จีนมีแนวโน้มจะแซงฮ่องกงเป็นผู้ซื้ออสังหาฯ รายใหญ่ของไทย
1 Mar 2018ช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา ถือว่าเป็นช่วงที่คึกคักมากทั้งสำหรับบรรดาบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยและสำหรับบริษัทนายหน้า เนื่องจากกลุ่มชาวจีนชนชั้นกลางที่มั่งคั่งจำนวนมากใช้โอกาสในช่วงวันหยุดยาวเดินทางมาเลือกซื้ออสังหาฯ ในประเทศไทย
อสังหาฯ ไทยได้รับความนิยมจากกลุ่มนักลงทุนชาวจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2560 ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 3 (จากอันดับ 6 ในปี 2559) ตามหลังสหรัฐฯ และออสเตรเลีย ซึ่งเหตุผลหนึ่งมาจากราคาห้องชุดที่ประเทศไทยต่ำกว่าห้องในลักษณะเดียวกันในเมืองใหญ่ของจีนหลายเท่าตัว ทั้งนี้จากผลสำรวจของ Juwai.com ซึ่งเป็นเว็ปไซต์อสังหาฯ ต่างชาติของจีนพบว่าร้อยละ 73.8 ของผู้ซื้อชาวจีนซื้อเพื่อการลงทุน ขณะที่ร้อยละ 51.9 ซื้อเพื่ออยู่อาศัย
บริษัทแสนสิริ หนึ่งในบริษัทอสังหาฯ ยักษ์ใหญ่ในไทยมียอดขายแก่ผู้ซื้อชาวจีนในปี 2560 ประมาณ 3.5 พันล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นร้อยละ 30 โดยตั้งเป้าปี 2561 ที่ประมาณ 5.9 พันล้านบาท โดยในปี 2560 แสนสิริได้เปิดอีก 3 สำนักงานเพิ่มในจีนจากเดิมที่มีในกรุงปักกิ่ง เพื่อตอบรับกับธุรกิจที่เติบโตอย่างสูง โดยปัจจุบันผู้ซื้อจากจีนมีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 30 ในตลาดผู้ซื้อต่างชาติ และกำลังจะแซงหน้าฮ่องกงที่เป็นผู้ซื้อต่างชาติรายใหญ่สุดในตลาดอสังหาฯ ไทยมาต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี
บริษัท Uoolu ซึ่งเป็น platform ออนไลน์สำหรับชาวจีนที่สนใจอสังหาฯ ต่างชาติระบุว่า อสังหาฯ ไทยมีความโดดเด่นสามารถปล่อยเช่าได้ราคาสูงและมีข้อจำกัดน้อย โดยในปี 2560 อสังหาฯ ไทยมียอดซื้อขายคิดเป็นสัดส่วนครึ่งหนึ่งของธุรกรรมของ Uoolu ทั้งหมด และผลักให้ยอดขายรวมของทั้ง platform เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า
ด้าน Origin Property บริษัทอสังหาฯ รายใหญ่อีกแห่งในไทยเผยว่า ผู้ซื้อจากจีนมีสัดส่วนมากกว่าครึ่งของผู้ซื้อต่างชาติ โดยแต่ละปีมียอดขายตลาดจีนเติบโตขึ้นร้อยละ 30 – 40 ซึ่งเกือบทั้งหมดของผู้ซื้อจากจีนจะนิยมซื้อคอนโด 1 – 2 ยูนิต ที่มีราคายูนิตละไม่เกิน 5 ล้านบาทเพื่อการลงทุน โดยเมื่อเทียบกับผู้ซื้อจากที่อื่น ๆ ชาวจีนแผ่นดินใหญ่จะนิยมคอนโดขนาดเล็ก ในขณะที่ชาวฮ่องกงและชาวญี่ปุ่นจะนิยมซื้อคอนโดพื้นที่กว้างกว่า และผู้ซื้อชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเป็นนักธุรกิจที่อยู่ในไทย