ผู้นำจีนประกาศ “รัดเข็มขัด”.. แรงประหยัดกระทบรายได้ภัตตาคารหรูเมืองใหญ่ในจีน!!

25 Feb 2013

ปัจจุบัน ผู้บริโภคในจีน (ภาครัฐ/ภาคเอกชน) กำลังฮิตการสั่งอาหารแบบพอกินไม่เหลือทิ้ง ตามแนวนโยบายรณรงค์ให้“รัดเข็มขัด” ของนายสี จิ้นผิง(习近平)ว่าที่ผู้นำจีนคนใหม่ ซึ่งส่งผลให้รายได้ของภัตตาคารหรูในตัวเมืองชั้นนำของจีน (เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ หนิงโป) ตั้งแต่ช่วงเดือน ม.ค. จนถึงช่วงหลังตรุษจีนลดลงกว่าร้อยละ 35

 

ลดค่าใช้จ่าย… ด้วยนโยบาย “รัดเข็มขัด”

ระหว่างที่นายสี จิ้นผิงเตรียมขึ้นรับตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก็ได้ประกาศถึงแนวคิดลบล้างปัญหาทุจริต/รับสินบนของเจ้าหน้าที่รัฐและปัญหาความฟุ่มเฟือยของชาวจีน เพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและสะท้อนวิสัยทัศน์ในการบริหารประเทศของรัฐบาลใหม่ โดยมีนโยบายต่างๆ ออกมา เช่น การใช้งบประมาณจัดเลี้ยงของหน่วยงานภาครัฐอย่างโปร่งใส การงดสั่งสุราในการจัดงานเลี้ยงรับรองของเจ้าหน้าที่รัฐ การงดจัดดอกไม้ต้อนรับในงานของรัฐบาล การแบนโฆษณาสินค้าฟุ่มเฟือยบนสถานีวิทยุและโทรทัศน์ เป็นต้น ล่าสุดรัฐบาลก็ได้มีการรณรงค์ให้ประชาชนสั่งอาหารในภัตตาคารแต่พอดี ไม่สั่งเกินเพื่อให้ได้หน้า เพื่อช่วยลดปัญหาจำนวนของอาหารเหลือทิ้งให้มีน้อยลง

จากนโยบายดังกล่าว รวมถึงสภาพเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ทำให้ทั้งภาครัฐและประชาชนจีน“รัดเข็มขัด” กันมากขึ้น ทั้งนี้ แม้ว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตเพิ่มขึ้น แต่ก็มิได้ขยายตัวในอัตราที่สูงมากเหมือนในอดีต ทางการจีนก็ยังต้องจับตาดูทิศทางเศรษฐกิจโลกที่อาจจะกระทบต่อเศรษฐกิจจีน ขณะที่ประชาชนก็เริ่มตอบรับนโยบายการรณรงค์ดังกล่าว โดยสั่งอาหารแบบพอกิน และหากมีเหลือก็มักจะห่อกลับบ้าน ซึ่งร้านอาหารเองก็มีการจัดกล่องสำหรับบรรจุอาหารกลับบ้านขานรับนโยบายของภาครัฐเช่นกัน

ปัจจัยข้างต้นได้ส่งผลกระทบต่อภัตตาคารหรูในจีนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตัวเมืองใหญ่ ที่มียอดขายการใช้บริการและการสั่งอาหารจานหรูลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยรายงานล่าสุดจากการสำรวจของกระทรวงพาณิชย์จีนช่วงเดือน ม.ค. ที่ผ่านมาพบว่ายอดขายของภัตตาคารหรูในกรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ และเมืองหนิงโป เฉลี่ยลดลงถึงร้อยละ 35 ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการสั่งอาหารจานหรูที่มีราคาแพงน้อยลง นอกจากนี้ นโยบาย“รัดเข็มขัด” ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบให้ยอดขายรังนกและหอยเป่าฮื้อเฉลี่ยลดลงร้อยละ 40 หูฉลามลดลงร้อยละ 70 ตลอดจนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่นิยมให้เป็นของขวัญที่มีชื่อเสียง เช่น เหล้าขาวเหมาไถ(茅台) เหล้าขาวอู่เหลียงเย่(五粮液)และไวน์นำเข้าจากต่างประเทศ เป็นต้น ล้วนมียอดขายลดลงอย่างเห็นได้ชัดด้วยเช่นกัน

ใช้น้อย แต่เงินไม่ลดน้อย!! โอกาสธุรกิจยังคอยผู้ที่เตรียมพร้อม

การรณรงค์เรื่อง“รัดเข็มขัด” ดังกล่าวมีผลต่อพฤติกรรมการบริโภคในจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานภาครัฐจีนที่ปกติมักจะมีค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยในด้านการเลี้ยงรับรองในภัตตาคารจีนหรูหรา หรือมีการส่งมอบของขวัญราคาแพงที่ดูแล้วเกินความจำเป็น เป็นต้น โดยจะเห็นได้ว่าหน่วยงานภาครัฐจีนทั้งหมดล้วนขานรับกับนโยบายของว่าที่ผู้นำคนใหม่ สมดังชื่อเสียงของจีนที่ว่า“ภาครัฐสั่งได้”

ทั้งนี้ ภัตตาคารจีนหรูที่มักเป็นสถานที่จัดเลี้ยงของหน่วยงานภาครัฐจีนน่าจะได้รับผลกระทบจากการรณรงค์ดังกล่าวมากที่สุด ส่วนร้านอาหารอื่นๆ อย่างร้านอาหารจีนที่มิใช่รูปแบบจัดเลี้ยงหรูหรา แต่เป็นแบบรองรับผู้บริโภคระดับทั่วไป หรือร้านอาหารต่างชาติที่มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าสมัยใหม่ ซึ่งสรรหาความแตกต่างและความทันสมัยให้กับชีวิต อาจจะได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย ดังนั้นในส่วนของการบริโภคระดับประชาชนคงอาจจะยังเป็นไปตามกำลังทรัพย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน

ปัจจุบัน ผู้บริโภคในเซี่ยงไฮ้ยังมีแนวโน้มของกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจะเห็นได้จากรายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชาชนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาที่ขยายตัวกว่าร้อยละ 70 โดยในปี 2555 รายได้ประชาชนในเขตเมืองเฉลี่ยเท่ากับคนละ 40,188 หยวนต่อปี และในเขตชนบทเฉลี่ยเท่ากับ 17,401 หยวนต่อปี ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าปี 2554 ร้อยละ 10.9 และร้อยละ 11.2 ตามลำดับ ทั้งนี้ รัฐบาลเซี่ยงไฮ้ยังตั้งเป้าหมายรักษาให้อัตราการเพิ่มขึ้นของรายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชาชนในเขตเมืองและเขตชนบทสูงกว่าอัตราการเติบโตของ GDP เซี่ยงไฮ้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงกำลังซื้อที่สูงของผู้บริโภคในเซี่ยงไฮ้ได้เช่นกัน

สำหรับผู้ประกอบการไทยที่สนใจเข้ามาทำธุรกิจในจีนคงยังต้องติดตามความคืบหน้าของของนโยบายภาครัฐจีนอย่างต่อเนื่อง เช่น นโยบายการกระตุ้นการบริโภคภายในแทนที่การพึ่งพาจากต่างประเทศ รวมถึงต้องเตรียมความพร้อมในการศึกษาข้อมูลทางการตลาด สามารถปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายของรัฐบาลจีน มีการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีแตกต่าง (แบบที่หาไม่ได้ในท้องถิ่นจีน) ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสามารถพิชิตใจของผู้บริโภคในจีนได้ โดยโอกาสทางธุรกิจยังคงคอยผู้ที่เตรียมพร้อมเสมอ!!

_______________________

จัดทำโดย น.ส. เทพรัตน์ ตันติกัลยาภรณ์ และนายโอภาส เหลืองดาวเรือง

ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในจีน ณ นครเซี่ยงไฮ้

แหล่งข้อมูล : นสพ. Shanghai Daily (21 ก.พ. 2555) และข้อมูลรายงานในงานแถลงการณ์สภาพการค้าและการลงทุนของนครเซี่ยงไฮ้ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2556

เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครเฉิงตู

ข่าวที่เกี่ยวข้อง


ข่าวยอดนิยม

อ่านข่าวอื่น

BACK TO TOP

กลับขึ้นด้านบน