ฟอร์รั่ม Pan Beibu-Gulf ปีนี้ พร้อมเป็นกลไกส่งเสริมการลงทุนของวิสาหกิจจีนในอาเซียน
8 May 2014เว็บไซต์สำนักข่าวจีนนครหนานหนิง : งานประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจรอบอ่าวเป่ยปู้ (Pan Beibu-Gulf Economic Cooperation Forum, 泛北部湾经济合作论坛) จะมุ่งผลักดันการลงทุนของวิสาหกิจจีนในอาเซียน เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างสองฝ่ายให้เกิดความสมดุล
นายหวัง โสง ชาง (Wang Xiong Chang, 王雄昌) รองหัวหน้าสำนักงานคณะกรรมาธิการวางแผนและบริหารการพัฒนาเขตเศรษฐกิจอ่าวเป่ยปู้กว่างซี (Office of Construction and Management Commission of Beibu-Gulf Economic Zone, 北部湾经济区规划建设管理委员会办公室) ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวสำนักข่าวจีนเกี่ยวกับบทบาทของฟอร์รั่ม Pan Beibu-Gulf ซึ่งสามารถสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
งานประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจรอบอ่าวเป่ยปู้ ครั้งที่ 8 (8th PBG Economic Cooperation Forum) กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 15 พฤษภาคม 2557
ไฮไลท์สำคัญของงานฟอร์รั่มในครั้งนี้ คือ การสร้างเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่21 การค้าสู่การลงทุนระหว่างจีนกับอาเซียน และการสร้างสรรค์รูปแบบการลงทุนข้ามประเทศในภาคอุตสาหกรรมรอบอ่าวเป่ยปู้กว่างซี
นายหวังฯ กล่าวว่า เป้าหมายของการจัดตั้งเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน (CAFTA) ก็เพื่อต้องการส่งเสริมความเจริญร่วมกันระหว่างจีนและอาเซียน ทว่า ปัจจุบัน อาเซียนเป็นฝ่ายเสียดุลการค้าให้กับจีน เนื่องจากการการลงทุนของจีนในอาเซียนค่อนข้างน้อย
หากพิจารณาจากโครงสร้างการค้า พบว่า สินค้าส่งออกจากอาเซียนไปยังจีน ส่วนใหญ่เน้นสินค้าเกษตรที่มีมูลค่าเพิ่มค่อนข้างต่ำ ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมยังมีจำนวนไม่มาก
การที่จีนได้เปรียบดุลการค้าอาเซียน ทำให้ชาติสมาชิกอาเซียนเกิดความสงสัยและเห็นว่าจีนเป็นฝ่ายได้ประโยชน์จากการจัดตั้งเขตการค้าเสรีมากกว่า ซึ่งนั่นไม่ใช่เจตนารมณ์ที่แท้จริงของการจัดตั้งเขตการค้าเสรีระหว่างสองฝ่าย หากแต่เป็นการได้ประโยชน์ทางการค้าร่วมกันทั้งสองฝ่าย
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายข้างต้น จึงมีความจำเป็นต้องผลักดันให้วิสาหกิจจีน “ก้าวออกไป” ลงทุนในอาเซียนให้มากขึ้น ใช้ประโยชน์จากค่าแรงที่ค่อนข้างต่ำในอาเซียน ดำเนินการแปรรูปสินค้าในอาเซียน เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการจ้างงานในท้องถิ่น
นายหวังฯ กล่าวต่อว่า ระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศในอาเซียนมีความแตกต่างกัน บางประเทศมีความเจริญกว่าจีน ทว่า ส่วนใหญ่มีระดับความเจริญทางเศรษฐกิจต่ำกว่าจีน จึงต้องการเม็ดเงินลงทุนจำนวนมากจากจีน
ในส่วนของลงทุนของจีนในอาเซียน บางธุรกิจก็ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เช่น นิคมอุตสาหกรรมไทย-จีน (Thai-Chinese Rayong Industrial Zone) ในจังหวัดระยอง ซึ่งฟอร์รั่มครั้งนี้ก็ได้เชิญฝ่ายผู้ลงทุนจัดตั้งนิคมแห่งนี้มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ความสำเร็จ เพื่อคลายความกังวลให้กับวิสาหกิจจีนในการออกไปลงทุนในอาเซียน
นิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้มีมูลค่าเงินลงทุนสะสมรวม 8,000 ล้านหยวน เป็นนิคมอุตสาหกรรมที่มีความทันสมัยที่เปิดรับนักลงทุนจีน ซึ่งร่วมทุนระหว่างกลุ่มบริษัท Holley Group (华立集团) นครหังโจวกับบริษัท Amata Corp. ของไทย
นิคมแห่งนี้ยังถือเป็นนิคมอุตสาหกรรมเชิงบูรณาการแห่งแรกของวิสาหกิจจีนก่อตั้งขึ้นในต่างประเทศ ซึ่งมีการวางแผนดึงดูดวิสาหกิจจีน จำนวน 50-100 ราย มีมูลค่าการผลิตปีละ 20,000-30,000 ล้านหยวน (ข้อมูล ณ ปี 55 มีวิสาหกิจเข้ามาลงทุนแล้ว 50 ราย)
นายหวังฯ กล่าวว่า ความร่วมมือรอบอ่าวเป่ยปู้พร้อมจะเป็นเวทีในการผลักดันการใช้ประโยชน์จากกองทุนความร่วมมือด้านการลงทุนจีนกับอาเซียน (เพราะการใช้ประโยชน์ในปัจจุบันยังมีไม่มากนัก) โดยเฉพาะการเป็นตัวประสานหรือจับคู่กองทุนฯ กับโครงการลงทุนของอาเซียนที่ต้องการเงินทุนเร่งด่วน
นายหวังฯ กล่าวว่า ขณะนี้ กว่างซีและเวียดนามกำลังมุ่งผลักดันการจัดตั้ง “เขตความร่วมมือทางเศรษฐกิจข้ามพรมแดนจีน-เวียดนาม” (China-Vietnam Cross Border Economic Cooperation Zone, 中越跨境经济合作区) เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างสองฝ่ายให้มีเกิดความสมดุล เป็นการผลักดันการพัฒนาทางเศรษฐกิจในพื้นที่ตอนเหนือของประเทศเวียดนาม ทำให้ชายแดนจีน-เวียดนามเกิดความเจริญและมั่นคงในระยะยาว