รถไฟใต้ดินนครจี่หนาน มณฑลซานตง ออกฟังก์ชันการสแกนใบหน้าเข้าสู่สถานี ภายใน 1 นาที สามารถตรวจตั๋วด้วยการสแกนใบหน้าได้ 33 ราย จากระบบเดิม 20 คน
17 May 2019
เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2562 รถไฟใต้ดินสายแรกของนครจี่หนาน ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ พร้อมกับระบบจดจำใบหน้าแบบ 3 มิติ ซึ่งได้ประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้า อาทิ เทคโนโลยีการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือและเทคโนโลยีไบโอแมทริกซ์ (biometrics) หรือเทคโนโลยีพิสูจน์ อัตลักษณ์บุคคล ในการประมวลผลภาพใบหน้าบุคคลเพื่อเข้าสู่สถานีและชำระค่าโดยสารก่อนออกจากสถานีรถไฟใต้ดิน ซึ่งผู้โดยสารสามารถเดินทางได้โดยไม่จำเป็นต้องพกบัตรประจำตัวประชาชนและบัตรโดยสารใด ๆ เพียงลงทะเบียนเปิดใช้ฟังก์ชันการสแกนใบหน้าเพื่อเข้าสู่สถานีตามขั้นตอน ดังนี้
1) ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “จี่หนานเมโทร”
2) ลงทะเบียนเพื่อเข้าสู่ระบบด้วยหมายเลขโทรศัพท์มือถือ
3) ถ่ายภาพใบหน้าเพื่อเก็บข้อมูล
4) ผูกบัญชีผู้ใช้กับแพลตฟอร์ม E-payment อาทิ WeChat Pay Alipay
เพียงเท่านี้ ก็สามารถใช้บริการฟังก์ชันสแกนใบหน้าเพื่อเข้าสู่สถานีแทนการใช้บัตรโดยสารได้ทันที นอกจากนี้ ผู้โดยสารสามารถเปลี่ยนภาพถ่ายใบหน้าของตนเองได้ในภายหลังด้วย
สำหรับการใช้งานฟังก์ชันดังกล่าว เมื่อผู้โดยสารผ่านช่องตรวจความปลอดภัยแล้วให้เดินไปที่ช่องตรวจตั๋วโดยการสแกนใบหน้า จากนั้น มองไปยังเครื่องสแกนใบหน้า ประตูช่องตรวจตั๋วจะเปิดออก โดยจะมีข้อมูลพื้นฐานของผู้ใช้ สถานะยอดเงินคงเหลือในบัญชีปรากฏบนหน้าจอของเครื่องสแกนใบหน้า และเมื่อสแกนใบหน้าที่ช่องตรวจตั๋วเพื่อออกจากสถานี หน้าจอจะแสดงยอดเงินค่าโดยสารที่ใช้ไป โดยฟังก์ชันใหม่นี้จะได้รับส่วนลดเช่นเดียวกับการใช้บัตรโดยสารแบบเติมเงิน
ปัจจุบัน สถานีรถไฟใต้ดินจี่หนาน สาย 1 ทั้งหมด 11 สถานี สามารถใช้ฟังก์ชันสแกนใบหน้าเข้าสู่สถานีได้ทั้งหมด โดยช่องตรวจตั๋วเพื่อเข้าออกสถานีแต่ละจุด จะมีช่องตรวจตั๋วที่มีบริการฟังก์ชังสแกนใบหน้า 1 ช่อง ที่เหลือเป็นช่องทางตรวจตั๋วธรรมดา สำหรับรถไฟใต้ดินจี่หนาน สาย 3 ที่กำลังจะเปิดให้บริการนั้น มีแผนว่าจะเพิ่มช่องตรวจตั๋วที่มีบริการฟังก์ชันสแกนใบหน้าเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 50 ของช่องตรวจตั๋วเพื่อเข้าออกสถานีทั้งหมด และในส่วนของสถานีรถไฟใต้ดินจี่หนาน สาย 2 อาจติดตั้งช่องตรวจตั๋วที่มีบริการฟังก์ชันสแกนใบหน้าไว้ที่เครื่องตรวจตั๋วเข้าออกสถานีทั้งหมด
เห็นได้ว่า เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจและยกระดับอุตสาหกรรมบริการให้มีประสิทธิภาพ รวดเร็วและสอดคล้องกับรูปแบบการใช้ชีวิตของคนในสังคมมากยิ่งขึ้น ซึ่งฟังก์ชันการสแกนใบหน้าเพื่อเข้าออกสถานี นับเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพความรวดเร็วให้แก่ผู้โดยสารที่ใช้บริการรถไฟใต้ดินและเป็นการย่นระยะเวลาการต่อคิวตรวจตั๋วก่อนเข้า-ออกสถานี โดยก่อนที่ระบบการสแกนใบหน้าเพื่อเข้าออกสถานีจะเปิดใช้อย่างเป็นทางการได้ทำการทดสอบมากกว่า 1 แสนครั้ง เป็นเวลา 3 เดือน โดยเฉลี่ยแล้ว 1 นาที สามารถให้บริการตรวจตั๋วผ่านการสแกนใบหน้าให้แก่ผู้โดยสารได้จำนวน 33 คน ติดต่อกัน ซึ่งระบบการใช้บัตรโดยสารและการสแกน QR Code แบบเดิมสามารถให้บริการตรวจตั๋วได้ประมาณ 20 คน เท่านั้น
จัดทำโดย ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองชิงต่าว