กุมขมับ!!! ผู้ผลิตน้ำตาลกว่างซีเจอวิกฤตต้นทุน รับผลขาดทุนถ้วนหน้า

3 Mar 2014

สำนักข่าวซินหัว-เขตฯ กว่างซีจ้วง : "ต้นทุน(พุ่ง)" ปัญหาเรื้อรังที่ยังแก้ไม่ตกของผู้ประกอบการผลิตน้ำตาลในกว่างซี และได้สร้างความเสียหายกับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลมูลค่ามหาศาล

กว่างซี เป็นฐานการผลิตน้ำตาลขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศจีน (สัดส่วนกว่าร้อยละ 60 ของทั้งประเทศ)

การเปิดหีบอ้อยจะดำเนินการช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายนของทุกปี (ฤดูหนาวถึงฤดูใบไม้ผลิต)

ตามรายงาน การหีบอ้อยในฤดูการผลิตปี 2556/2557 ธุรกิจน้ำตาลกว่างซีต้องเผชิญกับปัญหา ต้นทุน จากการที่แหล่งปลูกอ้อยบางพื้นที่ในกว่างซีต้องประสบปัญหาภัยน้ำค้างแข็ง รวมทั้งผลกระทบจากราคาน้ำตาลในต่างประเทศ ถูก กว่าน้ำตาลในประเทศ (ต้นทุนน้ำตาลในประเทศอยู่ที่ตันละ 5,000 หยวน)

ประเด็น ภัยน้ำค้างแข็งเนื่องจากการผลิตภาคเกษตรของกว่างซียังต้องพึ่งพาสภาพ ดินฟ้าอากาศ เป็นหลัก ดังนั้น การเกิดภัยธรรมชาติ (น้ำท่วม น้ำค้างแข็ง อัคคีภัย) จึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อปริมาณผลผลิต

ภัยน้ำค้างแข็งได้ส่งผลให้พื้นที่ปลูกอ้อยได้รับความเสียหายในระดับที่แตกต่างกัน (ต้นอ้อยยืนต้นตาย) ทำให้ค่าความหวานลดลง โดยพื้นที่ตอนเหนือ ตอนกลาง และภาคตะวันตกของกว่างซีเป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายอย่างชัดเจน

นายเหวย ฮั่น ฮุย (Wei Han Hui, 韦汉辉) รองผู้จัดการโรงงานน้ำตาลของบริษัท Nanning Sugars (南宁糖业股份有限公司) ให้ข้อมูลว่า บริษัทฯ มีพื้นที่ปลูกอ้อยกว่า 2 แสนหมู่จีน (ราว 83,336 ไร่) ภัยน้ำค้างแข็งที่เกิดขึ้นหลายครั้งได้สร้างความเสียหายกับพื้นที่ปลูกอ้อยของบริษัทฯ คิดเป็นพื้นที่ 90,000 หมื่นหมู่จีน (ราว 37,501 ไร่) ในจำนวนนี้ เป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายขั้นรุนแรง 65,000 หมู่ (ราว 27,084 ไร่)

ค่าความหวานของอ้อย โดยปกติอยู่ที่ประมาณร้อยละ 14 ทว่า ค่าความหวานจากต้นอ้อยที่เหี่ยวตายจะลดลงราวร้อยละ 1 นั่นหมายความว่า โรงงานจะต้องใช้วัตถุดิบ(อ้อย)เพิ่มขึ้น 0.7 ตันในการผลิตน้ำตาลหนึ่งตัน ซึ่งหมายถึงต้นทุนที่ต้องเพิ่มขึ้นราว ๆ 300 หยวนต่อการผลิตน้ำตาลหนึ่งตัน นายเหวย ให้ข้อมูล

นายเฉิง เว่ย จวิน (Cheng Wei Jun, 程卫军) ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายธุรการเกษตร บริษัท Chongzuo East Asia Sugar (崇左东亚糖业有限公司) เครือน้ำตาลมิตรผลประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า บริษัทฯ มีพื้นที่ปลูกอ้อย 4.2 แสนหมู่จีน (ราว 1.75 แสนไร่) มีกำลังการผลิตอ้อยปีละกว่า 2 ล้านตัน

ภัยน้ำค้างแข็งได้ส่งผลกระทบให้ค่าน้ำตาลในอ้อยลดลงราวร้อยละ 0.6 ซึ่งเพียงแค่ประเด็นดังกล่าวก็ส่งผลให้ผลผลิตน้ำตาลของโรงงานในฤดูหีบอ้อยนี้ลดลงประมาณ 6,000 ตัน หากคำนวณราคาน้ำตาลในปัจจุบัน โรงงานต้องขาดทุน 34 ล้านหยวน

อย่างไรก็ดี ภัยน้ำค้างแข็งอาจไม่ได้ส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตน้ำตาลโดยรวมของกว่างซีมากนัก เนื่องจากการปลูกอ้อยในกว่างซีได้ผลผลิตต่อหน่วยที่เพิ่มสูงขึ้น (เป็นตัวชดเชย)

ส่วนประเด็น ราคาน้ำตาล ธุรกิจน้ำตาลกว่างซีต้องเผชิญแรงกดดันจากราคาจำหน่ายน้ำตาล โดยหากคำนวณราคารับซื้อในปัจจุบัน การผลิตน้ำตาลต่อตันมีต้นทุนสูงกว่า 5,000 หยวน ขณะที่ ราคาจำหน่ายน้ำตาล (ราคาตลาด) อยู่ที่ตันละไม่เกิน 4,800 หยวน ซึ่งหมายความว่า ผู้ผลิตต้องขาดทุนประมาณ 200 หยวนต่อการผลิตน้ำตาลทุก 1 ตัน

ผลประกอบการที่ลดลงได้ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อเกษตรกรชาวไร่อ้อย สถานการณ์ในปัจจุบัน พบว่า ผู้ปลูกอ้อยรายใหญ่กว่าร้อยละ 30 และเกษตรกรรายย่อยอีกราวร้อยละ 20 ได้ตัดสินใจละทิ้งหรือลดพื้นที่ปลูกอ้อยแล้ว นายเหวย ให้ข้อมูล

ข้อมูลจากองค์การน้ำตาลระหว่างประเทศ (International Sugar Organization: ISO) ชี้ว่า ปีที่ผ่านมา (ปี 56) มีผลผลิตน้ำตาลโลกส่วนเกิน 10.6 ล้านตัน (ปีที่แล้ว จีนมีการนำเข้าน้ำตาล 5.6 ล้านตัน) และคาดว่าปีนี้ จะมีผลผลิตส่วนเกิน 4.7 ล้านตัน

อุปสรรคสำคัญ ที่ส่งผลต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลกว่างซี คือ ขนาดการผลิตค่อนข้างเล็ก (ผู้ปลูกรายย่อยมีจำนวนมาก) ขาดการรวมกลุ่ม (พื้นที่ปลูกกระจัดกระจาย) ขาดการใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรผ่อนแรง (การกำจัดวัชพืช การปรับหน้าดิน การลงปลูก การใช้ปุ๋ย การใช้ยาฆ่าแมลง และการเก็บเกี่ยวผลผลิตอ้อยยังต้องใช้แรงงานคนเป็นหลัก) รวมถึงการศึกษาพัฒนาพันธุ์อ้อย

เพื่อแก้ไขปัญหาข้างต้น เมื่อกลางเดือน ก.พ.57 ที่ผ่านมา คณะกรรมการ NRDC กระทรวงเกษตร กระทรวงชลประทาน รวมถึงสมาคมน้ำตาลจีนได้ร่วมจัดตั้งคณะทำงานร่วม เพื่อดำเนินการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสภาพและแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำตาลในกว่างซี

จากนี้ไป กว่างซีจะเน้นสร้างแหล่งปลูกอ้อยที่ให้ผลผลิตอ้อยที่มีค่าความหวานสูง สร้างเขตสาธิตเศรษฐกิจหมุนเวียนในธุรกิจน้ำตาล ยกระดับการรวมกลุ่มทางอุตสาหกรรม เสริมสร้างศักยภาพกลไกบริหารความเสี่ยงในอุตสาหกรรม รวมทั้งการใช้ระบบเครื่องจักรและเทคโนโลยีทันสมัยในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันเชิงบูรณาการ

ตามรายงาน เขตฯ กว่างซีจ้วงอยู่ระหว่างการดำเนินโครงการจัดตั้ง ฐานการปลูกอ้อยที่ให้ผลผลิตอ้อยคุณภาพสูง ซึ่งมีโครงสร้างการบริหารจัดการที่เป็นระบบ มีการคัดเลือกสายพันธุ์อ้อยพันธุ์ดี มีการใช้เทคโนโลยีเครื่องจักรในกระบวนการผลิต และมีระบบชลประทานที่ทันสมัย

ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายว่า ภายในปลายเดือนมกราคม ปี 58 จะมีพื้นที่โครงการ 5 แสนหมู่จีน (ราว 2.08 แสนไร่) ผลผลิตอ้อยต่อหน่วย(หมู่จีน)อยู่ราว 8 ตัน (ไร่ละ 3.3 ตัน) และอ้อยให้ค่าความหวานมากกว่า 14 เปอร์เซนต์

ในเบื้องต้น ทางการกว่างซีได้กำหนดพื้นที่ปลูกอ้อยไว้แล้ว 40 แห่ง โดยเน้นพื้นที่ปลูกในเมืองฉงจั่ว และพื้นที่ปลูกของเครือ State Farm (农垦) เนื่องจากมีการรวมกลุ่มพื้นที่และมีระบบชลประทานที่ค่อนข้างสมบูรณ์

โดยหลัก ๆ แบ่งเป็น เมืองฉงจั่ว 2 แสนหมู่จีน (ราว 83,336 ไร่) เครือ State Farm 1.6 แสนไร่ (ราว 66,669 ไร่) นครหนานหนิง 40,000 หมู่จีน (ราว 16,667 ไร่) เมืองหลิ่วโจวและเมืองหลายปินอีกเมืองละ 20,000 หมู่จีน (ราว 8,333 ไร่) เป็นต้น

กลุ่มเป้าหมาย 4 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ วิสาหกิจผู้ผลิตน้ำตาล วิสาหกิจภาคการเกษตร สหกรณ์(กลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่) และเครือ State Farm

ปัจจุบัน เขตฯ กว่างซีจ้วงอยู่ระหว่างดำเนินการขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลกลาง ทั้งในด้านนโยบาย เงินทุน และเทคโนโลยี ตั้งเป้าหมายว่า ภายในระยะเวลา 3-5 ปี จะสามารถขยายพื้นที่โครงการปลูกอ้อยฯ ได้ 5 ล้านหมู่จีน (ราว 2.08 ล้านไร่)

 

เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครเฉิงตู

ข่าวที่เกี่ยวข้อง


ข่าวยอดนิยม

อ่านข่าวอื่น

BACK TO TOP

กลับขึ้นด้านบน