นึกถึง AI จีน-อาเซียน นึกถึง “หนานหนิง” —— นครหนานหนิงเร่งสร้าง “ศูนย์นวัตกรรมความร่วมมือด้าน AI จีน-อาเซียน”
18 Apr 2025
คำว่า “ปัญญาประดิษฐ์” หรือ AI (Artificial Intelligence) กำลังเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจทั่วจีนและทั่วโลก หลังการเปิดตัว DeepSeek R1 โมเดลปัญญาประดิษฐ์สัญชาติจีนที่พัฒนาให้ใช้งานฟรี ดังเป็น ‘พลุแตก’ ในเวลานี้ โดยเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ต้องไม่พลาด ‘ขบวนเศรษฐกิจ’ นี้เช่นกัน
การที่เขตฯ กว่างซีจ้วงตั้งอยู่ใน “จุดเชื่อมต่อ” ระหว่างตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีประชากรมากกว่า 1,400 ล้านคนกับตลาดอาเซียนที่มีประชากรเกือบ 700 ล้านคน อีกทั้งยังเป็นแหล่งพลังงาน และแหล่งผลิตบุคลากรที่มีทักษะในภาษาของชาติสมาชิกอาเซียน ตลอดจนนโยบายอุ้มชูจากส่วนกลาง แน่นอนว่า… แนวคิดการพัฒนาอุตสาหกรรม/ธุรกิจ AI ของกว่างซี จึงต้องมุ่งเป้าความร่วมมือกับ “อาเซียน”
การดำเนินการเชิงรุกด้านการส่งเสริมความร่วมมือด้าน AI ของเขตฯ กว่างซีจ้วงกับอาเซียน คือ การลงนามจัดตั้ง “ศูนย์ความร่วมมือด้านนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์จีน-ลาว” (China-Laos Artificial Intelligence (AI) Innovation Cooperation Center/ 中国—老挝人工智能创新合作中心) เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 โดยศูนย์ดังกล่าวก่อตั้งขึ้นจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง (จีน) กับ สปป. ลาว เป็นแพลตฟอร์มความร่วมมือด้าน AI แห่งแรกที่จีนได้ร่วมลงนามกับชาติสมาชิกอาเซียน โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับขีดความสามารถขั้นพื้นฐานอย่างเป็นระบบของ สปป.ลาว ในยุค AI รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาภาคธุรกิจ/อุตสาหกรรมในทุกภาคส่วน
จากนั้นเมื่อ 7 มีนาคม 2568 รัฐบาลกว่างซีได้ประกาศ “แผนปฏิบัติการ “AI + การผลิต” กว่างซี ปี 2568 – 2570” (广西“人工智能+制造”行动方案 (2025-202年)) โดยเนื้อหาส่วนหนึ่งระบุถึงเป้าหมายการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ (Breakthrough Technology) ผลิตภัณฑ์อัจฉริยะ และฉากทัศน์การใช้งาน AI ในรูปแบบต่าง ๆ การจัดตั้งสวนอุตสาหกรรม AI การบ่มเพาะวิสาหกิจ/องค์กรชั้นนำในห่วงโซ่อุตสาหกรรม AI รวมถึงการสนับสนุนการจัดตั้งแพลตฟอร์มการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม (Research Development and Innovation – RDI) และการจัดตั้ง “ศูนย์นวัตกรรมความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) จีน-อาเซียน” (中国—东盟人工智能创新合作中心/China-ASEAN AI Innovation Cooperation Center) และการกรุยทางสู่การเป็น “Highland ของอุตสาหกรรม/ธุรกิจ AI ที่มุ่งสู่อาเซียน”

ในฐานะเมืองเอกและศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของกว่างซี —— “นครหนานหนิง” ถือว่ามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการข้างต้น โดยในการแถลงข่าวการประชุมสมัชชาผู้แทนประชาชนนครหนานหนิง ชุดที่ 15 ครั้งที่ 6 ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2568 นายซุน ชุนยรุ่ย (Sun Chunrui/孙椿睿) ผู้อำนวยการสำนักบริหารข้อมูลนครหนานหนิง (南宁市数据局/Nanning Data Administration) เปิดเผยว่า นครหนานหนิงได้วางโครงร่างในการพัฒนา “เทคโนโลยี AI + ฉากทัศน์นำร่องการใช้ AI” โดยให้น้ำหนักกับการเสริมพลังอุตสาหกรรมและการบริการสาธารณะ และจะเร่งเปิดตัวโมเดล AI ในประเทศจีนและอาเซียน
ปัจจุบัน นครหนานหนิงกำลังเร่งผลักดันการก่อสร้าง “ศูนย์นวัตกรรมความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) จีน-อาเซียน” เพื่อเป็นสะพานเชื่อมโยงความร่วมมือและส่งเสริมการแลกเปลี่ยนในอุตสาหกรรม/ธุรกิจด้าน AI ระหว่างจีนกับอาเซียน และการปรับปรุงประสิทธิภาพข้อมูลข้ามพรมแดนและระบบรักษาความปลอดภัย โดยอาศัยการสนับสนุนของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศจีน-อาเซียน (中国—东盟信息港/China-ASEAN Information Harbor – CAIH) และสำนักกิจการการสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างประเทศ[1] (国际通信业务出入口局/International Communication Gateway Bureau)
เป้าหมายการเป็น “Highland ของอุตสาหกรรม/ธุรกิจ AI ที่มุ่งสู่อาเซียน” นครหนานหนิงได้ตั้งเป้าหมายว่าจะดึงดูดเทคโนโลยี บริษัท และบุคคลระดับหัวกะทิ (Talent) ในแวดวง AI ให้เข้าไปรวมตัวกันที่นครหนานหนิง โดยอาศัยความได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้งที่ใกล้ชิดกับอาเซียน (รัฐบาลกลางกำหนดให้เป็น Gateway to ASEAN) และความพร้อมด้านทรัพยากรบุคคลที่รู้ภาษาในอาเซียน นครหนานหนิงเป็นแหล่งบ่มเพาะนักศึกษาที่เรียนภาษาของชาติสมาชิกอาเซียนมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศจีน)
ที่ผ่านมา บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำจากทั้งในประเทศจีนและต่างประเทศ (เช่น QAX Technology Group / CITIC Group / COL Group / Thailand Future Electronics) ได้ทยอยเดินทางไปยังนครหนานหนิงเพื่อแสวงหาความร่วมมือด้านการพัฒนาฉากทัศน์การใช้งาน AI อาทิ การออกแบบการเรียนรู้ (Training Model) กระบวนการกำกับข้อมูลและสร้างชุดข้อมูลเพื่อนำไปให้ AI เรียนรู้ (Data Annotation) และการประยุกต์ใช้ AI + การศึกษา/การท่องเที่ยว/การใช้ชีวิตประจำวัน

ปัจจุบัน นครหนานหนิง มีแพลตฟอร์มด้าน AI ที่เปิดใช้งานแล้ว อาทิ ศูนย์พลังประมวลผล AI อวิ๋นห์กู่ (五象云谷智算中心/Wuxiang Yungu AI Computing Center) และศูนย์พลังประมวลผล AI จีน-อาเซียน (中国—东盟人工智能计算中心/China-ASEAN AI Computing Center) ซึ่งล้วนตั้งอยู่ในเขตเมืองใหม่อู่เซี่ยง นครหนานหนิง
นอกจากนี้ นครหนานหนิงกำลังเร่งผลักดันแผนงานก่อสร้างแพลตฟอร์มอีกหลายโครงการ อาทิ ศูนย์ข้อมูลระหว่างประเทศ (International Data Center) คลัสเตอร์ศูนย์พลังประมวลผล (算力中心集群/Computing Power Center Cluster) และคลังข้อมูลภาษาอาเซียน (东盟国家语料库/ASEAN Languages Corpus) และแพลตฟอร์มอำนวยการพลังประมวลผล AI จีน-อาเซียน (中国—东盟人工智能算力调度平台/China-ASEAN AI Computing Dispatching Platform)
นครหนานหนิงได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาหลักสูตร AI ในสถาบันอุดมศึกษา เพื่อฝึกอบรมทักษะด้าน AI ที่มุ่งสู่อาเซียน และบ่มเพาะหัวกะทิด้าน AI ร่วมกับอาเซียน ข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการ ณ ต้นปี 2568 ในเขตฯ กว่างซีจ้วงมีสถาบันอุดมศึกษาและอาชีวศึกษาที่เปิดหลักสูตรสาขาเฉพาะด้าน AI จำนวนมาก อาทิ

สำหรับประเทศไทย ในโอกาสที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 5-8 กุมภาพันธ์ 2568 ตามคำเชิญของนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ในโอกาสครบรอบ 50 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ และได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงระหว่างหน่วยงานไทย-จีน 14 ฉบับ ซึ่งในจำนวนนี้ มี 2 ฉบับเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้าน AI คือ
1. ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์ ระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทยกับคณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
2. ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการจัดตั้งห้องปฏิบัติการร่วมด้านปัญญาประดิษฐ์ ระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
บีไอซี เห็นว่า หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนไทยสามารถใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มข้างต้นในเขตฯ กว่างซีจ้วง เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้าน AI ระหว่างไทยกับกว่างซี(จีน) โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการวิจัยและการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม AI ที่ตอบโจทย์ตลาดในสาขาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ ภาคการศึกษา ภาคการแพทย์ และอื่น ๆ รวมถึงการส่งเสริมการลงทุนของสตาร์ทอัปที่มีศักยภาพและมีความสนใจภายใต้กลยุทธ์ “ก้าวออกไป(กว่างซี)” และ “เชิญเข้ามา(ไทย)” ระหว่างไทย-กว่างซี โดยสามารถพัฒนาความร่วมมือในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การร่วมทดลองใช้นวัตกรรมเพื่อการขยายตลาด
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมี “ฝ่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นอีกกลไกที่สามารถสนับสนุนและแสวงหาแนวทางการพัฒนาความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมระหว่างไทยกับจีน ที่สถาบันการศึกษาและสตาร์ทอัปไทยสามารถใช้ประโยชน์ได้ด้วย
คำอธิบายเพิ่มเติม
[1] สำนักกิจการการสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (国际通信业务出入口局/International Communication Gateway Bureau) อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติจีน โดยเมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 กระทรวงฯ ได้มอบใบอนุญาตการจัดตั้งสำนักกิจการการสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างประเทศให้แก่ผู้ให้บริการโทรคมนาคมของจีนเพิ่มใน 4 เมือง ได้แก่ นครหนานหนิง (เขตฯ กว่างซีจ้วง) เมืองชิงต่าว (มณฑลซานตง) นครคุนหมิง (มณฑลยูนนาน) และนครไห่โข่ว (มณฑลไห่หนาน)
ที่สำคัญ การมอบใบอนุญาตจัดตั้งสำนักฯ ใน 4 เมืองที่กล่าวมาข้างต้น เป็นปรากฎการณ์ใหม่ในรอบ 30 ปี นับตั้งแต่ประเทศจีนได้เริ่มการเชื่อมต่อกับโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบ โดยก่อนหน้านี้มีสำนักกิจการการสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างประเทศที่เปิดดำเนินการเชื่อมโยงอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ เพียง 3 เมือง คือ กรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ และนครกว่างโจว
สำนักกิจการการสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ทำหน้าที่เป็น “ศูนย์กลาง” การสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างประเทศที่สำคัญในการเชื่อมต่อโครงข่ายการสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างผู้ให้บริการในประเทศจีนกับผู้ให้บริการในต่างประเทศ เพื่อใช้เชื่อมโยงธุรกิจการให้บริการและการแลกเปลี่ยนข้อมูล (Data) ของสองฝ่าย ในฐานะฮับการสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างประเทศที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายทั่วโลก สำนักดังกล่าวถือเป็นรากฐานสำคัญด้านสารสนเทศของจีนในการติดต่อแลกเปลี่ยนกับต่างประเทศ
จัดทำโดย นายกฤษณะ สุกันตพงศ์ ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครหนานหนิง
ที่มา เว็บไซต์ www.gx.chinanews.com.cn (中国新闻网) วันที่ 18, 19 มีนาคม 2568
เว็บไซต์ http://paper.people.com.cn (人民日报) วันที่ 19 มีนาคม 2568
เว็บไซต์ https://www.peopleweekly.cn (人民周刊网) วันที่ 18 มีนาคม 2568
เว็บไซต์ https://cn.chinadaily.com.cn (中国日报网) วันที่ 11 มีนาคม 2568
เว็บไซต์ http://gxt.gxzf.gov.cn (广西工业和信息化厅) วันที่ 7 มีนาคม 2568