นโยบายอากรแสตมป์เบรคการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกง ในขณะที่ร้านค้าปลีกยังหลั่งไหล เข้ามาเปิดสาขาในฮ่องกงอย่างต่อเนื่อง

21 May 2013

ฮ่องกงมีปริมาณการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารพาณิชย์ลดลงในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2556 โดยเป็นผลมาจากการชะลอการลงทุนของนักลงทุนระยะสั้น เนื่องจากได้รับผลกระทบจากนโยบายอากรแสตมป์[1]



Photo from SCMP

นาย Antonio Wu ตำแหน่ง Executive director แผนกบริการด้านการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย บริษัท Colliers International ซึ่งเป็นบริษัทนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์ให้ความเห็นว่า ผู้ซื้อชะลอการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพราะคาดว่า ผู้ขายจะต้องลดราคาเสนอขายลงเพื่อชดเชยกับค่าอากรแสตมป์ที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ผู้ขายยังไม่ยอมปรับลดราคาเสนอขายมากนัก เนื่องจากอสังหาริมทรัพย์ในมือยังให้ค่าเช่าค่อนข้างสูง ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงซบเซาและมีกิจกรรมการซื้อ-ขายน้อยลง บริษัท Midland IC&I ซึ่งเป็นบริษัทนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ปริมาณการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารอุตสาหกรรมและสำนักงานระหว่างเดือน ม.ค. – เม.ย. 2555 ลดลงเกือบครึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2555 โดยเป็นผลมาจากการที่นักลงทุนระยะสั้นถอยออกจากตลาด เหลือเพียงผู้บริโภคและนักลงทุนระยะยาว นอกจากนี้ ตลาดการลงทุนของฮ่องกงยังคงไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ ทำให้นักลงทุนบางส่วนเริ่มหันไปสนใจอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกาและยุโรปมากขึ้น

อย่างไรก็ดี ฮ่องกงยังคงเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของร้านค้าปลีกแบรนด์ดังทั่วโลกในการเข้ามาขยายสาขา โดยผลการศึกษาจาก CBRE Global Research & Consulting พบว่า ในปี 2555 มีร้านค้าปลีกแบรนด์ดังจากทั่วโลกเข้ามาเปิดสาขาในฮ่องกงถึง 51 แบรนด์ สูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตามมาด้วยสิงคโปร์ (27 แบรนด์) และกรุงโตเกียว (24 แบรนด์) โดยผู้ประกอบการมองว่า ฮ่องกงเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการสร้าง Brand awareness ก่อนบุกเข้าตลาดจีน และการเข้ามาขยายสาขาร้านค้าในฮ่องกงยังได้ประโยชน์จากการเข้ามาจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวชาวจีนด้วย





Photo from SCMP

ผลการศึกษายังพบว่า ร้อยละ 25 ของร้านค้าปลีกแบรนด์ใหม่ที่เข้ามาเปิดสาขาในฮ่องกงเป็นร้านค้าสินค้าระดับหรู ในขณะที่สินค้าระดับกลาง (mid-range fashion) เริ่มมีการขยายตัวมากขึ้น สะท้อนให้เห็นว่า พฤติกรรมการบริโภคของนักท่องเที่ยวชาวจีนเริ่มเปลี่ยนไป จากเดิมที่นิยมบริโภคเฉพาะสินค้าระดับหรู (top-tier luxury) เป็นการหันมาสนใจสินค้าระดับกลางมากขึ้น ซึ่งน่าจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมค้าปลีกของฮ่องกงต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้

 


[1]

เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2556 รัฐบาลฮ่องกงประกาศนโยบายควบคุมราคาอสังหาริมทรัพย์ ดังนี้ (1) เพิ่มอัตราอากรแสตมป์ (Ad valorem stamp duty-AVD) สำหรับการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภทเป็น  2 เท่า (2) เรียกเก็บอากรแสตมป์สำหรับการซื้อ-ขาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัย (non-residential properties) ทันทีหลังการลงนามในสัญญาซื้อ-ขาย จากเดิมที่เรียกเก็บเมื่อมีการโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์นั้น เพื่อเป็นการป้องกันการเก็งกำไรของนักลงทุน โดยนโยบายดังกล่าวได้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 ก.พ. 2556 เป็นต้นไป

เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครเฉิงตู

ข่าวที่เกี่ยวข้อง


ข่าวยอดนิยม

อ่านข่าวอื่น

BACK TO TOP

กลับขึ้นด้านบน