ข่าวการยกเลิกวีซ่าไทย-จีน ปลุกกระแสท่องเที่ยวไทย

7 Jan 2014

เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 56 นายหวง ผิง (Huang Ping, 黄屏) อธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศจีน ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ว็บไซต์ข่าวกว่างซี :  รัฐบาลจีนและไทยเตรียมลงนามความตกลงยกเลิกการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง (วีซ่า) สำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน

ข่าวการยกเลิกวีซ่าสร้างความตื่นเต้นให้กับแวดวงนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางด้วยตัวเองไม่น้อย แต่นักท่องเที่ยวประเภทกรุ๊ปทัวร์กลับมองว่า การยกเลิกวีซ่าเป็นเพียงการลดขั้นตอนความยุ่งยากขั้นตอนหนึ่งเท่านั้น 

จากข้อมูลสถานกงสุลใหญ่ ณ นครหนานหนิง (Royal Thai Consulate-General in Nanning, 泰王国驻南宁总领事馆) นับตั้งแต่ปี 54 ถึงเดือน พ.ย.56 นักท่องเที่ยวชาวกว่างซีที่เดินทางไปประเทศไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 54 มีผู้ยื่นขอวีซ่า 16,000 คน ในปีถัดมา (ปี 55) จำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 27,000 คน และในเดือน ม.ค. พ.ย. 56 จำนวนพุ่งเป็นกว่า 47,000 คน

กระแส ฮ็อต ท่องเที่ยวไทย และข่าว “ยกเลิกวีซ่า” ส่งผลต่อธุรกิจท่องเที่ยวอย่างไร?

นางหลี่ (Ms.Li, ) ผู้จัดการบริษัท China Travel (中国旅行社) ให้ข้อมูลว่า หากแผนการยกเลิกวีซ่าระหว่างจีน-ไทยเป็นจริงขึ้นได้ จะช่วยดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปประเทศไทยได้อีกมาก เธอกล่าวว่า

ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตติดกระแสมาโดยตลอด หากข้กตกลงการยกเลิกวีซ่าเป็นผลสำเร็จ คาดว่า นักท่องเที่ยวอิสระที่ต้องการเดินทางไปประเทศไทยจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น

นายเจิง ทาว (Zeng Tao, 曾涛) ผู้จัดการบริษัท China Comfort Travel (广西康辉国际旅行社) เปิดเผยว่า การยกเลิกวีซ่าท่องเที่ยวระหว่างจีน-ไทยช่วยอำนวยประโยชน์อย่างมากให้กับนักท่องเที่ยวที่เคยมีประสบการณ์เดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศไทย รวมถึงนักท่องเที่ยวที่มีความถนัดด้านภาษา นายเจิง ได้ให้ข้อมูลว่า

ช่วงที่ผ่านมา ตนเองได้ติดตามข่าวการยกเลิกวีซ่ามาโดยตลอด ขณะนี้ เส้นทางท่องเที่ยวกรุงเทพฯ พัทยา 5 วัน เป็นเส้นทางที่ได้รับนิยมมากที่สุดในการเที่ยวไทย หากการยกเลิกวีซ่าระหว่างจีน-ไทยเป็นผลสำเร็จ บริษัทฯ จะดำเนินการปรับราคาโปรแกรมทัวร์ลง ค่าใช้จ่ายในเส้นทางท่องเที่ยวประเทศไทยคงจะถูกลง

รอง ศ.จาง รุ่ย เหมย (Zhang Rui Mei, 张瑞梅) ประจำคณะการจัดการการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยชนชาติกว่างซี (Guangxi University for Nationalities, 广西民族大学) เห็นว่า หาก “ยกเลิกวีซ่า” จะช่วยอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวได้อย่างมากในแง่ของการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นตลาดท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการผลักดันการท่องเที่ยวอาเซียนแบบไร้อุปสรรค

แม้ว่าการยกเลิกวีซ่าระหว่างจีน-ไทยจะช่วยปลุกกระแสการเดินทางท่องเทียวไทยมากขึ้น แต่ บุคคลในแวดวงธุรกิจท่องเที่ยวเห็นว่า การที่แผนงานดังกล่าวจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากน้อยเพียงใดยังคงยากจะคาดเดา

นายเจิงฯ ให้ข้อมูลว่า การยกเลิกวีซ่าอาจจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับตลาดท่องเที่ยวไทยได้ไม่มากนัก เพราะการยกเลิกวีซ่าไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่เป็นตัวกำหนดเส้นทางท่องเที่ยวนั้น ๆ แต่อย่างใด (ค่าวีซ่าเป็นเพียงต้นทุนส่วนน้อยเท่านั้น)

สำหรับบริษัททัวร์แล้ว ต้นทุนค่าโรงแรมและตั๋วเครื่องบินต่างหากที่เป็นตัวกำหนดเส้นทางท่องเที่ยวว่าจะจัดขึ้นได้หรือไม่

ขณะนี้ ยังไม่รู้ว่าการยกเลิกวีซ่าจะเป็นไปในรูปแบบใด หากเป็นไปในลักษณะขอวีซ่า Visa on Arrival VOA (ขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง) ก็จะมีประเด็นค่าใช้จ่ายเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้แตกต่างกับการขอวีซ่าแบบปกติ (ณ สถานทูต/สถานกงสุลในจีน) แต่อย่างใด

นางหลี่ (Ms.Li, ) ผู้จัดการบริษัท China Travel (中国旅行社) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน การใช้บริการขอวีซ่าผ่านบริษัททัวร์ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาเพียง 1 2 วัน ค่าใช้จ่ายอยู่ระหว่าง 250 -330 หยวน ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยอมรับได้  นางหลี่ฯ ให้ข้อแนะนำว่า ประเด็นเรื่องการเดินทางและสถานที่พักเป็นสิ่งสำคัญที่นักท่องเที่ยวควรเตรียมตัวสำหรับการเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศไทย เช่น ตั๋วเครื่องบิน  แผนการเดินทาง การเช่ารถ และการจองห้องพัก

นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ ก่อนการตัดสินใจออกเดินทางท่องเที่ยว อาทิ ความสะดวกของการจราจรในท้องถิ่น รวมถึงการเปรียบเทียบราคาค่าใช้จ่าย

ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครหนานหนิง (BIC) ประมาณการณ์ว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเข้าประเทศไทยในปี 2556 น่าจะมีมากกว่า 4.2 ล้านคน

แม้ว่า นโยบายการยกเลิกวีซ่าจะช่วยกระตุ้นกระแสท่องเที่ยวไทยให้แก่นักท่องเที่ยวชาวจีน (โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวอิสระ) อันเป็นผลดีต่อตลาดท่องเที่ยวและธุรกิจท่องเที่ยวไทยอย่างมาก

อย่างไรก็ดี ทุกฝ่ายไม่ควรมองข้ามผลกระทบต่อด้านอื่นๆ ด้วยเช่นกัน  เช่น ขีดความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยว  ความเสียหายต่อทรัพยากรการท่องเที่ยว การสร้างปัญหาของกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ผลกระทบด้านการก่ออาชญากรรม และปัญหาการแย่งงานคนไทย ฯลฯ

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการทั้งภาครัฐและเอกชนไม่ควรมุ่งสร้างรายได้แต่เพียงด้านเดียว ควรตระหนักถึงผลเสียต่างๆ ที่จะตามมาด้วย และเร่งเตรียมความพร้อมในการรับมือก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป

เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครเฉิงตู

ข่าวที่เกี่ยวข้อง


ข่าวยอดนิยม

อ่านข่าวอื่น

BACK TO TOP

กลับขึ้นด้านบน