จีนนำเข้าข้าวเป็นอันดับ 2 ของโลก อินเดียแซงไทยกลายเป็นประเทศส่งออกข้าวมากที่สุด

18 Jun 2013

จากข้อมูลของกระทรวงการเกษตรของสหรัฐอเมริกา พบว่า ในปี 2555 จีนเป็นผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากไนจีเรีย ขณะเดียวกันอินเดียได้แซงหน้าไทย กลายเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดในตลาดโลกประจำปี 2555

ข้อมูลสถิติชี้ว่า ปี 2555 ปริมาณการนำเข้าข้าวของจีนอยู่ที่ 2.9 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 5 เท่า เมื่อเทียบกับปีก่อน และปรับตัวสูงขึ้นจากอันดับที่ 18 เป็นอันดับที่ 2 ในตลาดโลก ขณะที่ไนจีเรียมีการนำเข้าข้าวถึง 3.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 33 และกลายเป็นประเทศผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ที่สุดในตลาดโลก สำหรับประเทศส่งออกข้าว ปี 2555 ยอดการส่งออกข้าวของอินเดียพุ่งถึงระดับ 10.25 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 120 คว้าตำแหน่งประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดในตลาดโลก เทียบกับยอดการส่งออกของข้าวไทยที่ลดฮวบอยู่ที่เพียง 70 ล้านตัน ลดลงถึงร้อยละ 35

ทั้งนี้ อินเดียมีสต๊อกข้าวอยู่ที่ระดับสูง รัฐบาลอินเดียลดหย่อนนโยบายการส่งออกข้าวที่ราคาถูก และมีความได้เปรียบในการส่งออกข้าวไปยังแอฟริกา เพราะระยะทางที่ใกล้กว่าทำให้ต้นทุนข้าวถูกกว่าไทยและเวียดนาม และเป็นเหตุผลที่อินเดียได้กลายเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดในตลาดโลก โดยนอกจากจะตอบสนองความต้องการข้าวภายในประเทศแล้ว คาดว่าอินเดียจะสามารถรักษาปริมาณการส่งออกข้าวราว 10 ล้านตันต่อปีได้ต่อไป นอกจากนั้น เนื่องจากการพัฒนาทางเศรษฐกิจ กำลังซื้อของแอฟริกาจะเพิ่มขึ้นต่อไป และอัตราเติบโตของประชากรก็สูงกว่าเอเชีย โดยคาดว่าแอฟริกาจะกลายเป็นภูมิภาคหลักในการบริโภคข้าวเอเชีย

สำหรับการส่งออกข้าวของไทย เนื่องจากราคาข้าวไทยยังสูงกว่าคู่แข่งมาก (ข้าวเม็ดยาวชั้น 1 ราคา FOB อยู่ที่ 619 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน) ส่งผลให้ข้าวไทยเสียส่วนแบ่งตลาดในหลายพื้นที่ อีกทั้งจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐที่สร้างสถิติสูงสุดในรอบ 19 ปีที่ผ่านมา ผนวกกับที่รัฐบาลมีการจัดซื้อข้าวในราคาสูง ต่างส่งผลให้ปริมาณข้าวที่ส่งออกลดลงอย่างมาก

สำหรับประเทศจีน เนื่องจากค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง และราคาข้าวภายในประเทศก็เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาข้าวภายในประเทศจีนสูงกว่าราคาข้าวที่นำเข้า ซึ่งปัจจุบันจีนได้เพิ่มปริมาณการนำเข้าข้าวจากต่างประเทศ (เฉลี่ย 1- 2 แสนตันต่อเดือน) พร้อมกับเปิดตลาดนำเข้าข้าวให้กับ 7 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม ปากีสถาน อุรุกวัย พม่า อินเดีย และกัมพูชา โดยปี 2555 ปริมาณข้าวที่นำเข้าจากเวียดนาม ปากีสถานและไทยของจีนสัดส่วนร้อยละ 99.3 ของปริมาณการนำเข้าข้าวทั้งหมดของจีน (เวียดนามร้อยละ 66.7 ปากีสถานร้อยละ 25 ไทยร้อยละ 7.6) ทั้งนี้ ข้าวที่จีนนำเข้าจากไทยส่วนหนึ่งเป็นข้าวคุณภาพสูงเพื่อตอบสนองความต้องการตลาดระดับสูงภายในประเทศ และอีกส่วนหนึ่งเป็นการนำเข้าข้าวในลักษณะราคาถูกและจำนวนมาก เพื่อเป็นวัตถุดิบในการทำอาหารสัตว์

นอกจากนี้ ปัจจุบันจีนกำลังประสบปัญหาความปลอดภัยทางอาหารอย่างมาก โดยเมื่อปลายเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา สำนักงานความปลอดภัยอาหารมณฑลกวางตุ้งได้ประกาศรายชื่อข้าวสารที่ปนเปื้อนแคดเมียม (Cadmium) เกินมาตรฐาน จำนวน 31 รุ่น โดยข้าวที่ถูกตรวจพบแคดเมียมครั้งนี้เป็นข้าวที่มาจากหูหนาน กว่างตุ้ง เจียงซี และกว่างซี หากรับประทานข้าวที่มีแคดเมียมตกค้างเป็นระยะยาว อาจจะทำให้เกิดอาการปวดและทำลายตับ ไต และกระดูกได้ โดยที่ปัจจุบันชาวจีนมีความตื่นตัวกับเรื่องความปลอดภัยของอาหารมากยิ่งขึ้น จึงพยายามหาซื้อข้าวที่ปลอดภัยและมีคุณภาพสูง จึงน่าจะเป็นโอกาสของประเทศผู้ส่งออกข้าวที่น่าจะมีการปรับเพิ่มปริมาณการส่งออกข้าวสารไปยังจีนอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเ วียดนาม ไทยและปากีสถานเป็นแหล่งนำเข้าข้าวสำคัญของประเทศจีน 3 อันดับแรก เป็นโอกาสของข้าวไทยที่ต้องผลักดัน !!

เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครเฉิงตู

ข่าวที่เกี่ยวข้อง


ข่าวยอดนิยม

อ่านข่าวอื่น

BACK TO TOP

กลับขึ้นด้านบน