่าร้อยละ 10 มูลค่าการผลิตภาคการเพาะปลูกของกว่างซี)

BIC ตั้งข้อสังเกตว่า กว่างซีไม่ได้ละทิ้งการปลูกผลไม้เมืองร้อนแต่อย่างใด แม้ว่าจะมีการลดพื้นที่การปลูกลง แต่ในขณะเดียวกันกว่างซีได้มุ่งมั่นด้านการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ผลไม้เขตร้อนให้ได้คุณภาพทัดเทียมผลไม้จากอาเซียน

อีกทั้ง ยังมีการขยายพื้นที่การปลูกผลไม้บางชนิดที่ยังมีช่องว่างทางการตลาด เพื่อแข่งขันกับประเทศสมาชิกอาเซียน เช่น แก้วมังกร ชมพู่ และมะม่วง

ดังนั้น อุตสาหกรรมผลไม้ไทยไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะเมื่อใดที่กว่างซี (จีน) สามารถพัฒนาอุตสาหกรรมผลไม้ของตนเองจนมีคุณภาพเทียบชั้นของไทยแล้ว ตลาดส่งออกของไทยคงได้รับผลกระทบไม่น้อยเช่นกัน

 

เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครเฉิงตู

ข่าวที่เกี่ยวข้อง


ข่าวยอดนิยม

อ่านข่าวอื่น

BACK TO TOP

กลับขึ้นด้านบน