รายงานเศรษฐกิจเมืองต่างๆประจำปี 2555
15 Feb 2013ตามรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของเมืองสำคัญต่างๆในจีนประจำปี 2555 ที่ทยอยกันประกาศออกมา นครเซี่ยงไฮ้และกรุงปักกิ่ง ยังคงรั้งอันดับหนึ่งและสอง ขณะที่เมืองเอกของมณฑลหูเป่ย อย่างอู่ฮั่นกลับมาติดโผ 10 อันดับแรกอีกครั้งหลังจากห่างหายไปหลายสิบปี ขณะที่นครเทียนจิน ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจหลักของเขตเศรษฐกิจรอบอ่าวป๋อไห่ ก็เริ่มไล่เบียดเมืองชายฝั่งตอนใต้อย่างกว่างโจวและเซินเจิ้นใกล้เข้ามาทุกขณะ
มูลค่า GDP ของนครเซี่ยงไฮ้ในปี 2555 อยู่ที่ 2.01 ล้านล้านหยวน ทะลุหลัก 2 ล้านล้านเป็นเมืองแรกของจีนในเขตแผ่นดินใหญ่ ขณะที่ GDP ของปักกิ่งอยู่ที่ 1.78 ล้านล้านหยวนรั้งอันดับที่ 2 สำหรับอันดับที่ 3 ถึง 10 ได้แก่ กว่างโจว เซินเจิ้น เทียนจิน ซูโจว ฉงชิ่ง เฉิงตู อู่ฮั่น และหังโจว โดยเมืองที่น่าจับตามอง ได้แก่ นครเทียนจิน ที่มีมูลค่า GDP เข้าใกล้เมืองเศรษฐกิจสำคัญตอนใต้อย่างกว่างโจวและเซินเจิ้นเข้ามาทุกที โดย GDP ของเทียนจินตามหลัง GDP ของกว่างโจวอยู่ 6 หมื่นล้านหยวน และตามหลังเซินเจิ้นอยู่ 6.5 พันล้านหยวน
ขณะที่เมืองสำคัญในเขตใจกลางประเทศอย่างอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย กลับมามีตัวเลข GDP ติดอันดับ 1 ใน 10 อีกครั้ง โดยในทศวรรษ 80 ก่อนการปฏิรูปเปิดประเทศจะนำพาความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจมาสู่เมืองชายฝั่งอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน อู่ฮั่นเป็นเมืองที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงเป็นอันดับ 4 ของจีน เป็นรองเพียงกรุงปักกิ่ง นครเทียนจิน และนครเซี่ยงไฮ้เท่านั้น
นายถัน กัง หนึ่งในคณะกรรมการที่ปรึกษาการเมืองมณฑลกวางตุ้งและรองผู้อำนวยการโรงเรียนประจำพรรคคอมมิวนิสม์เมืองเซินเจิ้น กล่าวว่า การที่เซินเจิ้นจะถูกเมืองอย่างเทียนจิน ซูโจว และฉงชิ่งแซงหน้าในแง่ของมูลค่า GDP ในระยะเวลาไม่กี่ปีข้างหน้าเป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะเมืองเซินเจิ้นขณะนี้อยู่ในระหว่างการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ โดยเน้นที่การมุ่งพัฒนาในเชิงคุณภาพมากกว่าเชิงปริมาณ รวมทั้งพยายามส่งเสริมการพัฒนาทางนวัตกรรมในอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งนี้ เชื่อว่า หากเศรษฐกิจของเซินเจิ้นประสบความสำเร็จในการปรับโครงสร้าง น่าจะได้เห็นมูลค่า GDP ของเซินเจิ้นกลับมาก้าวทะยานอีกครั้ง
ขณะที่เมืองสำคัญเมืองอื่นในมณฑลกวางตุ้งอย่างตงก่วน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นเมือง “โรงงานของโลก” หลังจากประสบปัญหาการส่งออกชะลอตัวหลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 2551 ตงก่วนซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีมูลค่า GDP อันดับ 15 ของประเทศ ก็หล่นมาอยู่อันดับ 22 และมีอัตราการเติบโตตลอดปี 2555 เพียงร้อยละ 6.1
เห็นได้ว่า เมืองสำคัญชายฝั่งที่ได้ประโยชน์จากการปฏิรูปเปิดประเทศตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาเริ่มมีการเติบโตที่ชะลอตัวลง ขณะที่เมืองตอนใน ซึ่ง “ออกตัวช้ากว่าหนึ่งก้าว” ก็เริ่มกลับมาใช้ข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ของตนในการเชื่อมโยงกับเมืองขนาดรองที่อยู่รอบๆ และใช้ประโยชน์จากการมีพื้นที่ที่กว้างขวางกว่าในการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อไล่ตามเมืองสำคัญชายฝั่ง จึงเป็นไปได้ว่า ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เศรษฐกิจของเมืองหลักตอนในอย่างฉงชิ่งและอู่ฮั่นจะกลับมาเฟื่องฟูไม่แพ้เมืองที่เราคุ้นหูอย่างกว่างโจวและเซินเจิ้น นักธุรกิจไทยจะเลือกลงทุนในตลาดใดต้องพิจารณากันให้รอบด้านนะครับ