นครเฉิงตูคว้ารางวัล “เมืองที่มีความสุขที่สุด” ติดต่อกัน ๑๖ ปี
21 Jan 2025
งาน 2024 Most Happy City Forum จัดขึ้นที่นครเซี่ยงไฮ้ โดยมีการสนับสนุนจากนิตยสาร Liaowang Dongfang Weekly ภายใต้สำนักข่าวซินหัว ซึ่งนครเฉิงตูได้รับการจัดอันดับให้เป็น “เมืองที่มีความสุขที่สุด” อีกครั้ง และคว้ารางวัลนี้ติดต่อกันเป็นปีที่ ๑๖
งานดังกล่าวเน้นไปที่หัวข้อ “เมืองแห่งความสุข” และจัดขึ้นต่อเนื่องมาเป็นครั้งที่ ๑๘ ในปีนี้ โดยการจัดอันดับในครั้งนี้ไม่ได้แบ่งระดับสำหรับแต่ละเมือง แต่จะจัดอันดับตามความสำเร็จในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่สูงสำหรับประชาชน ซึ่งเมืองที่ติดอันดับ “เมืองที่มีความสุขที่สุด” ได้แก่ นครเฉิงตู หางโจว หนิงโป หนานจิง ฉางซา ชิงเต่า กว่างโจว เสิ่นหยาง ซีหนิง ต้าเหลียน และสือเจียจวง รวมถึงเขตชวงหลิวในนครเฉิงตูที่ได้รับการจัดอันดับเป็น “เขตที่มีความสุขที่สุด”

ตัวชี้วัดความสุขเมืองในจีน
กิจกรรมการสำรวจและคัดเลือกครั้งนี้จัดทำโดยห้องปฏิบัติการ China Happiness City Lab ซึ่งก่อตั้งโดย Liaowang Dongfang Weekly ร่วมกับสำนักข่าวซินหัว โดยใช้ ระบบตัวชี้วัดความสุขของเมืองที่อิงจากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ซึ่งประกอบด้วย ๙ ตัวชี้วัดหลัก ได้แก่
๑. ดัชนีการจ้างงาน
๒. ดัชนีรายได้ของประชาชน
๓. ดัชนีคุณภาพชีวิต
๔. ดัชนีสิ่งแวดล้อม
๕. ดัชนีความดึงดูดใจของเมือง
๖. ดัชนีความปลอดภัยสาธารณะ
๗. ดัชนีการศึกษา
๘. ดัชนีการจราจร
๙. ดัชนีสุขภาพและการแพทย์
ระบบตัวชี้วัดนี้ได้รับการสนับสนุนทางเทคนิคจากห้องปฏิบัติการวิจัยธุรกิจอัจฉริยะของ Baidu Research Institute โดยรวบรวมข้อมูลตัวอย่างจากเมืองที่เกี่ยวข้อง และผ่านการตรวจสอบจากคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญเพื่อจัดทำรายงานสำรวจ ทั้งนี้ มีการตอบแบบสอบถามจำนวน ๓๒๖,๗๑๐ ชุด โดยแบบสอบถามที่ใช้ได้จริงมีจำนวน ๓๒๖,๖๙๘ ชุด และการเก็บข้อมูลเมืองและพฤติกรรมของผู้คนผ่าน Big Data มีมากกว่า ๑๐ ล้านล้านรายการ

วิสัยทัศน์ของนครเฉิงตูในฐานะ “เมืองแห่งความสุข”
ในงานดังกล่าว นายหวัง เฟิงเฉา รองเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำนครเฉิงตูและนายกเทศมนตรี ได้กล่าวปาฐกถาโดยเน้นย้ำว่า นครเฉิงตูให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่มุ่งเน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง พร้อมเร่งสร้างเขตตัวอย่างเมืองอุทยานที่สอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาใหม่ ดำเนินการพัฒนาเชิงคุณภาพสูง สร้างชีวิตคุณภาพสูง และบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
นายหวังฯ ยังอธิบายเพิ่มเติมว่า นครเฉิงตูมีความโดดเด่นในความเป็น “เมืองคู่ขนาน” ระหว่างวิถีชีวิตที่เร่งรีบและชีวิตที่ผ่อนคลาย ระหว่างความเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์และความก้าวหน้าสู่อนาคต ระหว่างรสชาติแบบปาซู่[๑]และความเป็นสากล อีกทั้งยังผสมผสานระหว่างธรรมชาติและความเป็นเมืองได้อย่างลงตัว
ในตอนท้าย นายหวังฯ กล่าวเชิญชวนให้ผู้คนมาเยี่ยมชมนครเฉิงตูเพื่อสัมผัสเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของ “เมืองอุทยานใต้เงาหิมาลัย เมืองแห่งชีวิตที่เรียบง่าย และเมืองแห่งนวัตกรรม”

ปัจจัยที่ทำให้เฉิงตูได้รับรางวัลต่อเนื่อง
นายไต้ เหวินหมิง รองผู้อำนวยการฝ่ายวัฒนธรรมและการเมืองของนิตยสาร Liaowang Dongfang Weekly และโฆษกของฟอรั่มเมืองแห่งความสุข เปิดเผยว่า ตัวชี้วัดหลัก ๙ ด้านของนครเฉิงตู ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มแนวหน้า โดยเฉพาะตัวชี้วัด ๔ ด้าน ได้แก่ ดัชนีการศึกษา ดัชนีสุขภาพและการแพทย์ ดัชนีความดึงดูดใจของเมือง และดัชนีความปลอดภัยสาธารณะ ซึ่งอยู่ในระดับแนวหน้าของประเทศ
นายไต้ฯ ยังระบุว่า ความสำเร็จของนครเฉิงตูสะท้อนถึงศักยภาพและคุณภาพชีวิตที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องของเมือง โดยเฉพาะแนวทางการพัฒนาที่มุ่งเน้นประชาชนเป็นศูนย์กลางอย่างลึกซึ้งในทุกมิติ
ตัวอย่างนโยบายที่โดดเด่นในปีนี้ ได้แก่ การส่งเสริมสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ การแก้ปัญหาจราจรอย่างเปิดเผย และการพัฒนาเขตอุทยานอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งช่วยเสริมสร้างความสุขให้กับประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม
นครแห่งนวัตกรรมและความสะดวกสบาย: ทำไมนครเฉิงตูครองตำแหน่ง “เมืองที่มีความสุขที่สุด” ติดต่อกัน ๑๖ ปี?
คำตอบอยู่ที่ ศักยภาพผสมผสานระหว่างความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Hard Power) และความแข็งแกร่งด้านวัฒนธรรมและบริการ (Soft Power) ที่รวมกันเป็นพลังขับเคลื่อนเมือง
ความสำเร็จด้านการพัฒนาที่ตอบสนองประชาชน
คณะผู้จัดงานประเมินว่า นครเฉิงตูได้ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนผ่านการปฏิรูปที่เน้นการบริหารจัดการอย่างละเอียด (Fine Governance) พร้อมขับเคลื่อน “๑๐ โครงการชีวิตที่มีความสุข (Top Ten Projects for a Happy and Beautiful Life in Chengdu in 2024)” ซึ่งสร้างสภาพแวดล้อมในเมืองให้ผู้คนรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของและความภาคภูมิใจ อีกทั้งยังเปลี่ยนความสำเร็จด้านการพัฒนาเมืองให้กลายเป็นประสบการณ์ที่สัมผัสได้สำหรับทุกคน ทำให้เมืองกลายเป็นสถานที่แห่ง “ความสุขอย่างยั่งยืน”

รากฐานความสุขจากการพัฒนาอุตสาหกรรม นครเฉิงตูมีความแข็งแกร่งในด้านอุตสาหกรรมที่มั่นคง ตัวอย่างเช่น บริษัท Sichuan Jianshan Technology Co., Ltd. ผู้ก่อตั้งกล่าวว่า การเติบโตของทีมจาก ๔ คนในปี ๒๕๕๙ เป็น ๔๐๐ คนในปัจจุบัน เกิดจากสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้อต่อการเติบโตในนครเฉิงตู นอกจากนี้ บริษัทใน Fortune 500 เช่น Idemitsu Kosan และ Linde Gas ยังคงเพิ่มการลงทุนในนครเฉิงตูอย่างต่อเนื่อง
นครเฉิงตูยังได้ดำเนินโครงการ “เยี่ยมหมื่นวิสาหกิจ แก้ไขปัญหา ปรับปรุงสภาพแวดล้อมธุรกิจ” เพื่อสนับสนุนการเติบโตของภาคธุรกิจ โดยมีการเปิดศูนย์ส่งเสริมเศรษฐกิจภาคเอกชน ซึ่งจัดกิจกรรมเชื่อมโยงทรัพยากรกว่า ๑๐ งานในเวลาเพียงหนึ่งเดือนครึ่ง ช่วยเหลือวิสาหกิจเกือบ ๕๐๐ แห่ง

เมืองแห่งอนาคตและนวัตกรรม นครเฉิงตูยังเป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ “Gongga-1” และ “Skywalker I” รวมถึงระบบอุตสาหกรรมแบบครบวงจรครอบคลุม ๓๘ กลุ่มอุตสาหกรรม เช่น คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่ผลิตในนครเฉิงตูคิดเป็น ๑ ใน ๔ ของโลก และหน้าจอระดับไฮเอนด์คิดเป็นครึ่งหนึ่งของตลาดโลก และในช่วงสามปีที่ผ่านมา บริษัทต่าง ๆ ในนครเฉิงตูได้สร้างสถิติใหม่สำหรับธุรกรรมการขออนุญาตยาต่างประเทศของ ADC ของจีนถึงสามครั้ง
ความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน นครเฉิงตูสร้างสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัวให้กับประชาชน เมืองนี้มีกิจกรรมบันเทิงหลากหลาย เช่น การชมการแสดงในสวนสาธารณะในงาน Chengdu Expo การเข้าร่วมงานแข่งขันกีฬา และการเดินทางที่สะดวกผ่านระบบขนส่งมวลชนที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว เช่น เครือข่ายรถไฟใต้ดินระยะทางรวม ๖๗๐ กิโลเมตร
การเชื่อมต่อระดับนานาชาติ สนามบินนานาชาตินครเฉิงตูมีเที่ยวบินตรงครอบคลุม ๗๓ เส้นทางระหว่างประเทศ เครือข่ายรถไฟจีน-ยุโรปจากนครเฉิงตูครอบคลุม ๑๔๗ เมือง ทำให้นครเฉิงตูเป็นศูนย์กลางการขนส่งทั้งทางอากาศและทางรางที่สำคัญในภาคตะวันตกของจีน (นครเฉิงตูมีเที่ยวบินมาไทยมากกว่า ๔๐ เที่ยวต่อสัปดาห์)
การแก้ไขปัญหาการจราจรและยกระดับการเดินทาง นครเฉิงตูยังจัดการปัญหาการจราจรผ่านโครงการลดจุดแออัด ๖๓ แห่ง ซึ่งมีการแก้ไขแล้ว ๑๗ จุด รวมถึงการเปิดตัวเส้นทางรถไฟใต้ดินสายใหม่ เช่น สาย ๒๗ และส่วนขยายสาย ๘
เอกลักษณ์ที่หลากหลายของนครเฉิงตู การผสมผสานความเก่าและใหม่ วิถีชีวิตที่เร่งรีบและผ่อนคลาย รวมถึงความเป็นสากลและวัฒนธรรมพื้นเมืองได้อย่างลงตัวของเมืองนี้สะท้อนถึงพลังที่ไม่มีสิ้นสุดและศักยภาพการพัฒนาที่เต็มเปี่ยม
นครเฉิงตูซึ่งได้รับรางวัล “เมืองที่มีความสุขที่สุด” ติดต่อกันถึง ๑๖ ปี เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจสำหรับประเทศไทยในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน การเน้นแนวคิดการพัฒนาที่มุ่งเน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง และการผสมผสานความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และนวัตกรรม สะท้อนถึงความสำเร็จที่สามารถปรับใช้ได้ในบริบทไทย เช่น การปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจเพื่อเอื้อประโยชน์แก่วิสาหกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง รวมถึงการสนับสนุนอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มในตลาดโลก
การผสมผสานระหว่าง “ชีวิตที่เร่งรีบ” และ “ชีวิตที่ผ่อนคลาย” ของนครเฉิงตูยังแสดงถึงความสำคัญของการสร้างสมดุลชีวิตการทำงานและการพักผ่อน ซึ่งประเทศไทยสามารถนำไปพัฒนานโยบายด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน เช่น การสร้างพื้นที่สีเขียวและแหล่งนันทนาการในเมืองใหญ่ เพื่อให้เกิด “ความสุขที่จับต้องได้” สำหรับทุกคน
นอกจากนี้ เครือข่ายการขนส่งที่ครอบคลุมและการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนของนครเฉิงตู เช่น รถไฟฟ้าและเครือข่ายระหว่างประเทศ ยังชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งประเทศไทยสามารถเรียนรู้จากแนวทางนี้เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเดินทางและขนส่ง รวมถึงยกระดับศักยภาพในฐานะศูนย์กลางการเชื่อมโยงภูมิภาค
การที่นครเฉิงตูใช้เทคโนโลยี Big Data เพื่อวัดความสุขของประชาชนยังแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการกำหนดนโยบายสาธารณะ ประเทศไทยสามารถนำแนวคิดนี้มาสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในด้านต่าง ๆ เพื่อวางแผนพัฒนาเมืองให้ตรงกับความต้องการได้
สุดท้ายนี้ ความสำเร็จของนครเฉิงตูที่ผสมผสานวัฒนธรรมดั้งเดิมและความทันสมัยอย่างลงตัว ชี้ให้เห็นว่าการรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจและนวัตกรรมสามารถเสริมสร้างความโดดเด่นของเมืองหรือประเทศในเวทีโลกได้อย่างยั่งยืน
[๑] “รสชาติแบบปาซู่” หรือ “巴蜀味” หมายถึงรสชาติของอาหารจากภูมิภาคปาซู่ ซึ่งครอบคลุมมณฑลเสฉวนและนครฉงชิ่งในประเทศจีน อาหารจากภูมิภาคนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ “อาหารเสฉวน” (川菜) ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่สำนักอาหารหลักของจีน
ที่มาข้อมูล: เข้าถึงข้อมูลวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๘
๑. https://mp.weixin.qq.com/s/Qo5w5ZIiIAhqmZyjiyNBMA
๒. https://www.sc.gov.cn/10462/10464/10797/2023/4/28/98546297e1a64fbeb7b1a1a615e94dfd.shtml
ที่มารูปภาพ:
๑. 699pic.com
๒. https://mp.weixin.qq.com/s/Qo5w5ZIiIAhqmZyjiyNBMA