ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาครัฐบาลมณฑลเหลียวหนิงที่ www.ln.gov.cn
ที่ตั้งและพื้นที่
มณฑลเหลียวหนิงมีพื้นที่ทั้งหมด 145,900 ตร.กม. คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1.5 ของพื้นที่ประเทศจีนทั้งประเทศ ในจำนวนพื้นที่ทั้งหมด
ข้อมูลประชากร
มณฑลเหลียวหนิงประกอบด้วยประชากร 44 ชนชาติ ยกตัวอย่างเช่น
ชนกลุ่มน้อยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 16 ของประชากรโดยในจำนวนนี้ประชากรชนชาติแมนจู มองโกล หุย เกาหลีและซีป๋อมีจำนวนค่อนข้างมาก
ปี 2557 มณฑลเหลียวหนิงมีประชากรจำนวน 43.91 ล้านคน แบ่งออกเป็น
สภาพภูมิอากาศ
มณฑลเหลียวหนิงมีภูมิอากาศแบบลมมรสุมภาคพื้นทวีปแบบอบอุ่นแถบเหนือ ฤดูร้อนอบอุ่น ฤดูหนาวยาวนาน ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงสั้น พื้นที่ทิศตะวันออกชุ่มชื้น ส่วนทิศตะวันตกแห้งแล้ง อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปี 7-11 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนโดยเฉลี่ย 400 มิลลิเมตรต่อปี
ทรัพยากรสำคัญ
มณฑลเหลียวหนิงมีแหล่งทรัพยากรพลังงาน ได้แก่ ปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน และยูเรเนียม
โดยมีทรัพยากรน้ำมันใต้ดินและก๊าซธรรมชาติมากเป็นอันดับสามของประเทศ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 15 และร้อยละ 10 ของประเทศตามลำดับ
นอกจากนั้นยังมีทรัพยากรแร่โลหะเหมาะสำหรับการทำอุตสาหกรรมโลหะผสม ได้แก่ แร่เหล็ก แมงกานีส แมกนีเซียมคาร์บอเนต ซีลิกา หินปูน ฟลูออไรด์ และแร่ Dolomite เป็นต้น
โดยแร่เหล็กมีปริมาณมากถึงหนึ่งในสี่ของทั้งประเทศ ส่วนแร่แมงกานีส โบรอน เพชร หยก และหินปูน มีมากอยู่ในอันดับต้นของประเทศ
ประวัติศาสตร์ / วัฒนธรรม
ปรากฎหลักฐานฟอลซิลกะโหลกศีรษะมนุษย์ apeman บริเวณต้าฉือเฉียว เทือกเขาจินหนิว เมืองหยิงโข่ว แสดงให้เห็นว่ามีมนุษย์ดึกดำบรรพ์อาศัยอยู่บริเวณนี้เมื่อ 280,000 ปีก่อน และปรากฎหลักฐานเครื่องมือมนุษย์ช่วงกลางยุคหินเมื่อ 150,000 ปีก่อนที่บริเวณเมืองเฉาหยาง
นอกจากนี้ ยังปรากฎหลักฐานมนุษย์ยุคหินใหม่ เช่น เครื่องมือ เครื่องใช้ต่าง ๆ เมื่อ 6,000 – 7,000 ปีก่อนหลงเหลืออยู่ในเมืองเสิ่นหยาง
ศตวรรษที่ 16 ก่อนคริสตกาล มณฑลเหลียวหนิง ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของ นครรัฐยานในสมัยชุนชิว และเป็นเมืองที่อยู่ติดกับเมืองของราชวงศ์ซาง หลังจากนั้น มณฑลเหลียวหนิงได้ถูกปกครองโดยหลายราชวงศ์ มณฑลเหลียวหนิงปรากฎหลักฐานที่ชัดเจนสมัยราชวงศ์ชิง (ค.ศ.1644-1911) โดยมีโบราณสถานที่สำคัญ คือ พระราชวังโบราณ “เสิ่นหยางกู้กง” ในปี 1931 เมืองเสิ่นหยางถูกปกครองโดยประเทศญี่ปุ่น
หลังจากจัดตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี 1949 มณฑลเหลียวหนิงได้ถูกแบ่งออกเป็นสองมณฑลคือ มณฑลเหลียวหนิงตะวันออก และมณฑลเหลียวหนิงตะวันตก ต่อมาในปี 1954 เหลียวหนิงตะวันออก และเหลียวหนิงตะวันตกได้รวมเป็นมณฑลเหลียวหนิงอีกครั้ง โดยมีเมืองเสิ่นหยางเป็นเมืองหลวง
การแบ่งพื้นที่เขตปกครอง
มณฑลเหลียวหนิงตั้งอยู่บนคาบสมุทรเหลียวตง
ประกอบด้วยเมืองทั้งหมด 14 เมือง ได้แก่
รูปแบบการปกครองของมณฑลเหลียวหนิง
หน่วยงานต่าง ๆ ของมณฑลเหลียวหนิง
Construction Department | Culture Department (Cultural Heritage Bureau) |
Development and Reform Commission | Economic and Trade Commission |
Education Department | Environmental Protection Bureau |
Ethnic Affairs Commission (Religious Affairs Bureau) | Finance Department |
Food and Drug Administration | Foreign Trade and Economic Cooperation Department |
Forestry Department | Grain Bureau |
Health Department | Industry and Commerce Administration |
Information Industry Department | Intellectual Property Office |
Justice Department | Labour and Social Security Department |
Land and Resources Department | Legislative Affairs Office |
Local Taxation Bureau | Oceanic and Fishery Department |
Office of Foreign Affairs and Overseas Chinese Affairs | People’s Air Defence Office |
Personnel Department | Population and Family Planning Commission |
Press and Publication Bureau (Copyright Bureau) | Price Bureau |
Prison Affairs Bureau | Provincial General Office |
Public Security Department | Quality and Technical Supervision Bureau |
Radio and Television Bureau | Research Office (Restructuring Economic System Office) |
Rural Economic Commission | Science and Technology Department |
Sport Bureau | State Security Department |
State-owned Assets Supervision and Administration Commission | Statistics Bureau |
Supervision Department | Tourism Bureau |
Township Enterprises Bureau | Water Resources Department |
เลขาธิการพรรคฯ
รักษาผู้ว่าการมณฑล
ปธ.สภาผู้แทน ปชช.
ปธ.สภาที่ปรึกษาการเมือง
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาครัฐบาลมณฑลเหลียวหนิงที่ www.ln.gov.cn
1. นครเสิ่นหยาง
นครเสิ่นหยาง ได้รับการขนานนามว่า “นครแห่งอุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์และเครื่องมือเพื่อการผลิตสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ (Equpiment manufacture industry)” ในช่วงเริ่มต้นของการก่อตั้งประเทศจีนในปีค.ษ. 1950 เน้นพัฒนาอุตสาหกรรม Equipment manufacture industry เป็นอุตสาหกรรมหนักพื้นฐาน โดยหนึ่งในสามของอุปกรณ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มาจากนครเสิ่นหยาง ได้แก่ อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ที่ใช้ในอุตสาหกรรมถ่านหิน อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตซีเมนต์ และอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ที่ใช้ในการก่อสร้างเส้นทางหลวง เป็นต้น ในภายหลังนครเสิ่นหยางได้มุ่งเน้นพัฒนาอุตสาหกรรมอื่นด้วย ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์ติดตั้งชิ้นส่วนรถยนต์ อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ อุตสาหกรรมการผลิตยาเคมี และอุตสาหกรรมหนักอื่นๆ
ปัจจุบัน บริษัทที่มาลงทุนในนครเสิ่นหยาง ได้แก่ บริษัท Canadian Mining Group Inco โดยร่วมกับบริษัท Korea Nickel Corp ผลิต Nickel foam ซึ่งใช้ในแบตเตอรี่ที่สามารถนำกลับมาชาร์ทใหม่ได้ รวมทั้งสามารถนำมาใช้ในเครื่องยนต์ไฮบริคได้ด้วย
นครเสิ่นหยาง ยังผลิตเครื่องบินเจท หุ่นยนต์ใต้น้ำ Photo-electron spectrometer และ Laser processor และถือเป็นรายแรกของประเทศจีน นครเสิ่นหยางเป็นฐานการผลิตหุ่นยนต์และมีสถาบันวิจัยหุ่นยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีน โดยมีผู้ถือหุ้นหลัก คือ Shenyang Automation Institute ทั้งนี้ ในปี 2020 ประเทศจีนมีแผนส่งพาหนะซึ่งควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ไปยังดวงจันทร์
นอกจากนี้นครเสิ่นหยางยังมีการลงทุนในด้านอาหารสัตว์และอุตสาหกรรมยาจาก BASF, Hong Kong Pacific Can (ผู้ผลิตพาชนะบรรจุอาหารให้ PepsiCoke) มีการลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์จาก Hyundai Mobil และ SEW Eurodrive (ประเทศเยอรมนี) มณฑลเหลียวหนิงเป็นแหล่งผลิตยางรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน โดยมีการลงทุนจาก Michelin ร่วมกับ Shengyang Tyre Factory และการลงทุนจาก Prime Stone, Mitsui และ Bridgestone ประเทศญี่ปุ่น
2. เมืองต้าเหลียน
เมืองต้าเหลียน เป็นเมืองฐานอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศจีน โดยให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล เครื่องไฟฟ้า อุตสาหกรรมเบาประเภทสิ่งทอและเสื้อผ้า อุตสาหกรรมปิโตรเคมี อุตสาหกรรมหลอมโลหะ อุตสาหกรรมอาหารและยา โดยมีวิสาหกิจและธุรกิจที่สำคัญ ได้แก่ CPC Dalian Shipyard Limited Liability Company ซึ่งเป็นบริษัทต่อเรือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน และ Dalian New Shipbuilding Heavy Industry Co., Ltd. โรงงานต่อเรือทันสมัยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน เมืองต้าเหลียนถือเป็นฐานการส่งออกเรือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน และมีโรงงานผลิตหัวรถไฟกำลังสูงที่ใช้พลังงานขับเคลื่อนจากเชื้อเพลิง ปัจจุบันมากกว่าร้อยละ 50 ของหัวรถไฟกำลังสูงที่ใช้พลังงานขับเคลื่อนจากเชื้อเพลิงล้วนมาจากเมืองต้าเหลียน
เมืองต้าเหลียนมีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จากประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ Matsushita Electric Industrial, Toshiba ร่วมลงทุนกับ Dalian Daxian Group ในการผลิตชุดโทรทัศน์ เครื่องดีวีดี และกล้องดิจิตอล, Canon, Sanyo, Mabuchi, Kirin Brewery
นอกจากนั้น มีการลงทุนจากประเทศเกาหลี ได้แก่ Hynix, LG Group จากสหรัฐอเมริกา ได้แก่ Coca – Cola, Goodyear, Pfizer, US piping manufacturer Victaulic, Volkswagen
1. เขตพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีเมืองเสิ่นหยาง
(Shenyang Economic and Technological Development Zone)
เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจระดับชาติ ได้เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 1988 มีพื้นที่ทั้งหมด 32 ตร.กม มีบริษัทข้ามชาติเข้ามาลงทุนในเขตพื้นที่นี้ 83 ราย และโรงงานมากกว่า 700 โรงงาน เป็นเขตฐานอุตสาหกรรมเก่าของประเทศจีน และเป็นศูนย์กลางทางการค้าและโลจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุดในตอนเหนือของประเทศจีน โดยอุตสาหกรรมที่เด่นในเขตนี้คือ อุตสาหกรรมรถยนต์ อุตสาหกรรมเคมี อุตสาหกรรมอาหารและยา อุตสาหกรรมการทำโลหะผสม อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม และอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน
นอกจากนี้ยังเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจที่ได้รับการส่งเสริมให้ลงทุนในด้านอุตสาหกรรมอื่นๆ เพิ่มเติม ได้แก่ อุตสาหกรรมไฟฟ้า อุปกรณ์ก่อสร้าง ปิโตรเคมี ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ New materials และวิศวกรรมเคมี ในเขตนี้มีการลงทุนจาก Coca-Cola, Matsushita Electric, SEW- EURODRIVE (Shenyang) Holdings Co. Ltd, BASF, Michelin, Bridestone, Novo Nordisk, Alcatel, ITT, Panasonic, Mitsubishi, ABB, Sanyo, Hino, Lavalin
2. เขตพัฒนาการเกษตรสมัยใหม่เสิ่นหยาง
(Shenyang Hi-tech Development Zone)
ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2002 โดยมีพื้นที่ทั้งหมด 56 ตร.กม. มีมาตรการ และกลยุทธ์หลักคือ การยกระดับการแข่งขันของสินค้าเกษตร เพื่อให้สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยความได้เปรียบของเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมในพื้นที่ เป็นเขตที่เน้นความสำคัญของเทคโนโลยีการเกษตรระดับสูงเทคโนโลยีชีวภาพการเกษตร เกษตรกรรมเชิงนิเวศวิทยา และการแปรรูปสินค้าเกษตร ภายในเขตได้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่ทางวิทยาศาสตร์ พื้นที่เกษตร พื้นที่การแปรรูปเกษตร และพื้นที่ทดลองสมัยใหม่
ผู้ลงทุนหลักในอุตสาหกรรมการแปรรูปในเขตนี้ ได้แก่ Shenyang Huishan Dairy Co.Ltd. (อุตสาหกรรมการแปรรูปนม) Shenyang huishan huamei Hy-line Livestock & poutry co.ltd (อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหารสัตว์ปีก COFCO), Holiland (อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร)
3. ห้าเขตพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวชายฝั่งมณฑลเหลียวหนิง
เป็นเขตที่มีพื้นที่ตั้งอยู่บริเวณแนวชายฝั่ง 5 เขตพัฒนาใหม่ที่สำคัญ ได้แก่
บนฝั่งแม่น้ำเหลือง มีพื้นที่ทั้งหมด 374.33 ตร.กม. ในเดือนสิงหาคม ปี 2005 ทั้งห้าเขตนี้ได้รับการยกระดับให้เป็นเขตพัฒนาทางเศรษฐกิจที่สำคัญของมณฑล โดยตามแนวชายฝั่งของทั้งห้าเขตนี้มีการสร้างถนนหลวงบินไห่และทางด่วนเชื่อมต่อถึงกัน จึงเปรียบเสมือน “ไข่มุกทั้งห้าเม็ดบนสายเส้นเดียวกัน”
จากเขตพัฒนาเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศจีน อันได้แก่
ซึ่งปัจจุบันพบว่าเขตเศรษฐกิจต่างๆ เหล่านี้ ต่างเป็นเขตที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรม และมีการลงทุนจับจองพื้นที่ต่างๆ จนหมด และไม่มีพื้นที่ว่างเปล่าสำหรับการก่อตั้งอุตสาหกรรมใหม่ๆ ในขณะที่ห้าเขตพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวชายฝั่งของมณฑลเหลียวหนิงยังมีพื้นที่ว่างเปล่าเหมาะสมสำหรับการเข้ามาลงทุน และการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมอีกมาก ทั้งนโยบายปลอดภาษีที่ดินในบางพื้นที่ของเขตนี้ ซึ่งไม่สามารถมีได้ในเขตเศรษฐกิจชายฝั่งตะวันออก จึงป็นจุดเด่นและศักยภาพสำหรับเขตนี้ โดยในอนาคตจะเป็นเขตเศรษฐกิจที่มีบทบาทใหม่อีกเขตหนึ่งรองจากเขตเศรษฐกิจทั้งสาม
นอกจากนั้น ห้าเขตพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวชายฝั่งของมณฑลเหลียวหนิง มีทำเลที่ตั้งอันเหมาะสม สืบเนื่องจากเป็นเขตที่มีตำแหน่งที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับประเทศต่างๆในเอเชียตะวันออก อันได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีบทบาทที่สำคัญ และในแต่ละเขตเศรษฐกิจในห้าเขตนี้ต่างมีท่าเรือขนส่งของตนเอง รวมทั้งมีทางด่วนที่เชื่อมต่อกัน เหมาะสมสำหรับการพัฒนาต่อไปในอนาคต โดยปัจจุบันมีการลงทุนในการสร้างสิ่งก่อสร้างขั้นพื้นฐานไปแล้ว 30,000 ล้านหยวน
นอกจากนั้น ห้าเขตพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวชายฝั่งของมณฑลเหลียวหนิง ยังมีศักยภาพที่สำคัญ คือ เป็นเขตที่มีทรัพยากรธรรมชาติ ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียม ถ่านหิน เหมาะสมแก่การตั้งโรงงานอุตสาหกรรม
มณฑลเหลียวหนิงเป็นที่ตั้งของโรงงานกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดเจ็ดแห่งจากสิบแห่งของประเทศจีน โดยในปี 2004 ถึง 2005 ประเทศจีนมีปัญหาขาดแคลนน้ำมัน และพลังงานไฟฟ้า แต่มณฑลเหลียวหนิงยังมีพลังงานเหล่านี้ใช้อย่างเพียงพอ ดังนั้นจึงเป็นเขตที่เหมาะสำหรับการลงทุนและการตั้งโรงงานอุตสาหกรรมในอนาคต
4. เขตพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีต้าเหลียน
(Dalian Economic & Technological Development Zone)
เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจระดับชาติแห่งแรกของประเทศจีน โดยเริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1984 มีพื้นที่ทั้งหมด 36 ตร.กม. โดยมีการลงทุนจากบริษัทต่างชาติ 1,600 แห่ง และมีการลงทุนจาก 500 บริษัทชั้นนำของโลกจาก 36 ประเทศ โดยประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ลงทุนในเขตนี้มากเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาได้แก่ ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส
เป็นเขตฐานอุตสาหกรรมหนักเดิม ได้แก่
และจากการที่เป็นเขตเศรษฐกิจที่ก่อตั้งเป็นแห่งแรกของประเทศจีน มีระยะเวลาในการพัฒนาทางอุตสาหกรรมยาวนานกว่าเขตพัฒนาเศรษฐกิจอื่นๆ จึงทำให้เขตนี้มีการพัฒนาฐานอุตสาหกรรม และมีการยกระดับ ดูดซับเทคโนโลยีชั้นนำต่างๆ ได้ไม่น้อย นับเป็นเขตพัฒนาทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่สำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เนื่องจากเป็นเขตพัฒนาที่มีการบริการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่ดี ทำให้ราคาที่ดินในเขตอุตสาหกรรมนี้สูงกว่าเขตพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีเทียนจิน (TEDA) หลายปีที่ผ่านมาค่าแรงท้องถิ่นก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในเขตนี้มีการลงทุนจาก Toshiba โดยร่วมกับ Dalian Daxian Group สร้างโรงงานผลิตโทรทัศน์จอสี และ Panasonic ได้เข้าร่วมมาลงทุนสร้างโรงงานผลิตโทรศัพท์ไร้สายและดิสก์ไดรพ์ในปี 2005
5. เขตอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูงต้าเหลียน
(Dalian Hi – Tech Industrail Zone)
เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจระดับชาติ โดยเริ่มก่อตั้งขึ้นในปี 1991 มีพื้นที่ทั้งหมด 35.6 ตร.กม.โดยในเขตนี้มีการลงทุนกว่า 2,300 บริษัท เป็นบริษัทต่างชาติกว่า 800 บริษัท จากประเทศต่างๆ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เยอรมัน อังกฤษ ฝรั่งเศส ไต้หวัน ฮ่องกง โดย 30 กว่าบริษัทเป็นบริษัทใน Golbal Fortune 500 ในรอบยี่สิบปีที่ผ่านมา ในเขตนี้แบ่งออกเป็นเขตสำคัญใหญ่ๆ 4 เขต ได้แก่
6. เขตพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีหยิงโข่ว
(Yingkou Economic & Technical Development Zone : YETDZ)
เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจระดับชาติ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1992 มีระยะทางห่างจากใจกลางเมืองหยิงโข่ว 50 ตร.กม. ห่างจากเมืองต้าเหลียน 150 กม. ตั้งอยู่บนคาบสมุทรเหลียวตง เมืองหยิงโข่ว เป็นเขตที่มีการลงทุนจากต่างประเทศในการแปรรูปอุตสาหกรรมการเพาะพันธุ์สัตว์น้ำและพืชในอุตสาหกรรมการเกษตรเป็นหลัก อุตสาหกรรมการแปรรูปการผลิตสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันซึ่งทำจากวัสดุไม้และวัสดุทนไฟ รวมทั้งอุตสาหกรรมเสื้อผ้า การตกแต่งก่อสร้างในอุตสาหกรรมก่อสร้างเป็นหลัก และการลงทุนในภาคบริการ ได้แก่ โรงแรม และอสังหาริมทรัพย์ และมีการลงทุนจากต่างประเทศ 28 ประเทศ ที่สำคัญได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง ซึ่งลงทุนในอุตสาหกรรมการแปรรูป เสื้อผ้า และเครื่องสำอาง และประเทศอื่นๆ ที่สำคัญได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา สิงค์โปร์ อังกฤษ อินเดีย
ปี 2557 มณฑลเหลียวหนิงมีทางหลวงความยาว 114,504 ก.ม.โดยมีทางด่วนความยาว 4,172 ก.ม.
โดยเส้นทางด่วนระหว่างเมืองภายในมณฑลที่เปิดให้บริการแล้ว ได้แก่
ส่วนเส้นทางด่วนระหว่างมณฑลที่สำคัญคือ เส้นทางด่วนนครเสิ่นหยาง-เมืองจี๋หลิน (มณฑลจี๋หลิน) และเส้นทางด่วนนครเสิ่นหยาง-เมืองซื่อผิง (มณฑลจี๋หลิน) มณฑลเหลียวหนิงมีความหนาแน่นของเส้นทางรถไฟอยู่ในระดับต้น ๆ ของประเทศ เส้นทางทางรถไฟมีความยาว 4,891 ก.ม. มีเส้นทางไปยังเมืองต่าง ๆ ของประเทศจีนรวม 57 เส้นทาง
โดยมีนครเสิ่นหยางเป็นศูนย์กลางการขนส่ง นอกจากนี้ มีเส้นทางรถไฟความเร็วสูงความยาว 1,040 ก.ม. รถไฟความเร็วสูงฮาร์บิน-ต้าเหลียนได้เปิดให้บริการตลอดเส้นทาง โดยมีระยะเส้นทางที่อยู่ภายในมณฑลเหลียวหนิงทั้งสิ้น 555.4 ก.ม.
มณฑลเหลียวหนิงมีท่าเรือที่สำคัญ 5 แห่ง ได้แก่
มณฑลเหลียวหนิงมีสนามบินทั้งหมด 6 แห่ง อาทิ
ซึ่งมีเส้นทางการบินระหว่างประเทศทั้งหมด 88 เส้นทางจาก 17 ประเทศ
1. ท่าอากาศยานนานาชาติเถาเซียนเสิ่นหยาง(Shenyang Taoxian International Airpor)
ท่าอากาศยานจี้หนานเปิดให้บริการในปีค.ศ. 1989 และได้รับการขยายในปีค.ศ.1995 เป็น 1 ใน 8 ศูนย์กลางทางอากาศของจีนตั้งอยู่ห่างจากตัวนครเสิ่นหยาง 20 กม. มีอาคารผู้โดยสาร 3 แห่ง โดยสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 25 ล้านคนต่อปีและรองรับการขนถ่ายสินค้าได้ถึง 420,000 ตันต่อปี
2. ท่าอากาศยานนานาชาติโจวสุ่ยจือต้าเหลียน(Dalian Zhoushuizi International Airport)
ปัจจุบันสนามบินนานาชาติต้าเหลียนได้เริ่มก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ.1975 มีพื้นที่อาคารผู้โดยสาร 136,000 ตร.ม. โดยมีจำนวนเส้นทางการบินทั้งสิ้น 145 เส้นทาง สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 16-20 ล้านคนต่อปี
1) แผนงาน/เป้าหมายตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจีน ฉบับที่ 12 (ค.ศ. 2011 – 2015)
2) แผนงาน/เป้าหมายประจำปี ค.ศ. 2015
รัฐบาลเหลียวหนิงได้ดำเนินยุทธศาสตร์ 3 ประการในการเปิดเสรีต่อทุนต่างประเทศและกาพัฒนา ได้แก่ ยุทธศาสตร์การบุกเบิกพัฒนาเขตเศรษฐกิจชายฝั่งทะเล ยุทธศาสตร์เขตเศรษฐกิจเสิ่นหยางและยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคตะวนตกเฉียงเหนือเหลียวหนิง
ซึ่งยุทธศาสตร์ 2 ประการแรกได้ถูกกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ระดับชาติ
โดยเหลียวหนิงเน้นสาขาอุตสาหกรรมที่สำคัญ ดังนี้
** ข้อมูลที่จัดทำขึ้นมาจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ และถือเป็นลิขสิทธิ์การจัดทำ ของศูนย์ข้อมูล เพื่อธุรกิจไทยในจีน ซึ่งท่านสามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ต่อได้ ในลักษณะที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งนี้โปรดอ้างอิง “ศูนย์ข้อมูลเพื่อ ธุรกิจไทยในจีน www.wordpress-348433-3180049.cloudwaysapps.com” ทุกครั้ง เมื่อมีการนำข้อมูลไปใช้ต่อ
** อนึ่ง โปรดใช้วิจารณญาณในการนำข้อมูลไปใช้ ซึ่งเนื้อหาทั้งหมดมาจาก การวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่เท่านั้น ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีนซึ่งเป็นผู้จัดทำ ไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการนำข้อมูลไปใช้ต่อ และ ข้อมูลดังกล่าวไม่ถือเป็นการให้ความเห็นหรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใด
ลิขสิทธิ์ © พ.ศ. 2556 ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง