ท่าเรือ ๕๔๘ แห่ง และขบวนรถไฟกว่า ๓๖,๐๐๐ ขบวน: ข้อมูลสองจุดแสดงให้เห็นว่ามณฑลเสฉวนและนครฉงชิ่งทำงานร่วมกันเพื่อ “ก้าวสู่ระดับโลก”
17 Jan 2025
ณ ระเบียงการค้าระหว่างประเทศเชื่อมทางบกและทางทะเลสายใหม่ New International Land-Sea Trade Corridor (ILSTC) ในนครฉงชิ่ง เขตซ่าผิงป้า รถบรรทุกจำนวนมากเพิ่งมาถึงตำแหน่งที่กำหนด เครื่องยกคอนเทนเนอร์อัจฉริยะที่ควบคุมจากระยะไกลทำการจับคอนเทนเนอร์สินค้าในทันที การขนส่ง การบรรทุก และการออกเดินทางดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง คอนเทนเนอร์ที่บรรจุสินค้าคุณภาพเต็มลำได้ข้ามผ่านภูเขาและทะเลสู่ตลาดโลก ขณะเดียวกัน อีกกว่า ๒๐๐ กิโลเมตรห่างออกไป ที่ท่าเรือรถไฟนานาชาตินครเฉิงตู บรรยากาศก็เต็มไปด้วยความคึกคักและเป็นระเบียบเช่นกัน คอนเทนเนอร์จำนวนมากถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ เพื่อรอการส่งต่อไปยังประเทศต่าง ๆ ที่อยู่ตามแนวเส้นทางของรถไฟขนส่งสินค้าจีน-ยุโรป
ภาพเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นทุกวัน และเป็นเครื่องยืนยันถึงความร่วมมือของมณฑลเสฉวนและนครฉงชิ่งที่ขยายการเปิดประเทศในระดับสูงขึ้น ทำให้ระยะทางระหว่างภูมิภาคนี้กับโลกสั้นลงเรื่อย ๆ ในช่วงเวลาแห่งโอกาสสำคัญครบรอบ ๕ ปีของการดำเนินยุทธศาสตร์การสร้างเขตวงกลมเศรษฐกิจนครเฉิงตู-นครฉงชิ่ง ผู้สื่อข่าวจาก Upstream News ได้ติดตามคณะสื่อกระแสหลักของทั้งสองพื้นที่ เพื่อสำรวจเรื่องราวการเชื่อมต่อเส้นทางโลจิสติกส์ขนาดใหญ่และความพยายามร่วมกันในการสร้างรูปแบบใหม่ของการเปิดกว้างสู่ระดับโลกในพื้นที่นี้

ระเบียงการค้าระหว่างประเทศเชื่อมทางบกและทางทะเลสายใหม่ New International Land-Sea Trade Corridor (ILSTC) เชื่อมต่อ ๑๒๖ ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก
ระเบียงการค้าระหว่างประเทศเชื่อมทางบกและทางทะเลสายใหม่ (New International Land-Sea Trade Corridor – ILSTC) ได้สร้างโอกาสทางการค้าและการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ผลผลิตจากประเทศสมาชิกอาเซียน เช่น ทุเรียนและข้าว ได้ถูกนำมาวางจำหน่ายในตลาดจีน ขณะที่มะนาวจากเขตถงหนาน นครฉงชิ่ง ได้เปิดตลาดผลไม้สดในต่างประเทศ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์จากจีน เช่น รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ยังสามารถส่งออกไปยังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างกว้างขวาง
ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีนได้ประกาศ “แผนยุทธศาสตร์สำหรับระเบียงการค้าระหว่างประเทศเชื่อมทางบกและทางทะเลสายใหม่” ยกระดับโครงการนี้เป็นยุทธศาสตร์ระดับชาติ ทำให้เกิดเส้นทางการพัฒนาใหม่ โดยมีนครฉงชิ่งเป็นศูนย์กลางการดำเนินงาน และใช้ระบบการขนส่งที่หลากหลาย เช่น ทางรถไฟ ทางเรือ และทางถนน เชื่อมต่อไปยังโลกผ่านท่าเรือชายฝั่งในเขตปกครองกว่างซีและยูนนาน
ท่าเรือบกในนครฉงชิ่ง เป็นส่วนสำคัญของระเบียงการค้านี้ ที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน เช่น ลานจัดเก็บคอนเทนเนอร์อัจฉริยะและคลังสินค้าห้องเย็น รวมถึงศูนย์กระจายสินค้านำเข้าและส่งออก ซึ่งช่วยสร้างระบบการขนส่งและเก็บรักษาสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ เสริมสร้างรูปแบบการเปิดกว้างที่เชื่อมโยงระหว่างทางบกและทางทะเล
ด้วยการพัฒนาระเบียงการค้า ILSTC นครเฉิงตูและนครฉงชิ่งได้นำกระบวนการเชื่อมต่อระหว่างทางรถไฟและทางเรือที่เดิมต้องทำในท่าเรือชายฝั่งมาเริ่มดำเนินการตั้งแต่ขั้นตอนทางบก ช่วยให้บริษัทในพื้นที่สามารถลดต้นทุนการดำเนินงานและเพิ่มประสิทธิภาพการส่งออกได้อย่างมีนัยสำคัญ
ปัจจุบัน ระเบียงการค้า ILSTC ครอบคลุม ๑๘ มณฑล ๗๓ เมือง และ ๑๕๖ สถานีในจีน พร้อมเชื่อมต่อกับ ๑๒๖ ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก ผ่าน ๕๔๘ ท่าเรือ นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งคลังสินค้าในต่างประเทศ ๒๔ แห่ง ใน ๑๘ ประเทศ ซึ่งช่วยเสริมสร้างความใกล้ชิดในด้านการค้าและการขนส่งระหว่างจีนกับประเทศอาเซียนและเอเชียกลาง นายหลิว ไท่ผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์และประธานบริษัทผู้ดำเนินงานระเบียงการค้า ILSTC กล่าวว่า “เราจะร่วมมือกับมณฑลเสฉวนและทุกภาคส่วนอย่างใกล้ชิดเพื่อพัฒนาโครงการนี้ให้กลายเป็นศูนย์กลางการพัฒนาเศรษฐกิจคุณภาพสูงในภูมิภาคตะวันตก และสร้างฐานใหม่สำหรับการมีส่วนร่วมในเวทีการแข่งขันระดับนานาชาติ”

รถไฟจีน-ยุโรป (นครเฉิงตู-นครฉงชิ่ง) เปิดให้บริการสะสมแล้วกว่า ๓๖,๐๐๐ ขบวน เชื่อมโยงเส้นทางการค้าโลก
ในช่วงฤดูหนาว บรรยากาศที่ท่าเรือรถไฟนานาชาตินครเฉิงตูยังคงเต็มไปด้วยความคึกคักและเป็นระเบียบ ขบวนรถไฟจีน-ยุโรป (นครเฉิงตู-นครฉงชิ่ง) ที่บรรทุกสินค้าหลากหลายออกเดินทางตัดผ่านเส้นขอบฟ้าอย่างต่อเนื่อง บนตัวรถไฟปรากฏข้อความ “ขบวนรถไฟจีน-ยุโรป (นครเฉิงตู-นครฉงชิ่ง) 中欧班列(成渝)” ส่องประกายในแสงแดด สินค้าภายในขบวนรถไฟถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ ตั้งแต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ทั้งคัน ผลิตภัณฑ์เกษตร ไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ สินค้าแต่ละชิ้นล้วนสะท้อนความฝันของธุรกิจในนครเฉิงตูและนครฉงชิ่งในการก้าวสู่ตลาดโลก
รถไฟจีน-ยุโรป (นครเฉิงตู-นครฉงชิ่ง) ไม่เพียงแต่ตอบสนองการค้าขายสินค้าระหว่างจีนกับประเทศในภูมิภาคเอเชียและยุโรป แต่ยังช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมในพื้นที่ เช่น อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ผลิตภัณฑ์เกษตร เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ เวชภัณฑ์ชีวภาพ และอุปกรณ์ขนส่งขั้นสูง ผ่านระบบซัพพลายเชนระหว่างประเทศที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพสูง
ในปีนี้ ขบวนรถไฟจีน-ยุโรป (นครเฉิงตู-นครฉงชิ่ง) ได้เปิดตัวเส้นทางขนส่งด่วนใหม่ผ่านระเบียงการค้าข้ามประเทศแถบทะเลแคสเปียน เพื่อเพิ่มช่องทางขนส่งสินค้าแบบหลากหลายให้กับธุรกิจในพื้นที่ นอกจากนี้ยังเน้นการพัฒนาเส้นทางการขนส่งแบบหลากหลายรูปแบบระหว่างเอเชียและยุโรป เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟจีน-ยุโรปกับ ระเบียงการค้าระหว่างประเทศเชื่อมทางบกและทางทะเลสายใหม่ (ILSTC) อย่างไร้รอยต่อ
รถไฟจีน-ยุโรป (นครเฉิงตู-นครฉงชิ่ง) ยังได้สร้างเส้นทางขนส่งแบบรางเชื่อมรางหลากหลาย เช่น “เส้นทางล้านช้าง-แม่โขง-นครเฉิงตู-ยุโรป”, “เวียดนาม-กว่างซี-เฉิงตู-ยุโรป”, “เวียดนาม-ยูนนาน-เฉิงตู-ยุโรป”, และ “จีน-ลาว-ไทย-มาเลเซีย” ซึ่งช่วยเปิดช่องทางการขนส่งระหว่างประเทศแบบหลากหลายสำหรับธุรกิจในพื้นที่ เสริมสร้างบทบาทการเป็นศูนย์กลางการเปิดประเทศของภูมิภาคนครเฉิงตู-นครฉงชิ่ง
ตั้งแต่การเปิดตัว รถไฟจีน-ยุโรป (นครเฉิงตู-นครฉงชิ่ง) ในปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ขบวนรถไฟนี้ได้รวมการจัดการทั้งในด้านเครื่องหมายการค้า อัตราค่าบริการ และการจัดการขบวนรถอย่างมีมาตรฐาน รวมถึงเปิดเส้นทางเพิ่มขึ้นกว่า ๕๐ เส้นทาง ครอบคลุมเมืองในภูมิภาคเอเชียและยุโรปกว่า ๑๒๐ เมือง ทำให้เป็นขบวนรถไฟจีน-ยุโรปที่มีจำนวนการเดินรถมากที่สุด มูลค่าการขนส่งสูงที่สุด และมีความร่วมมือระดับภูมิภาคที่กว้างขวางที่สุด
นายหนิง เว่ย หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัทพัฒนาการลงทุนท่าเรือรถไฟนานาชาตินครเฉิงตู กล่าวว่า การร่วมมือระหว่างนครเฉิงตูและนครฉงชิ่งมีความเข้มแข็งขึ้น เช่น การใช้บริการคลังสินค้าต่างประเทศร่วมกันในฮัมบูร์ก เยอรมนี และบูดาเปสต์ ฮังการี ช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าของทั้งสองฝ่ายได้ประมาณ ร้อยละ ๓๐ พร้อมยกระดับคุณภาพบริการขนส่งโลจิสติกส์ ในอนาคต ทั้งสองเมืองจะขยายความร่วมมือในด้านการพัฒนาทางตอนใต้ ยกระดับการรับรู้ของรถไฟจีน-ยุโรป (นครเฉิงตู-นครฉงชิ่ง) และร่วมกันพัฒนากฎเกณฑ์การค้าทางบกรูปแบบใหม่ เสริมสร้างบทบาทของทั้งสองเมืองในฐานะศูนย์กลางเชื่อมโยงเศรษฐกิจระหว่างประเทศอย่างลึกซึ้งและยั่งยืน

สร้างศูนย์กลางการเปิดกว้างไปทางตะวันตกและใต้ ร่วมพัฒนาระบบขนส่งแบบหลากหลายรูปแบบ
ในช่วง ๕ ปีที่ผ่านมา นครเฉิงตูและนครฉงชิ่งได้ร่วมกันเร่งพัฒนา ระเบียงการค้าระหว่างประเทศเชื่อมทางบกและทางทะเลสายใหม่ New International Land-Sea Trade Corridor (ILSTC) และ รถไฟจีน-ยุโรป (นครเฉิงตู-นครฉงชิ่ง) พร้อมทั้งพัฒนาระบบขนส่งแบบหลากหลายรูปแบบ (Multimodal Transport) โดยมีการเชื่อมโยงระบบราง ถนน และน้ำอย่างไร้รอยต่อ
ในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งสองเมืองได้ร่วมผลักดันโครงการต่าง ๆ เช่น การก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าหลานโจว-ฉงชิ่ง เพื่อเพิ่มศักยภาพการขนส่งสินค้าของเส้นทางรถไฟฟ้าหลานโจว-ฉงชิ่ง การเริ่มต้นก่อสร้างทางรถไฟเฉิงตู-เมืองเก๋อเอ่อมู่ ซึ่งจะเชื่อมโยงเส้นทาง จีน-คีร์กีซสถาน-อุซเบกิสถาน และการพัฒนาช่องทางเดินเรือช่วงเมืองอี๋ปิน-นครฉงชิ่งเพื่อปรับปรุงการขนส่งแบบโรลออน/โรลออฟ (Ro-Ro)[๑] และสร้างศูนย์การเดินเรือในลุ่มน้ำตอนบนของแม่น้ำแยงซี
นอกจากนี้ นครเฉิงตูและนครฉงชิ่งยังให้ความสำคัญกับการผสมผสานเส้นทางโลจิสติกส์เข้ากับการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม เช่น การพัฒนาเขตอุตสาหกรรมท่าเรือศูนย์กลางในนครฉงชิ่ง ซึ่งดึงดูดบริษัทชั้นนำจำนวนมากเข้ามาตั้งฐานการผลิต ส่งผลให้เกิดการรวมตัวของอุตสาหกรรม และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเส้นทางโลจิสติกส์
เมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคมที่ผ่านมา การประชุมผลสรุปครั้งที่ ๑๐ ของคณะกรรมการพรรคและรัฐบาลระหว่างนครเฉิงตูและนครฉงชิ่งได้จัดขึ้นในนครฉงชิ่ง โดยที่ประชุมระบุว่า ภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๘ ทั้งสองเมืองจะร่วมมือกันสร้างศูนย์กลางการเปิดกว้างไปทางตะวันตกและใต้ โดยจะเน้นพัฒนาระบบขนส่งแบบหลากหลายรูปแบบ การสร้างแพลตฟอร์มการเปิดประเทศที่มีศักยภาพสูง และขยายพื้นที่ความร่วมมือด้านการลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างบทบาทของเขตวงกลมเศรษฐกิจนครเฉิงตู-นครฉงชิ่งให้เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์และการพัฒนาเศรษฐกิจที่สำคัญในระดับสากล
การพัฒนาระเบียงการค้าระหว่างประเทศเชื่อมทางบกและทางทะเลสายใหม่ (ILSTC) และรถไฟจีน-ยุโรป (นครเฉิงตู-นครฉงชิ่ง) เปิดโอกาสสำคัญให้ไทยในด้านเศรษฐกิจและการค้า เนื่องจากเส้นทางการขนส่งที่เชื่อมโยงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยุโรป และเอเชียกลาง ส่งผลให้สินค้าไทย เช่น ผลไม้ อาหารทะเล และผลิตภัณฑ์เกษตร มีช่องทางเข้าถึงตลาดจีนและประเทศปลายทางอื่น ๆ ได้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น โดยเฉพาะผ่านเส้นทาง จีน-ลาว-ไทย-มาเลเซีย ซึ่งส่งเสริมการค้าระหว่างไทยกับประเทศลุ่มแม่น้ำโขง
นอกจากนี้ การลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์และการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งในภูมิภาคยังช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของสินค้าส่งออกจากไทย ไทยยังมีโอกาสเข้าร่วมในระบบซัพพลายเชนระดับโลก โดยอาจพัฒนาเขตอุตสาหกรรมหรือศูนย์กระจายสินค้าที่สอดคล้องกับเส้นทางเหล่านี้ เพื่อดึงดูดการลงทุนและสร้างความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ
ยิ่งไปกว่านั้น การร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาค เช่น จีน ลาว และไทย สามารถสร้างโอกาสในการพัฒนากฎเกณฑ์ทางการค้าใหม่ ๆ และโครงการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม เช่น ทางรถไฟความเร็วสูง ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถด้านโลจิสติกส์และการขนส่งในระยะยาว ทั้งนี้ ไทยยังสามารถใช้โอกาสนี้สร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในด้านการค้า การลงทุน และเทคโนโลยี กับจีนและประเทศอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในโครงการดังกล่าวได้ด้วย
[๑] การขนส่งแบบโรลออน/โรลออฟ (Ro-Ro) เป็นวิธีการขนส่งสินค้าที่มีล้อ เช่น รถยนต์ รถบรรทุก หรือยานพาหนะอื่น ๆ โดยสินค้าจะถูกขับขึ้น (Roll-on) และขับลง (Roll-off) จากพาหนะขนส่ง เช่น เรือหรือรถไฟ ผ่านทางลาดที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ วิธีการนี้ช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการขนถ่ายสินค้า เนื่องจากไม่ต้องใช้เครนหรืออุปกรณ์ยกอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังลดความเสี่ยงต่อความเสียหายของสินค้า การขนส่งแบบ Ro-Ro มักใช้ในการขนส่งยานพาหนะระหว่างประเทศหรือภูมิภาคที่มีการเชื่อมต่อทางทะเลหรือทางบก
ที่มา: เข้าถึงข้อมูลวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๘
๑. https://mp.weixin.qq.com/s/H55BIujhw53c7xJPPQ-8CQ
๒. https://www.scbeic.com/th/detail/product/2060?utm_source=chatgpt.com
ที่มารูปภาพ:
๑. 699pic.com
๒. https://mp.weixin.qq.com/s/H55BIujhw53c7xJPPQ-8CQ