จีนเหนื่อย — ข้อพิพาทการค้าที่ไม่ง่ายระหว่างจีนกับประเทศคู่ค้า

10 Jul 2013

ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ เศรษฐกิจจีนได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องและในปี 2555 ยอดการค้าระหว่างประเทศของจีนทะลุ 3.87 ล้านล้านดอลลาร์สรอ. กลายเป็นประเทศที่มียอดการค้าระหว่างประเทศสูงที่สุดในโลก อย่างไรก็ดีในขณะเดียวกัน ข้อพิพาทการค้าระหว่างจีนกับประเทศคู่ค้าก็เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว จากสถิติของกระทรวงพาณิชย์จีน ในปี 2555 จีนต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวนและการตอบโต้การทุ่มตลาดของสินค้าจีนที่ส่งออกยังต่างประเทศทั้งสิ้น 216 ครั้ง และในครึ่งปีแรกปี 2556 มีจำนวน 114 ครั้ง ที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของจีนเป็นอย่างมาก และนอกจากจะทำให้จีนต้องปวดหัวและหมดตัวกับการแก้ไขข้อพิพาทการค้าแล้ว ยังทำให้จีนหันกลับมาคิดและพิจารณาหาวิธีการที่จะพัฒนาตัวเองเพื่อให้มีความได้เปรียบในการเจรจาแก้ไขข้อพิพาทการค้ากับประเทศอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ตลอดจนยกระดับความสามารถในการแข่งขันเพื่อการค้าที่โปร่งใสไม่น่าปวดหัวในอนาคต BIC ขอยกตัวอย่างข้อพิพาทการค้าระหว่างจีนกับประเทศอื่น ๆ ที่สำคัญ ฯ ณ ทีนี้

ข้อพิพาทการค้าแผงพลังงานแสงอาทิตย์ระหว่างจีนกับสหภาพยุโรป

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหภาพยุโรป (EU) เพิ่มมากขึ้น โดยในจำนวนข้อกล่าวหาทางการค้า 31 รายการที่ EU กำลังดำเนินการสอบสวนอยู่นั้น มีที่เกี่ยวข้องกับจีนถึง 18 รายการ โดยข้อกล่าวหาในเรื่องแผงพลังงานแสงอาทิตย์กลายเป็นปัญหาที่รุนแรงมากขึ้น หลังจากที่คณะกรรมาธิการยุโรปเห็นพ้องที่จะดำเนินมาตรการลงโทษทางภาษีด้วยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสูงสุดถึงร้อยละ 47.6 ต่อแผงพลังงานเซลล์แสงอาทิตย์ที่นำเข้าจากจีน ซึ่งถือเป็นการลงโทษที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา

EU กล่าวหาจีนว่าดำเนินการอย่างไม่เป็นธรรมในการกำหนดราคาขายแผงพลังงานแสงอาทิตย์ถูกจนเกินไปและยังดำเนินนโยบายอุดหนุนผู้ผลิตแผงพลังงานแสงอาทิตย์ ตลอดจนมีพฤติกรรมทุ่มตลาดในยุโรป ในขณะเดียวกัน จีนปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนยุโรปในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาได้กล่าววิจารณ์การกระทำข้างต้นของ EU ว่า เป็นสร้างความเดือดร้อน โดยที่ไม่ได้ทำให้ฝ่ายใดได้ประโยชน์เลย การจัดเก็บภาษีดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อยอดขายแผงพลังงานแสงอาทิตย์จีนใน EU มูลค่ากว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งยอดขายนี้คิดเป็นสัดส่วนราวร้อยละ 60 ของยอดส่งออกแผงพลังงานเซลล์แสงอาทิตย์โดยรวมของจีน และร้อยละ 7 ของการส่งออกมายัง EU ของจีน

หลังจากคณะกรรมาธิการยุโรปได้ประกาศดำเนินมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพื่อตอบโต้การทุ่มตลาดของสินค้าแผงพลังงานแสงอาทิตย์ของจีน รัฐบาลจีนได้ประกาศดำเนินการสอบสวนสินค้าประเภทไวน์แดงจากประเทศสมาชิก EU เพื่อตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนจากรัฐบาลประเทศสมาชิก EU ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางลบต่อการส่งออกไวน์แดงมายังจีนของอิตาลี ฝรั่งเศส และสเปน โดยยอดค้าของสินค้าประเภทไวน์แดงระหว่างจีน- EU มีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สรอ.

ข้อพิพาทการค้ายางรถยนต์ระหว่างจีน-สหรัฐ ฯ

ข้อพิพาทการค้ายางรถยนต์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่ครอบคลุมมูลค่าทั้งสิ้น 1,700 ล้านดอลลาร์ สรอ.นับว่าเป็นข้อพิพาทการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯที่ใหญ่เป็นอันดับต้นในสมัยของประธานาธิบดีบารัค โอบามา เรื่องมีอยู่ว่าในปี 2552 สหพันธ์กรรมกรเหล็กกล้าสหรัฐ ฯ ได้ยื่นฟ้องจีนต่อคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ในข้อกล่าวหาการทุ่มตลาดของสินค้ายางล้อรถยนต์ที่นำเข้าจากจีน ซึ่งส่งผลกระทบให้บริษัทที่เกี่ยวข้องของสหรัฐฯ ล้มละลายจนกระทั่งกรรมกรในบริษัทตกงานเป็นจำนวนมาก ในปีเดียวกันนั้นเอง ประธานาธิบดีบารัค โอบามาได้อนุมัติมติการลงโทษการทุ่มตลาดของสินค้ายางล้อที่นำเข้าจากจีนโดยเรียกเก็บภาษีอากรเป็นระยะเวลา 3 ปีโดย ปีแรกเรียกเก็บร้อยละ 35 ปีที่ 2 ร้อยละ 30 ปีที่ 3 ร้อยละ 25 ตามลำดับ

จีนได้ตอบต้านมาตรการการปกป้องพิเศษดังกล่าวอย่างรุนแรง โดยได้ยื่นฟ้องที่องค์การการค้าโลก

ในเดือนธันวาคม ปี 2553 ทีมผู้เชี่ยวชาญขององค์การการค้าโลกได้ประกาศรายงาน ว่าการเรียกเก็บภาษีเชิงการลงโทษของสหรัฐฯ ไม่ได้ผิดกฎระเบียบขององค์การการค้าโลก ภายหลังจากยื่นอุทธรณ์ต่อองค์การการค้าโลกอีกครั้ง ในที่สุดจีนก็ต้องปวดใจกับคำตัดสินเห็นด้วยมาตรการการปกป้องพิเศษของสหรัฐฯ ดังกล่าว

หลังจากนั้น กระทรวงพาณิชย์จีนได้ประกาศดำเนินการสอบสวนการทุ่มตลาดและการอุดหนุนที่ผิดกฎหมายของสินค้ารถยนต์บางประเภทและสินค้าเนื้อไก่ที่ผลิตที่สหรัฐฯ ซึ่งครอบคลุมมูลค่าการค้ารวมทั้งสิ้นกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สรอ. ซึ่งถือว่าเป็นการตอบโต้มาตรการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ในเดือนกันยายน ปี 2553 กระทรวงพาณิชย์จีนได้ตัดสินลงโทษพฤติกรรมการทุ่มตลาดของสินค้าเนื้อไก่ที่ผลิตที่สหรัฐฯ โดยเรียกเก็บภาษีตามอัตราตั้งแต่ร้อยละ 50.3 ถึงร้อยละ 105.4 ในระยะเวลา 5 ปี ในเดือนธันวาคม ปี 2554 กระทรวงพาณิชย์จีนประกาศลงโทษพฤติกรรมการทุ่มตลาดและการอุดหนุนที่ผิดกฎหมายของสินค้ารถยนต์ที่มีปริมาณการปล่อย 2.5 ลิตรขึ้นไปโดยเรียกเก็บภาษีตามอัตราร้ายละ 15 ถึงร้อยละ 21.8 ในระยะเวลา 2 ปี

สำหรับการค้าระหว่างจีน-ไทย ก็มีข้อพิพาทไม่มากก็น้อย อาทิ ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ไทยได้ประกาศมติว่า ไทยเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดในสินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นเคลือบด้วยสังกะสีแบบจุ่มร้อนแล้วทาสีและเหล็กแผ่นรีดเย็นชุบหรือเคลือบด้วยโลหะเจือของอะลูมิเนียมและสังกะสีแบบจุ่มร้อนแล้วทาสีจากจีน ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายอย่างสำคัญต่ออุตสาหกรรมภายในประเทศ โดยมีรายละเอียดดังนี้ สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากประเทศจีนซึ่งผลิตจาก Shenzhen Sino Master Steel Sheet Co., Ltd. เรียกเก็บอากรในอัตรา 8.08% ของราคา CIF, Union Steel China Co., Ltd. เรียกเก็บอากรในอัตรา 5.56% ของราคา CIF, Yieh Phui (China) Technomaterial Co., Ltd. เรียกเก็บอากรในอัตรา 7.65% ของราคา CIF, Changzhou Changsong Metal Composite Material Co., Ltd. เรียกเก็บอากรในอัตรา 42.88% ของราคา CIF และผู้ผลิตรายอื่นๆ เรียกเก็บอากรในอัตรา 42.88% ของราคา CIF และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2555 เป็นระยะเวลา 5 ปี

ในฐานะที่เป็นประเทศที่เข้าร่วมองค์การการค้าโลกในเวลาที่ช้ากว่าประเทศอื่น ๆ จีนยังขาดความคล่องตัวในการปฏิบัติตามกฏระเบียบต่าง ๆ ขององค์การการค้าโลก รัฐบาลจีนก็ได้เล็งเห็นความจำเป็นในการรวมกลุ่มบริษัทการส่งออกจีนเพื่อให้สมาคมหรือสหพันธ์ของอุตสาหกรรมต่าง ๆ เป็นตัวหลักในการตอบโต้ข้อกล่าวหาต่าง ๆ และการยื่นฟ้องสำหรับความไม่เป็นธรรมของสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ อย่างไรก็ดี โดยที่บทบาทของจีนในเศรษฐกิจและการเมืองโลกเพิ่มขึ้นทุกวัน แม้ว่าจีนจะมุ่งดำเนินการต่างๆ เพื่อการปกป้องสิทธิประโยชน์ของจีน แต่บทบาทที่มากขึ้นในเวทีโลกก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่สูงขึ้นที่จีนต้องแบบรับ และการถูกเฝ้าจับผิด เอ๊ย จับตามองจากประชาคมโลก

เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครเฉิงตู

ข่าวที่เกี่ยวข้อง


ข่าวยอดนิยม

อ่านข่าวอื่น

BACK TO TOP

กลับขึ้นด้านบน