กว่างซีใช้ 5G เชิงพาณิชย์แล้ว

8 Nov 2019

ไฮไลท์

  • ผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3 เครือข่ายในกว่างซี ทั้ง China Telecom / China Mobile และ China Unicom สามารถใช้งานสัญญาณ 5G เชิงพาณิชย์ได้อย่างเป็นทางการแล้ว โดยแพ็กเกจเริ่มต้นที่ 129 – 599 หยวน รวมอินเทอร์เน็ตตั้งแต่ 30 – 300 GB
  • เทคโนโลยี 5G หรือ 5th Generation คือ ระบบการสื่อสารแบบไร้สายยุคที่ 5 ที่มีความสามารถในการรับส่งข้อมูลในปริมาณมากกว่าระบบ 4G เป็นร้อยเท่า โดยอุปกรณ์รองรับของระบบนี้จะไม่จำกัดเพียงสมาร์ทโฟน แต่รวมถึงเครื่องมือเครื่องใช้และระบบสาธารณูปโภคทั้งหมด
  • ระบบสัญญาณ 5G เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในยุคการสื่อสารไร้สายให้ได้รับความสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาอินเทอร์เน็ตเชิงอุตสาหกรรม (Industrial Internet) ช่วยให้เทคโนโลยี IoT เกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ และผลักดันเมืองให้ก้าวไปสู่ “เมืองอัจฉริยะ” (Smart City) ได้อย่างแท้จริง

 

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 ผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3 เครือข่าย ทั้ง China Telecom / China Mobile และ China Unicom ของเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงสามารถใช้งานสัญญาณ 5G เชิงพาณิชย์ได้อย่างเป็นทางการแล้ว

5G คืออะไร เทคโนโลยีการสื่อสารแบบไร้สายยุคที่ 5 ที่มีความสามารถในการรับส่งข้อมูลในปริมาณมากกว่าระบบ 4G เป็นร้อยเท่า โดยอุปกรณ์รองรับของระบบนี้จะไม่จำกัดเพียงสมาร์ทโฟน แต่รวมถึงเครื่องมือเครื่องใช้และระบบสาธารณูปโภคทั้งหมด

กว่างซีนับเป็นมณฑลผู้นำเทคโนโลยี 5G ลำดับแรกๆ ของประเทศจีน โดย China Mobile กำลังเร่งพัฒนาสถานี 5G เกือบหมื่นสถานีใน 14 เมืองทั่วกว่างซี และเริ่มทดสอบการใช้งานสัญญาณ 5G ในหลายด้านแล้ว

โดยเมื่อต้นปี 2561 นครหนานหนิงเป็น 1 ใน 12 เมืองที่คณะกรรมาธิการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) และ China Mobile กำหนดให้เป็นจุดทดลองสัญญาณ 5G ของประเทศจีน ปัจจุบัน China Mobile สาขากว่างซี ได้วางโครงข่าย 5G ทั่วทั้ง 14 เมืองของกว่างซี จำนวนสถานีฐาน 5G ของ China Mobile มีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 70 ทั่วทั้งมณฑล มีชุมชนมากกว่า 6,000 แห่งที่สามารถใช้งาน 5G ได้ พร้อมตั้งเป้าว่าในปี 2564 จะสร้างสถานีฐาน 5G ให้ได้ 50,000 สถานีทั่วมณฑล

ก่อนหน้านี้ China Telecom สาขากว่างซี ได้เปิดใช้ 5G เต็มรูปแบบ (Stand alone – SA) ในนครหนานหนิง ซึ่งมีสเกลขนาดใหญ่ที่สุดเป็นแห่งแรกในจีน และโครงข่ายสัญญาณทดลอง 5G เชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบในพื้นที่ตัวเมืองเป็นแห่งแรกของประเทศจีน

China Telecom ได้กำหนดให้นครหนานหนิงและเมืองหลิ่วโจวเป็นพื้นที่นำร่องการใช้งานสัญญาณ 5G เชิงพาณิชย์ชุดแรก โดยนครหนานหนิงมีพื้นที่ชุนชมที่สามารถใช้งานสัญญาณ 5G ได้แล้ว 675 แห่ง และเมืองหลิ่วโจว 258 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่บริเวณส่วนราชการ ย่านการค้า ศูนย์ขนส่งผู้โดยสาร และสถาบันอุดมศึกษา

China Telecom ได้พัฒนาความร่วมมือกับลูกค้าหลายสาขาในการใช้สัญญาณ 5G อาทิ สื่อและการถ่ายทอดสด อินเทอร์เน็ตสำหรับอุตสาหกรรม ระบบกล้องวงจรปิดที่ใช้ในการรักษาความปลอดภัย การแพทย์อัจฉริยะ การศึกษาอัจฉริยะ การท่องเที่ยวอัจฉริยะ และการคมนาคมอัจฉริยะ

นอกจากนี้ ยังได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาสัญญาณ 5G สำหรับหน่วยงานภาครัฐ 19 หน่วยงาน ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยให้กว่างซีก้าวสู่สังคมดิจิทัลตามเป้าหมาย “Digital Guangxi” สังคมที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทต่อชีวิตและเป็นตัวขับเคลื่อนการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม

ทั้งนี้ ผู้ใช้งาน China Telecom จะได้สัมผัสประสบการณ์การใช้งานที่เหนือกว่า เช่น เทคโนโลยี AR/VR ที่ให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสประสบการณ์เสมือนจริง การรับชมวิดีโอที่มีความคมชัดระดับ 4K (Ultra High Definition) การเล่นเกมโปรดผ่านระบบคลาวด์ (Cloud Gaming) โดยไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดลงบนอุปกรณ์อีกต่อไป และการบริการผ่านระบบคลาวด์ เช่น การเก็บและประมวลผลข้อมูลผ่านระบบคลาวด์

แพ็กเกจ 5G ของผู้ให้บริการ 3 รายในกว่างซี มีให้ผู้ใช้งานได้เลือกตามความเหมาะสมในการใช้งาน อาทิ

  • China Telecom มี 5 แพ็กเกจ เริ่มตั้งแต่ 129 – 399 หยวน รวมอินเทอร์เน็ต 30 – 150 GB
  • China Mobile มี 7 แพ็กเกจ เริ่มต้นที่ 128 – 598 หยวน รวมอินเทอร์เน็ต 30 – 300 GB
  • China Unicom มี 7 แพ็กเกจ เริ่มต้นที่ 129 – 599 หยวน รวมอินเทอร์เน็ต 30 – 300 GB

ระบบ 5G มีจุดเด่น 3 ประการ คือ

  1. รับส่งข้อมูลได้เร็วกว่าระบบ 4G ถึง 10-100 เท่า ความเร็วในการสื่อสารข้อมูลสูงถึง 10 Gbit/s สามารถดาวน์โหลดภาพยนตร์แบบความละเอียดสูง (HD) หนึ่งเรื่องเพียงเสี้ยววินาที และสามารถรับชมวีดิโอระดับ HD พร้อมกัน 16 ช่องได้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีสะดุด
  2. ความหน่วงของระบบ (Latency) ลดลง 5-10 เท่า ในระดับ 1 มิลลิวินาที (4G มีความหน่วง 10 มิลลิวินาที) ซึ่งช่วยสนับสนุนการพัฒนาระบบเทคโนโลยีไร้คนขับ และยกระดับความปลอดภัยของยานยนต์ไร้คนขับได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากระบบควบคุมการหยุดรถสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว
  3. ความหนาแน่นในการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ (Connection Density) เพิ่มขึ้น 10-100 เท่า ในระดับล้านอุปกรณ์ต่อตารางกิโลเมตร โดยสามารถเชื่อมต่อไฟถนน ไฟจราจร มิเตอร์ไฟฟ้า มิเตอร์น้ำปะปา รวมถึงกล้องวงจรปิดกับระบบ 5G ได้ทั้งหมด ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่สาธารณะของเมือง

ระบบสัญญาณ 5G เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในยุคการสื่อสารไร้สายให้ได้รับความสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เป็นตัวขับเคลื่อนการพัฒนาอินเทอร์เน็ตเชิงอุตสาหกรรม (Industrial Internet) การแพทย์ทางไกล (Tele-Medicine) ช่วยให้เทคโนโลยี IoT เกิดขึ้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งยานยนต์ไร้คนขับ การจราจรอัจฉริยะ การผลิตอัจฉริยะ การเกษตรอัจฉริยะ การท่องเที่ยวอัจฉริยะ การศึกษา และเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันเมืองได้ก้าวไปสู่ “เมืองอัจฉริยะ” ได้อย่างแท้จริง

มีการประเมินกันว่า หากมีการใช้งาน 5G อย่างเต็มรูปแบบ เราจะเห็นอุตสาหกรรมรูปแบบใหม่เกิดและเติบโตขึ้นอีกจำนวนมาก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมบันเทิง (ภาพยนตร์ การถ่ายทอดสด กีฬา และ e-Sports) และจะมีการนำเทคโนโลยี AR และ VR มาประยุกต์ใช้ในด้านต่างๆ มากยิ่งขึ้น

แม้ว่าเทคโนโลยี 5G ไม่ได้เข้ามาแทนที่ 3G และ 4G ทั้งหมด (เหมือนกรณีที่ 3G และ 4G เข้ามาแทนที่ EDGE) แต่ด้วยประสิทธิภาพที่สูงกว่าทั้งด้านความสามารถในการรองรับข้อมูลและความเร็วในการรับส่งข้อมูล ทำให้ 5G ช่วยสนับสนุนและขยายโอกาสการสร้างบริการดิจิทัลให้กว้างขวาง ครอบคลุม ตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้มากขึ้น และเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจและก่อให้เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเพิ่มสูงขึ้น

 

จัดทำโดย นายกฤษณะ สุกันตพงศ์ ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครหนานหนิง
ที่มา เว็บไซต์ www.gx.xinhuanet.com (广西新华网) วันที่ 31 ตุลาคม 2562
      เว็บไซต์ www.gx.chinanews.com (中新社广西) วันที่ 31 ตุลาคม 2562
     เว็บไซต์ http://gx.10086.cn (中国移动网)
     เว็บไซต์ http://gx.189.cn (中国电信网)
    เว็บไซต์ http://mall.10010.com (中国联通网)
ภาพประกอบ www.freepik.com

Smart city5G

เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครเฉิงตู

ข่าวที่เกี่ยวข้อง


ข่าวยอดนิยม

อ่านข่าวอื่น

BACK TO TOP

กลับขึ้นด้านบน