อุตสาหกรรมยานยนต์ของนครฉงชิ่งเติบโตอย่าง ก้าวกระโดด ยอดส่งออกปี ๒๕๖๗ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๙.๖
19 Feb 2025
เมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ขบวนรถไฟประเภท JSQ[๑] ที่บรรทุกยานยนต์ จำนวน ๒๘๑ คัน นับเป็นขบวนที่ ๑๕ ซึ่งจะถูกปล่อยออกจากสถานี หยูจุ่ย นครฉงชิ่ง ในวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ เพื่อเชื่อมต่อการขนส่งสินค้าระหว่างจีนและยุโรปในขณะเดียวกันขบวนรถไฟบรรทุกยานยนต์ยี่ห้อ Great Wall รุ่น Tank 300 ก็ออกจากสถานีหลานกานถาน นครฉงชิ่ง มุ่งหน้าสู่เขตหมิ่นหาง นครเซี่ยงไฮ้ ก่อนที่จะเปลี่ยนเส้นทางไปยังตะวันออกกลางและยุโรปโดยการขนส่งทางเรือ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเริ่มต้นที่ดีสำหรับการขยายตลาดต่างประเทศของอุตสาหกรรมยานยนต์ของนครฉงชิ่งสู่ตลาดโลก (渝车出海)
ทั้งนี้ นครฉงชิ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น เมืองแห่งอุตสาหกรรมยานยนต์(汽车城) เนื่องจากมีอุตสาหกรรมยานยนต์ที่พัฒนาอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานครฉงชิ่งได้ผลักดันแผนยุทธศาสตร์ อุตสาหกรรมยานยนต์ของนครฉงชิ่งสู่ตลาดโลก (渝车出海) เพื่อบูรณาการเข้ากับห่วงโซ่อุตสาหกรรมยานยนต์ และห่วงโซ่มูลค่าระดับโลก ในปี ๒๕๖๗ นครฉงชิ่งส่งออกยานยนต์รวม ๔๗๗,๐๐๐ คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๙.๖ คิดเป็นมูลค่ารวม ๔๓.๑๑ พันล้านหยวน (๖.๐๕ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๐ กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ผลักดัน การเติบโตของการค้าต่างประเทศของนครฉงชิ่ง
ทางด้านการขนส่ง จีนได้ใช้มาตรการอำนวยความสะดวก เช่น การจัดลำดับความสำคัญในการจัดสรรขบวนรถไฟและอุปกรณ์ขนส่ง เพื่อให้การส่งออกยานยนต์เป็นไปอย่างราบรื่น โดยเฉพาะสถานีรถไฟหลานกานถานในเขตหย่งชวน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งที่สำคัญสำหรับยานยนต์ยี่ห้อ Great Wall และได้ตั้งฐานการผลิตแบบครบวงจรแห่งที่ ๕ ของโลกที่เป็นโรงงานอัจฉริยะของนครฉงชิ่ง ซึ่งสามารถผลิตรถยนต์รุ่นยอดนิยม ได้แก่ Great Wall Poer Tank 300 และ Haval H9 ไปแล้วกว่า ๑ ล้านคัน สร้างมูลค่าการผลิตรวม ๑๖๗.๕ พันล้านหยวน (๒๓.๔๕ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ของนครฉงชิ่งที่รวดเร็วขึ้น ทำให้การขนส่งทางรถไฟซึ่งมีประสิทธิภาพสูงและต้นทุนต่ำกว่าทางอื่น สามารถเชื่อมต่อกับการขนส่งทางถนน ทางน้ำ และทางทะเลได้อย่างลงตัว ส่งผลให้ยานยนต์ที่ผลิตในนครฉงชิ่ง (重庆造) สามารถกระจายไปสู่ตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น ในปี ๒๕๖๗ นครฉงชิ่งส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าจำนวน ๕๗,๐๐๐ คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๑๕.๓ และยังเพิ่มความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมยานยนต์จีนและศักยภาพของนครฉงชิ่งในฐานะศูนย์กลางการผลิตและส่งออกยานยนต์ของนครฉงชิ่งสู่ตลาดโลก (渝车出海)
การขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในนครฉงชิ่งมีประโยชน์ต่อประเทศไทยในหลายด้าน
๑. โอกาสในการส่งออกสินค้าผ่านเส้นทางขนส่งที่รวดเร็วและต้นทุนต่ำ การที่นครฉงชิ่งมีโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว สามารถเชื่อมโยงการขนส่งทางรถไฟกับ ทางถนน ทางน้ำ และทางทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถใช้ช่องทางขนส่งที่รวดเร็ว และต้นทุนต่ำในการส่งออกสินค้าไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในยุโรปและตะวันออกกลาง
๒. การเสริมสร้างความร่วมมือในอุตสาหกรรมยานยนต์ การที่นครฉงชิ่งส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าจำนวน ๕๗,๐๐๐ คันในปี ๒๕๖๗ และมีการเติบโตที่ร้อยละ ๑๑๕.๓ จะเปิดโอกาสให้ประเทศไทยร่วมมือกับจีนในด้านการพัฒนาและผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีศักยภาพในการส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในไทย
๓. การเข้าถึงตลาดยุโรปและตะวันออกกลาง การส่งออกยานยนต์จากนครฉงชิ่งผ่านการขนส่งทางเรือไปยังตะวันออกกลางและยุโรป เป็นการขยายตลาดของอุตสาหกรรมยานยนต์จีน สร้างโอกาสให้ประเทศไทยสามารถเข้าถึงตลาดเหล่านี้ได้โดยการใช้โครงสร้างพื้นฐานขนส่งของจีน
๔. โอกาสในการร่วมพัฒนาฐานการผลิต การที่นครฉงชิ่งมีฐานการผลิตที่ครบวงจรสำหรับยานยนต์ยี่ห้อ Great Wall จะเป็นโอกาสในการส่งเสริมความร่วมมือในด้านการผลิตยานยนต์ โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตยานยนต์ในไทย
๕. การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในไทย การที่นครฉงชิ่งส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าและมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมนี้ จะเปิดโอกาสให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ โดยการนำเทคโนโลยีและแนวทางจากจีนมาปรับใช้
๖. การกระจายสินค้าไทยในตลาดโลก การที่ยานยนต์ที่ผลิตในนครฉงชิ่งสามารถกระจายไปสู่ตลาดต่างประเทศมากขึ้น จะเป็นโอกาสสำหรับสินค้าของไทยในการเข้าสู่ตลาดโลกผ่านช่องทางการขนส่งและความร่วมมือทางการค้า
[๑] ขบวนรถไฟประเภท JSQ (เป็นรหัสรุ่นของตู้รถไฟจะเริ่มต้นด้วยตัวอักษร “J” ) ซึ่งขบวนรหัสรถไฟประเภท JSQ นี้ จะขนส่งรถยนต์ ด้วยทางรถไฟ เเละเป็นส่วนสำคัญของการขนส่งสินค้าพิเศษทางรถไฟ
ที่มา: เข้าถึงข้อมูลวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
๑. http://cq.news.cn/20250207/57563bc7257a441a90fa6996c4103268/c.html
ที่มา: เข้าถึงรูปภาพวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖
