“ฐานพลังงานนิวเคลียร์” แห่งจีนตะวันตก มองกว่างซี!! รัฐบาลกลางไฟเขียวสร้าง “เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์” ให้กว่างซีเพิ่ม
9 May 2025
ในยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ที่นานาประเทศกำลังมุ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นอกจากระบบการศึกษา การพัฒนาบุคลากร และการต่อยอดองค์ความรู้แล้ว “แหล่งพลังงาน” โดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้า เป็นอีกปัจจัยพื้นฐาน ที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาสู่ความก้าวหน้า
ดังนั้น ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกต่างตระหนักถึงการสร้างหลักประกันความมั่นคงด้านพลังงานให้แก่ตนเอง รวมถึงประเทศจีน เพื่อรับมือกับวิกฤตพลังงานไฟฟ้าขาดแคลนจากปัจจัยแวดล้อมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น ภัยสงคราม ภัยธรรมชาติ รวมถึงสภาพอากาศ
ปัจจุบัน ประเทศจีนกำลังมุ่งส่งเสริมการบริโภคเชื้อเพลิงที่ไม่ใช่ฟอสซิล (non-fossil fuel) ในโครงสร้างการใช้พลังงาน และ “พลังงานนิวเคลียร์” เป็น 1 ในพลังงานทางเลือกที่จีนให้ความสนใจและต้องการนำมาเป็นพลังงานทดแทน เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย “คาร์บอนคู่” (dual carbon) ซึ่งประกอบด้วยการปล่อยคาร์บอนแตะระดับสูงสุด (carbon peaking) ภายในปี ค.ศ. 2030 และการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2060
ในแวดวงพลังงานนิวเคลียร์ ประเทศจีนถือเป็น ‘ผู้เล่น’ ที่มีอายุน้อยที่สุดในโลก (เริ่มใช้พลังงานนิวเคลียร์เมื่อช่วงต้นทศวรรษ 1990) แต่เป็นชาติที่โครงการด้านพลังงานนิวเคลียร์มีแนวโน้มเติบโตเร็วที่สุดในโลก เป็นเจ้าของเทคโนโลยีการกำเนิดไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่มีความทันสมัยและมีความปลอดภัยมากที่สุดในโลกอย่าง HPR1000 หรือ Hualong No.1 (华龙一号)[1]
บริษัทชั้นนำแห่งวงการพลังงานนิวเคลียร์จีน ได้แก่
- บริษัท China National Nuclear power Co., Ltd. หรือ CNNC (中国核能电力股份有限公司)
- บริษัท State Power Investment Corporation Limited หรือ SPIC (国家电力投资集团有限公司)
- บริษัท China General Nuclear Power Group หรือ CGN (中广核集团)
- บริษัท China Huaneng Group Co., Ltd. (中国华能集团有限公司)
ข้อมูล ณ สิ้นปี 2567 ประเทศจีนมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 28 แห่ง ตั้งอยู่ใน 8 มณฑลเลียบชายฝั่งทะเล (ยกเว้นนครเซี่ยงไฮ้) มีเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าแล้ว 58 ยูนิต และยังมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง รวมถึงที่ได้รับอนุมัติแล้ว รอการก่อสร้างอยู่อีก 44 ยูนิต ซึ่งรวมถึงในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงด้วย
รู้หรือไม่… โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเมืองท่าฝางเฉิงก่าง (กว่างซี) เป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เดินเครื่องแล้วที่ตั้งอยู่ใกล้กับประเทศไทยมากที่สุด แต่ท่านไม่ต้องวิตกกังวลเรื่องความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม เพราะโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเมืองฝางเฉิงก่างตั้งอยู่บนแผ่นเปลือกโลกที่โครงสร้างทางธรณีวิทยาไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหวขั้นรุนแรง อีกทั้ง โรงไฟฟ้าได้ถูกออกแบบให้ทนต่อแรงแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิขั้นรุนแรง และค่ารังสีตลอดทั้งปีรอบบริเวณโรงไฟฟ้ามีปริมาณต่ำกว่าการเอ็กซเรย์และการโดยสารเครื่องบินระยะไกล 1 ครั้งเสียด้วยซ้ำ
“กว่างซี” เป็นเขตปกครองตนเอง (ฐานะเทียบเท่ามณฑล) แห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศจีนที่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และเป็นเขตการปกครองระดับมณฑลแห่งแรกในจีนตะวันตกที่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โดย “เมืองท่าฝางเฉิงก่าง” ในอ่าวเป่ยปู้ (อ่าวตังเกี๋ย) เป็น “ฐานพลังงานนิวเคลียร์” ของเขตฯ กว่างซีจ้วง เป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 2 แห่ง คือ

ล่าสุด (27 เมษายน 2568) โรงไฟฟ้านิวเคลียร์หงซาฝางเฉิงก่าง เฟสสาม ในเขตฯ กว่างซีจ้วง ได้รับอนุมัติการก่อสร้างจากรัฐบาลกลางเป็นที่เรียบร้อย โครงการดังกล่าวจะประกอบด้วยเตาปฏิกรณ์รุ่น HPR1000 จำนวน 2 ยูนิต (หมายเลข 5 และหมายเลข 6) โดยเตาปฏิกรณ์แต่ละหน่วยจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง (Installed capacity) 1.208 ล้านกิโลวัตต์
ทั้งนี้ คาดว่าในช่วง peak ของการก่อสร้างจะสร้างงานได้ประมาณ 15,000 ตำแหน่ง และจะช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องได้อีกจำนวนมาก (โครงการก่อสร้างเตาปฏิกรณ์รุ่น HPR1000 ของบริษัท CGN จะช่วยผลักดันให้บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์พลังงานนิวเคลียร์ตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำที่มีจำนวนมากกว่า 5,400 รายสามารถผลิตอุปกรณ์สำคัญ core equipment ด้วยตนเองได้มากกว่า 400 รายการ)
บีไอซี ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หลายปีมานี้ เขตฯ กว่างซีจ้วงได้รับการสนับสนุนจากส่วนกลางในทุกมิติ รวมถึงการขับเคลื่อนการพัฒนาและปฏิรูปโครงสร้างพลังงานของกว่างซีไปสู่ “พลังงานสะอาด” เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย การเป็น “เขตพื้นที่ความมั่นคงด้านพลังงานครบวงจรระดับชาติ”
โดยเฉพาะการพัฒนาพลังงานสะอาด และการสร้างฐาน “พลังงานนิวเคลียร์ + พลังงานสะอาดนอกชายฝั่ง” การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่คลัสเตอร์อุตสาหกรรมพลังงานสะอาด การพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานสู่ความเป็นอัจฉริยะและมีคุณภาพระดับสูง
บีไอซี เห็นว่า การศึกษาข้อมูลและติดตามพัฒนาการของประเทศต้นแบบความสำเร็จอย่างจีน จะเป็นประโยชน์ต่อการเตรียมความพร้อม และการสร้างองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ที่สะอาดและปลอดภัยของไทยในอนาคต โดยเฉพาะการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม การบริหารจัดการกากกัมมันตรังสี และการขยายผลไปสู่การต่อยอดความร่วมมือระหว่างไทยกับจีน(กว่างซี) ในมิติที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์ รวมถึงการแสวงหาแนวทางเพื่อการพัฒนาธุรกิจพลังงานไฟฟ้านิวเคลียร์ (ร่วมทุน) ระหว่างสองฝ่ายได้ในอนาคต
[1] เทคโนโลยีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ Hualong No.1 เป็นเทคโนโลยีการกำเนิดไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์รุ่นที่ 3 ที่ประเทศจีนประดิษฐ์คิดค้นขึ้นเอง และได้รับการรับรองความปลอดภัยจากทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency หรือ IAEA) ผ่านเกณฑ์มาตรฐานของ European Utility Requirements (EUR) และได้รับการรับรอง Design Acceptance Confirmation (DAC) และ Statement of Design Acceptability (SoDA) จาก Generic Design Assessment (GDA) ของประเทศอังกฤษ
จัดทำโดย นายกฤษณะ สุกันตพงศ์ ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครหนานหนิง
ที่มา เว็บไซต์ www.gx.xinhuanet.com (新华网) วันที่ 28 เมษายน 2568
เว็บไซต์ www.gx.chinanews.com.cn (中新网广西新闻-广西头条NEWS) วันที่ 28 เมษายน 2568
เว็บไซต์ www.cpnn.com.cn (中国能源新闻网) วันที่ 07 มกราคม 2568
เว็บไซต์ www.fcgnp.com.cn (广西防城港核电有限公司)