สรุปรายงานภาวะเศรษฐกิจจีนของนายหลี่ เค่อเฉียง ในการประชุมสภาผู้แทนสหภาพแรงงานแห่งขาติจีนครั้งที่ 16
19 Nov 2013เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 56 การประชุมสภาผู้แทนสหภาพแรงงานแห่งขาติจีนครั้งที่ 16 (The 16th National Congress of Chinese Trade Unions) ได้จัดขึ้น ณ กรุงปักกิ่ง โดยนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ได้รายงานภาวะเศรษฐกิจจีนในปัจจุบัน BIC ขอสรุปสารสำคัญให้ทุกท่าน ดังนี้
1. สถานการณ์การพัฒนาทางเศรษฐกิจของจีน
สถานะปัจจุบันของเศรษฐกิจจีนควรพิจารณาไปพร้อมกันกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกปัจจุบัน โดยในช่วงที่รัฐบาลชุดใหม่จัดตั้งขึ้นมา จีนได้เผชิญหน้ากับสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งความอ่อนแอและการฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าของเศรษฐกิจโลก ในปี 2555 เศรษฐกิจของจีนมีการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักที่ร้อยละ 10.4 แต่อัตราการเติบโตในไตรมาสที่ 4 ของปี 2555 อยู่ที่เพียงร้อยละ 7.8 ต่อมาไตรมาสที่ 1 และ 2 ของปี 2556 ลดลงไปอีก โดยอยู่ที่ร้อยละ 7.7 และร้อยละ 7.5 ตามลำดับ หลายท่านคงเห็นว่าไม่ควรให้ความสำคัญกับตัวเลข GDP เพียงอย่างเดียว แต่จีนยังเป็นประเทศกำลังพัฒนา การพัฒนายังเป็นพื้นฐานและหัวใจสำคัญในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ของจีน และที่สำคัญคือ การให้ความสำคัญกับ GDP ก็เท่ากับการให้ความสำคัญกับการจ้างงาน ที่ผ่านมาแต่ละเปอร์เซ็นต์ที่ GDP ขยายตัว จะสามารถเพิ่มการจ้างงานได้ 1 ล้านคน สำหรับอัตราการเติบโตในปัจจุบันสามารถเพิ่มการจ้างงานถึง 1.3 – 1.5 ล้านคน
ทั้งนี้ เพื่อรองรับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว พร้อมๆ กันกับการส่งเสริมให้เศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างมั่นคงและเพิ่มการจ้างงาน จีนมีสองทางเลือก โดยทางแรกคือ เพิ่มการขาดดุลการคลังและเพิ่มปริมาณเงิน ซึ่งแม้ว่าจะได้รับผลในระยะสั้น แต่ปัจจุบันจีนขาดดุลการคลังในระดับที่สูงอยู่แล้ว และยังมีความเสี่ยงที่จะเพิ่มภาวะเงินเฟ้อ ตลอดจนเพิ่มภาระของชีวิตประจำวันของประชาชนด้วย
ทางเลือกที่สองคือ จีนจะไม่เพิ่มการขาดดุลการคลัง และไม่ผ่อนคลายหรือดึงเครียดนโยบายการเงิน หากแต่จะต้องดำเนินนโยบายทั้งสองให้สอดคล้องและต่อเนื่องเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจและรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ จีนได้ทำงานหลักในหลาย ๆ ด้าน ได้แก่
1) จีนได้ใช้มาตราการที่มีประสิทธิผลในการแบ่งปันผลประโยชน์จากการปฏิรูป อาทิ ลดขั้นตอนและรายการที่ต้องขออนุมัติจากหน่วยงานบริหาร ลดค่าใช้จ่ายด้านการบริหารของหน่วยงานรัฐบาลโดยเริ่มปฏิบัติจากรัฐบาลกลาง การยกเว้นภาษีการค้าและภาษีมูลค่าเพิ่มของวิสาหกิจขนาดเล็กที่ยอดขายต่ำกว่า 2 หมื่นหยวนต่อเดือน นอกจากนี้ จีนยังได้ปฏิรูประบบการลงทุนโดยจัดตั้งบริษัทรถไฟแห่งชาติจีนขึ้นมา พร้อมกับขยายขอบเขตการจัดหาเงินทุนโดยให้ทุนภาคเอกชนเข้าร่วมโครงการเส้นทางรถไฟ โดยเฉพาะโครงการเส้นทางรถไฟในภาคกลางและภาคตะวันตกของจีน
อย่างไรก็ดี การปฏิบัติตามทางเลือกที่สอง จีนก็ต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันไม่น้อย โดยในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ธนาคารต่าง ๆ ของจีนเกิดปัญหาการขาดแคลนเงินกู้ยืมระหว่างธนาคาร แต่ปัญหาดังกล่าวนี้ทางการจีนยังสามารถควบคุมดูแลได้ โดยจีนจะยืนหยัดนโยบายการคลังและการเงินให้มีความต่อเนื่องเพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจต่อไป
2) การส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจไม่เพียงแต่ต้องดำเนินนโยบายที่ต่อเนื่อง ผลักดันการปฏิรูป และการกระตุ้นตลาดแล้ว ยังต้องเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เพราะการขยายอุปสงค์ภายในประเทศเป็นสิ่งที่สำคัญ ที่ผ่านมาจีนได้ออกมาตรการต่าง ๆ เพื้อกระตุ้นการบริโภคของประชาชน และล่าสุดมีแผนจะมอบใบอนุญาต 4G ในเวลาอันใกล้นี้
ปัจจุบันการบริโภคสื่อสารนิเทศและ E-Commerce ได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยปี 2555 ที่ผ่านมา ยอดค้าปลีกออนไลน์ของจีนสูงถึง 1.2 ล้านล้านหยวน และยอดค้าปลีกออนไลน์ใน 3 ไตรมาสแรกปี 2556 ก็เท่าเที่ยมกับยอดค้าของปีที่แล้ว ซึ่งได้สร้างการจ้างงานอย่างมาก นอกจากนี้ จีนจะเร่งพัฒนาบริการบำเหน็จบำนาญ อุตสาหกรรมสุขภาพ และอุตสาหกรรมการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
3) ขยายการเปิดตัวต่อต่างประเทศ หลังจากความพยายามในการพัฒนาเศรษฐกิจหลายปี จีนได้กลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับที่สองของโลก โดยศักยภาพด้านการส่งออกที่เพิ่มขึ้นได้แสดงบทบาทสำคัญ ภายใต้เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและประเทศต่าง ๆ ต่างดำเนินนโยบายเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมการผลิตและการจ้างงานของประเทศตน ที่ผ่านมาได้เกิดความขาดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับยุโรป และจีนกำลังหารือกับผู้นำยุโรปเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
นอกจากนั้น ในระหว่างการเยือนไทย ผมได้แนะนำรถไฟความเร็วสูง และเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงที่ทันสมัยของจีน และการที่บริษัทจีนที่เดินออกไปต่างประเทศนั้น ไม่เพียงจะซื้อสินค้าจากต่างประเทศเท่านั่น แต่ก็ต้องให้ต่างประเทศซื้อสินค้าที่มีคุณค่าของจีนด้วย ซึ่งรวมถึงทั้งสินค้าทั่วไปและสินค้า high-end
4) ชี้แนะการคาดการณ์ของตลาด โดยเพิ่มความมั่นใจของตลาดในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจจีน การค้าระหว่างประเทศ การจ้างงาน และราคาสินค้า เป็นต้น ใน 3 ไตรมาสแรกปีนี้ อัตราเติบโตของ GDP ฟื้นตัวถึงร้อยละ 7.8 และในที่ผ่านมาจีนยังพยายามต่อต้านกับภัยธรรมขาติ ไข้หวัดนก H7N9 รวมทั้งเร่งแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ ตลอดจนเข้มงวดกับการตรวจสอบคุณภาพของอาหาร
2. แนวโน้มการพัฒนาเศรษฐกิจจีนในระยะกลางและระยะยาว
ในฐานะที่จีนเป็นประเทศที่มีรายได้ระดับปานกลาง ปัจจุบันการเติบโตของเศรษฐกิจจีนได้เข้าสู่ช่วงที่ “เติบโตด้วยความเร็วกลาง” แล้ว จากการคาดการณ์ จีนจะสามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาเป็นสังคมกินดีอยู่ดีได้ภายในปี 2563 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 7 ต่อปี ดังนั้น จีนจะลดความเร็วการเติบโตทางเศรษฐกิจเพื่อทุ่มเทในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อรองรับการพัฒนาที่อย่างยั่งยืนมากขึ้น จีนมีความเชื่อมั่นที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากจีนยังอยู่ระหว่างการส่งเสริมความเป็นอุตสาหกรรมและความเป็นเมือง ช่องว่างระหว่างเมืองและชนบท ภาคตะวันออกกับภาคตะวันตกได้ชี้ศักยภาพการพัฒนาในอนาคต นอกจากนี้ การปฏิรูปตลาดและการเปิดกว้างประเทศก็มีผลพวงที่ดีต่อการพัฒนาในอนาคต รัฐบาลจีนมุ่งมั่นที่จะขยายการปฏิรูปในทุกด้าน ซึ่งครอบคลุมการปฏิรูปการคลังสาธารณะ การลดค่าใช้จ่ายของหน่วยงานรัฐ การปฏิรูปภาคการเงินเพื่อส่งเสริมกลไกตลาดในการกำหนดอัตราดอกเบี้ย และการเน้นประโยชน์ต่อบริษัทขนาดเล็ก ซึ่งแม้ปัจจุบันจีนยังจะเผชิญหน้ากับความท้าทายและอุปสรรคไม่น้อย แต่ขอให้ประชาชนจีนร่วมแรงร่วมใจเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกันให้ได้
3. ท่ามกลางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม รัฐบาลจะให้ความสำคัญในผลประโยชน์ของแรงงานมากขึ้น
ขณะที่แรงงานได้สร้างคุณูปการแก่การพัฒนาของเศรษฐกิจและสังคม รัฐบาลก็จะให้ความสำคัญในผลประโยชน์ของแรงงานมากขึ้น โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้
1) การสร้างโอกาสในการทำงานและการจ้างงานอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลจีนให้ความสำคัญในปัญหานี้เป็นอย่างมาก
2) ก่อสร้างระบบการประกันสังคมที่สมบูรณ์ ปัจจุบัน จีนมีแรงงานเข้าร่วมระบบการประกันผู้สูงอายุทั้งสิ้นกว่า 300 ล้านคน แต่ในปี 2556 มีแรงงานประมาณ 38 ล้านคนได้ออกจากระบบดังกล่าว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าระบบการประกันสังคมของจีนยังไม่สมบูรณ์ นอกจากนี้ แม้มีระบบการประกันรักษาพยาบาล แต่จีนก็ยังมีปัญหาที่ประชาชนบางส่วนไม่สามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้ ดังนั้น รัฐบาลรวมทั้งสหภาพแรงงานควรให้ความพยายามในการช่วยเหลือแรงงานที่พบปัญหาเหล่านี้ และก่อตั้งกลไกการช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน
3) ส่งเสริมการเติบโตของรายได้แรงงานรวมทั้งประสิทธิภาพการผลิต ในปี 2556 เงินเดือนต่ำสุดของ 24 มณฑลได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 18 แม้ได้สร้างแรงกดดันกับบริษัท แต่ก็เป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาสังคม
4) ให้ความสำคัญในการอบรมพัฒนาแรงงาน ปัจจุบัน แรงงานที่มีความชำนาญของจีนครองสัดส่วนร้อยละ 36 ในแรงงานทั้งหมด ซึ่งถือว่าไม่มากเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ลงทุนอบรมแรงงาน 10 ล้านคนต่อปี ในอนาคต รัฐบาลจะลงทุนมากขึ้นเพื่อสนับสนุนสหภาพแรงงานอบรมแรงงานให้มีเทคนิคสูง
เมื่อได้ฟังทิศทางนโยบายเศรษฐกิจและการพัฒนาของสังคมจีนเช่นนี้แล้ว หวังว่าจะสร้างความมั่นใจให้กับนักธุรกิจที่ไทยที่สนใจไปทำการค้าการลงทุน นะครับ/คะ