ครึ่งปีแรก การค้าต่างประเทศกว่างซีอยู่ในภาวะทรงตัว
15 Jul 2013เว็บไซต์ข่าวกว่างซี : ช่วง ม.ค.-มิ.ย.56 การค้าต่างประเทศกว่างซีมีมูลค่ามากเป็นอันดับที่ 18 ของประเทศ และอันดับ 3 ของมณฑลทางภาคตะวันตก รองจากนครฉงชิ่ง และมณฑลเสฉวน
ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา กว่างซีมีมูลค่าการค้าต่างประเทศทั้งสิ้น 86,349 ล้านหยวน ขยายตัวเล็กน้อยที่ร้อยละ 4.7 แบ่งได้ดังนี้
หนึ่ง ยอดส่งออก มีมูลค่า 7,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 21.2 (สูงกว่าอัตราขยายตัวเฉลี่ยของทั้งประเทศอยู่ร้อยละ 10.8 จุด) อยู่ในอันดับที่ 19 ของประเทศ และอันดับ 4 ของมณฑลทางภาคตะวันตก รองจากนครฉงชิ่ง มณฑลเสฉวน และเขตฯ ซินเจียง
สอง ยอดนำเข้า มีมูลค่า 6,180 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 10.3 อยู่ในอันดับที่ 18 ของประเทศ และอันดับ 6 ของภาคตะวันตก รองจากนครฉงชิ่ง และมณฑลเสฉวน
กลุ่มประเทศสมาชิก “อาเซียน” ยังคงเป็นคู่ค้าสำคัญของกว่างซี (เป็นทั้งตลาดส่งออกและแหล่งนำเข้าวัตถุดิบรายใหญ่ของกว่างซี) ทั้ง 2 ฝ่ายมีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 6,130 ล้านหยวน ขยายตัวร้อยละ 29.1 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 44.5 ของมูลค่าการค้าต่างประเทศทั้งหมด
คู่ค้าอันดับรองลงมา คือ สหรัฐอเมริกา มีมูลค่าการค้าทั้งสิ้น 1,210 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 3.0
เมืองฉงจั่ว (Chongzuo City, 崇左市) เมืองชายแดนติดประเทศเวียดนามเป็นเมืองที่มีมูลค่าการค้าต่างประเทศสูงสุดของกว่างซี ยอดการค้า 3,880 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ส่วน “เขตเศรษฐกิจอ่าวเป่ยปู้กว่างซี “ ซึ่งประกอบด้วย 4 เมืองหลัก คือ นครหนานหนิง เมืองเป๋ยไห่ เมืองชินโจว และเมืองฝางเฉิงก่าง มีมูลค่าการค้ารวม 6,280 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในจำนวนนี้เป็นยอดการค้าของนครหนานหนิง เมืองเอกของกว่างซี เท่ากับ 1,950 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 7.1
แม้ว่าภาพรวมการค้าต่างประเทศกว่างซีจะมีการเติบโตในแดนบวกเล็กน้อย อย่างไรก็ดี โครงสร้างการค้าต่างประเทศกว่างซียังมีปัญหาที่รอการแก้ไขอยู่หลายประการ อาทิ โครงสร้างรูปแบบการค้าขาดความสมดุล โครงสร้างตลาดเกิดการกระจุกตัวมากเกินไป และโครงสร้างสินค้านำเข้าส่งออกขาดความหลากหลาย
นักวิเคราะห์ชี้ว่า วิสาหกิจ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องเร่งปรับปรุงโครงสร้างและรูปแบบการค้าต่างประเทศ เพราะหากมองโครงสร้างการค้าของกว่างซีจะพบว่าการค้ามูลค่าต่ำตามแนวชายแดน (Petty Trade in the Border Areas) ครองสัดส่วนสูงสุด เมื่อเทียบกับการค้าทั่วไป (การค้าสากล) และการค้าแปรรูป
นอกจากนี้ ยังต้องขยายฐานส่งออก สนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพส่งออก และขยายสัดส่วนโครงสร้างของผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยี มีแบรนด์ มีคุณภาพและบริการในระบบห่วงโซ่อุตสาหกรรม