จีนลงทุนต่อต่างประเทศเพิ่มขึ้น 5 เท่าใน 5 ปีที่ผ่านมา
27 May 2013เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 56 PricewaterhouseCoopers (หรือ PwC) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทตรวจสอบบัญชีสี่แห่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ประกาศรายงานล่าสุดว่า การควบรวมและซื้อธุรกิจในต่างประเทศโดยบริษัทจีนใน 5 ปีที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมูลค่าการลงทุนทั้งหมดเพิ่มขึ้นจาก 10,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2551 เป็น 65,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2555 คิดเป็นการเพิ่มขึ้นมากกว่า 5 เท่า
รายงานระบุว่า บริษัทภาครัฐของจีนให้ความสำคัญกับโครงการพลังงาน ทรัพยากรและวัตถุดิบอย่างมาก ขณะที่บริษัทภาคเอกชนมีความสนใจกับธุรกิจเทคโนโลยีชั้นสูง ธุรกิจเกี่ยวกับการบริโภคมากกว่า จากปี 2551 ถึงปี 2555 นักลงทุนจากตลาดที่พัฒนาขึ้นมาใหม่มีการลงทุนต่อตลาดที่สมบูรณ์แบบ 161,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าปริมาณเงินทุนที่ตลาดสมบูรณ์แบบลงทุนในตลาดที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ (151,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ตามกระแสการลงทุนดังกล่าว จากปี 2552 เป็นต้นมา จีนได้กลายเป็นประเทศที่นำหน้าในตลาดที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ทั้ง 5 แห่ง หากมองจากมูลค่าการซื้อขาย การลงทุนร้อยละ 70 จากตลาดที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ต่อตลาดที่สมบูรณ์แบบมาจากจีนทั้งนั้น นอกจากนี้ หากจะเทียบกับตลาดที่พัฒนาขึ้นมาใหม่อื่นๆ การควบรวมและซื้อธุรกิจในต่างประเทศของจีนมีการทำธุรกรรมซื้อขายที่มีมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อครั้งมากกว่า
นายหวง เจีย หัวหน้าบริการวิสาหกิจจีน ฝ่ายภาษีอากรของ PwC แนะนำว่า ยอดการลงทุนในการควบรวมและซื้อธุรกิจในต่างประเทศของจีนมีอัตราเติบโตอย่างสูง แต่อัตราสัดส่วนในทั่วโลกอย่างยังอยู่ที่ระดับต่ำ ขณะที่บริษัทในตลาดที่สมบูรณ์แบบอยากได้นักลงทุนหรือเพื่อนร่วมมือจากตลาดที่พัฒนาขึ้นมาใหม่อย่างมาก เพื่อเปิดตลาดใหม่และขยายธุรกิจ อีกทางหนึ่ง โดยผ่านวิธีการควบรวมและซื้อธุรกิจจากต่างประเทศ บริษัทในตลาดที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ก็สามรถใช้ช่องทางการจำหน่าย ซัพพลายเชน (Supply Chain) ทรัพยากร เทคโนโลยี แบรนด์ ตลอดจนประสบการณ์การบริหารในตลาดที่สมบูรณ์แบบเป็นประโยชน์ได้อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน จากการควบรวมและซื้อธุรกิจในต่างประเทศ บริษัทยักษ์ใหญ่บางแห่งในตลาดที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ก็มีความหวังที่จะพัฒนาบริษัทในประเทศตนหรือท่องถิ่นให้เติบโตเป็นบริษัทข้ามชาติในระดับสากล